อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1201 ตามหาเจอเซียวหยู่เซวียน
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1201 ตามหาเจอเซียวหยู่เซวียน
“ในเมื่อข้ากล้ามา ก็ไม่คิดที่จะมีชีวิตกลับไป หลานของข้าล่ะ หลานของข้าอยู่ที่ไหน?”
“เอาตัวเองยังไม่รอด ยังจะคิดถึงเจ้าเด็กนั่น วางใจเถอะ รอหลังจากเจ้ากลายเป็นอาหารเลิศรสของข้าแล้ว ไม่นานเจ้าก็จะได้เจอกับเขาแล้ว”
“ยอดฝีมือทวีปปิงหลิง โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ล้วนถูกเจ้าทำร้าย?”
“เจ้าเฒ่า ความรู้สึกของเจ้าถือว่าไม่ต่ำ”
“เจ้าทำร้ายขุนนางจงรักภักดี ฆ่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ กระทำความชั่วทุกอย่าง ประเทศแคว้นน้ำแข็งถูกเจ้ากระทำจนไม่เป็นประเทศ บ้านไม่เป็นบ้าน ประชาชนพลัดถิ่นเป็นจำนวนมาก อดอยากไปทั่ว ต่อให้วันนี้เจ้าไม่ฆ่าข้า ข้าก็จะกำจัดเจ้านางมารแทนประชาชน”
“แค่ขั้นสูงสุดระดับห้าเท่านั้นเอง ยังกล้ามาเหิมเกริมตรงหน้าข้า”
“ระดับเจ็ดแล้วยังไง? ต่อให้แลกด้วยชีวิตของข้า ก็จะตายไปพร้อมกับเจ้า”
ทั้งสองคนต่อสู้กันขึ้นมา
ต่อให้ผู้เฒ่าหนิงมีวิทยายุทธสูงส่ง แต่เมื่อเทียบกับราชินีนั้นแตกต่างกันอย่างมาก เขาใช้พลังถึงเก้าส่วนก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้ตัวราชินี ถูกหมัดหนึ่งกระแทกรอยไปไกล
“พัฟ….”
อวัยวะภายในผู้เฒ่าหนิงแทบเคลื่อนย้ายตำแหน่งหมด ถูกราชินีต่อยกระแทกพื้นจนเป็นหลุมเลือด
ผู้เฒ่าหนิงกลั้นหายใจ
วิทยายุทธแข็งแกร่งมาก
เขาเป็นขั้นสูงสุดระดับห้าคนหนึ่งอยู่ตรงหน้านาง เป็นเหมือนอย่างทารกน้อยไม่มีทางสู้
“ถึงจะแก่ไปหน่อย แต่ความสามารถถือว่าไม่เลว ไม่รู้ว่าหลังจากข้าดูดของพวกเจ้าหลายคนไปแล้ว ยังมีวิทยายุทธของพวกเวินเส้าหยีเย่จิ่งหาน ไม่รู้ว่าจะไปถึงขั้นกลางระดับเจ็ดไหม หรือขั้นสูงระดับเจ็ดไหม”
ราชินีโบกมือ แสงหนึ่งปกคลุมผู้เฒ่าหนิง เริ่มดูดพลังของผู้เฒ่าหนิงอยู่อย่างเพลิดเพลิน
ผู้เฒ่าหนิงเห็นแล้ว ร่างกายเปล่งแสงรัศมีสว่างไสว
แสงนั่นสาดทะลุแสงรัศมีปกคลุมของราชินี ยังสามารถปกป้องไม่ให้พลังของเขาถูกดูด
ราชินีอึ้ง
“ที่เป็นวิทยายุทธอะไร? เคล็ดวิชาประจำตระกูลหนิงหรือ? แม้แต่พลังของข้าก็สามารถต้านทานได้ สนุก สนุกมาก ฮ่าๆ…..”
ราชินีดีดนิ้ว ลำแสงทีละลำๆ พุ่งเข้ามาหาผู้เฒ่าหนิง
ลำแสงนั้นทรงพลัง เต็มไปด้วยลมหายใจแห่งความตาย
นี่เป็นพลังของผู้แข็งแกร่งระดับเจ็ด เมื่อโดนลำแสงถูกตี ต่อให้เป็นคนขั้นสูงสุดระดับหกก็ต้องตายอย่างน่าสงสัย
อยู่ห่างตั้งไกล ทุกคนยังถูกลมปราณนั้นกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
ราชินีสามารถฆ่าผู้เฒ่าหนิงได้อย่างง่ายดาย แต่นางไม่ทำ แต่แกล้งเขาเหมือนอย่างแมวไล่จับหนู ค่อยๆทำลายพลังผู้เฒ่าหนิง
หากไม่ใช่เพราะผู้เฒ่าหนิงมีพลังที่แข็งแกร่ง คงสิ้นใจตายอยู่ในลำแสงนั่นแล้ว ต่อให้เป็นเช่นนี้ เขาก็ยากที่จะต้านทานเรื่อยๆ เกือบเอาชีวิตไม่รอดอยู่หลายครั้ง
ปกป้องตนเองยังเป็นเรื่องยาก แล้วจะตอบโต้ยังไง?
