อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1193 ในมือ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1193 ในมือ
เย่จิ่งหานไม่อยากเชื่อนาง
เพราะผู้หญิงคนนี้พูดแต่เรื่องโกหก ใครจะไปรู้ว่าอันไหนจริง อันไหนเท็จ
แต่เกี่ยวข้องกับอาหน่วน เขาจะไม่คิดมากไม่ได้
หากเป็นความจริงละ?
“เจ้าตามหาขวานผานกู่มาตลอดไม่ใช่หรือ? ขวานผานกู่อันนั้นอยู่ในมือเวินเส้าหยี”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
“ข้าได้ยินเจ้าผีเสื้อพูดว่า เจ้าจะใช้ขวานผานกู่ผ่าเปิดมิติ ตอนนี้หาเจอวิธีทำให้มิติที่แตกร้าว กลับไปยังทวีปเย่หยู่ได้แล้ว เพียงแค่ตอนนี้ยังรวบรวมดวงจิตอาหน่วนของเจ้ายังไม่ครบ ดังนั้นเขาจึงยังไม่กลับไป”
เดิมเย่จิ่งหานยังลังเลว่ากู้ชูหน่วนพูดความจริงหรือเท็จ แต่คำพูดประโยคนี้ทำให้เย่จิ่งหานไม่เชื่ออย่างแน่นอน
“หากสามารถเปิดมิติได้จริง เวินเส้าหยีกลับไปแก้แค้นตั้งแต่แรกแล้ว”
“เจ้าไม่รู้เสียแล้ว เจ้ารู้ไหมว่าทำไมเวินเส้าหยีถึงต้องแต่งงานกับราชินี? เพราะการแยกมิติกลับไปยังทวีปเย่หยู่ต้องใช้สิ่งของอย่างหนึ่งในมือราชินี ดังนั้น….ด้วยตำแหน่งสถานะของเวินเส้าหยี เขาไม่อยากอภิเษก ใครจะสามารถบังคับเขาได้”
“อ๋อ….ต้องการสิ่งของอะไรในมือราชินี?”
“เรื่องนี้ข้าไม่รู้ หากข้ารู้ไปหมดทุกอย่าง ข้าคงกลายเป็นไป๋เสี่ยวเซิ่งแล้ว”
“ไป๋เสี่ยวเซิ่งคือใคร”
กู้ชูหน่วนอึ้ง
ไป๋เสี่ยวเซิ่งคือใคร?
นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเป็นใคร นางก็แค่พูดออกมาอย่างนั้นแหละ
“ยังไงก็แล้วแต่เจ้า เจ้าวางแผนซ้อนแผน เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของราชินี หรือควบคุมราชินีไว้ บางอาจจะหาเจอหนึ่งในดวงจิตของอาหน่วนเจ้า และก็สามารถรู้วิธีฉีกมิติ”
กู้ชูหน่วนพูดเถไปเรื่อยแล้ว
แต่นางคิดไม่ถึงว่า สิ่งที่นางถูกเถไปเรื่อยกลับกลายเป็นความจริง
เย่จิ่งหานมองดูสีหน้าสงบนิ่งของกู้ชูหน่วน ในใจทรงพลังอันมหาศาลเหมือนอย่างสามารถเคลื่อนย้ายภูเขาและทะเลได้
ต่อให้แผนซ้อนแผน เขาก็ไม่อยากแต่งงานกับราชินี
แต่อยู่ในหอกระบี่มานานขนาดนี้ เขารู้ดีอย่างที่สุดว่า ราชินีคนนี้ไม่ธรรมดา
“ข้าจะลองเชื่อเจ้าดูสักครั้ง”
“นี่ก็ถูกต้องแล้ว ข้าจะทำร้ายใครแต่ก็ไม่มีทางทำร้ายเจ้า”
เย่จิ่งหานกลอกตามองบน พร้อมพูดขึ้นว่า “ขาของข้าอีกนานแค่ไหนถึงจะสามารถเดินได้”
“เจ้านอนอยู่บนเตียงตลอด ไม่ลุกขึ้นมาเคลื่อนไหว จะหายไวขนาดนั้นได้อย่างไร”
“ไม่นานก็จะมีคนมาปลดโซ่แล้ว”
เย่จิ่งหานเพิ่งพูดเสร็จ ก็มีขันทีเข้ามาทันที พร้อมปลดโซ่เหล็กพันปีให้เขาอย่างนอบน้อม
มองดูพวกขันทีเอาโซ่เหล็กออกไป แล้วปิดประตูห้อง กู้ชูหน่วนยกมือลูบคาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เห็นที เจ้ายังมีทางหนีทีไล่ไม่น้อย”
อยู่แต่ท่าเดิมนานเกินไป แขนขาเย่จิ่งหานชาไปหมด แค่เพิ่งขยับก็รู้สึกเหมือนมีมดเป็นพันหมื่นตัวกัดกิน ชาจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
เห็นกู้ชูหน่วนมองดูเขาอย่างน่านำ เย่จิ่งหานอดกลั้นความปวดชาไว้ อยากดันร่างกายครึ่งท่อนลุกขึ้นมานั่ง แต่เพียงเคลื่อนไหวเล็กน้อย ก็ทำให้เขาแทบหมดแรง
“คนปากแข็ง ขยับไม่ได้ก็ไม่ต้องขยับ”
“ใครบอกว่าข้าขยับไม่ได้”
ถูกสายตาดูถูกของนางทำให้โกรธ เย่จิ่งหานจึงดันกายจะลุกขึ้นมา
“คลั่ก…..”
หากไม่ใช่เพราะเขามือไว คว้าจับโต๊ะด้านข้างไว้ คงล้มตกเตียงไปแล้ว
“ใจร้อน กินเต้าหู้ร้อนไม่ได้ ต่อให้เจ้าอยากหายแค่ไหน ก็ต้องใช้เวลา ร้อนใจไปทำไม”
“ภายในเวลาอันสั้น เจ้าฟันฝ่าไปถึงระดับสี่ขั้นกลาง เจ้าใจร้อนทำไม”
“ตระกูลมู่ถูกฆ่าล้างตระกูลยังรอข้าไปล้างแค้น เซียวหยู่เซวียนต้องการให้ข้าไปช่วย”
“เจ้า….ชอบเซียวหยู่เซวียนจริงๆหรือ?”
เย่จิ่งหานลองถามขึ้นมา ไม่รู้ว่าทำไม ในใจคาดหวังคำตอบที่ปฏิเสธ
“เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า นอนอยู่บนเตียง ค่อยๆฝึกยกขาคนเดียว”