ในใจผู้เฒ่าหนิงเริ่มเยือกเย็นลงทีละนิด
พวกชิงเฟิงเจี่ยงเสวียก็มองดูอยู่อย่างตื่นเต้น
เซียวหยู่เซวียนตะโกนพูดขึ้นว่า “อย่าเผชิญหน้ากับนางโดยตรง เจ้าสู้นางไม่ได้ พื้นที่ในนี้ซับซ้อน เจ้ารีบหนีไป”
ร่างกายผู้เฒ่าหนิงระเบิดพลังออกมาอย่างรุนแรง สั่นสะเทือนให้แสงรัศมีพวกนั้นพังทลาย ร่างกายเหมือนถูกของมีคมกระแทก คนกับดาบผสานเป็นกายเดียวพวยพุ่งไปสังหารราชินีด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ
พวกเขาล้วนคิดว่าผู้เฒ่าหนิงจะหนีเอาตัวรอด แต่พวกเขาคิดไม่ถึง ผู้เฒ่าหนิงเหมือนเอาไข่มาทุบก้อนหิน กล้าคิดจะฆ่าราชินี
ราชินีหัวเราะเย้ย ฟาดฝ่ามือทำลายพลังการโจมตีของเขา แล้วทำให้ผู้เฒ่าหนิงบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง
ผู้เฒ่าหนิงไม่สนใจบาดแผล โจมตีอย่างต่อเนื่อง บาดเจ็บสาหัสครั้งแล้วครั้งเล่า ยังไงก็ไม่ยอมล้มลง
เซียวหยู่เซวียนร้อนใจ
กู้ชูหน่วนก็ร้อนใจ
ปล่อยแบบนี้ต่อไป เสินเซียนก็ช่วยเขาไว้ไม่ได้
เซียวหยู่เซวียนดิ้นรนจะลุกขึ้นมา เขาพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “รีบหนีไป หากเจ้าตายอยู่ที่นี่ ก็จะไม่มีใครมาช่วยหลานของเจ้าได้แล้ว”
อาจเป็นเพราะประโยคนี้ทำให้ผู้เฒ่าหนิงได้สติขึ้นมา
หรือผู้เฒ่าหนิงหมดหวังแล้ว รู้ว่าตนเองไม่สามารถฆ่าราชินีได้ จึงใช้วิธีล่อลวงหนีออกไปจากทางลับ
ราชินีหัวเราะเย้ย สายตาเย็นชาเต็มไปด้วยความมั่นใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “คิดจะหนี? เจ้าคิดว่าเป็นไปได้หรือ?”
นางเคลื่อนไหวร่างกาย ไล่ตามไปอย่างเชื่องช้า
มั่นใจว่าพวกเขาไปไกลแล้ว กู้ชูหน่วนค่อยออกมา รีบมายังข้างกายเซียวหยู่เซวียนอย่างรวดเร็ว แล้วประคองเขาขึ้นมา
“เสี่ยวเซวียนเซวียน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ยังเดินได้ไหม?”
ได้ยินเสียงของกู้ชูหน่วน เซียวหยู่เซวียนทั้งตกใจทั้งดีใจทั้งกลัวทั้งลังเล
เขาจ้องมองดูสายตาปราดเปรียวของกู้ชูหน่วน ตลอดจนท่าทีการเคลื่อนไหวที่คุ้นเคย หัวใจเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ยัยขี้เหร่……
คือยัยขี้เหร่……
เมื่อก่อนเขาคิดมาตลอดว่ามู่หน่วนคือมู่หน่วน เพียงแต่ดวงจิตของกู้ชูหน่วนสิงสถิตอยู่ในร่างกายของนาง ดังนั้นท่าทีการเคลื่อนไหวของนางจึงเหมือนกู้ชูหน่วน
แต่หลังจากที่ถูกกักขังอยู่ที่นี่ เขารู้มาจากปากราชินี นางก็คือยัยขี้เหร่ของเขา
นางไม่ใช่มู่หน่วน
ภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาต่างๆ ปรากฏในหัวสมองของเขา
นับจากราชวิทยาลัยจนถึงพวกเขารู้จักกัน จนบุกท่องยุทธภพพร้อมกัน ร่วมเป็นร่วมตาย ผ่านอันตรายมาด้วยกัน คนตระกูลเซียวถูกฆ่าล้างตระกูล นางกลับยืนข้างเลว่อิ่ง ช่วยเลว่อิ่ง ไม่สนใจความรู้สึกของเขา สุดท้าย….เขาเห็นนางบูชายัญด้วยชีวิตต่อหน้าต่อตา….
ภาพแต่ละภาพ…..
ราวกับเป็นนิรันดร์
และก็เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ไม่ว่าจะเป็นภาพเหตุการณ์ไหน ล้วนฝังลึกอยู่ในใจเขา
ดวงตาเซียวหยู่เซวียนเปียกชื้น
ดีก็ช่าง
เกลียดก็ช่าง
เห็นนางปลอดภัยดี เขาก็วางใจแล้ว
“เหม่อลอยอะไรอยู่ ข้าถามว่าเจ้าเดินได้ไหม”
กู้ชูหน่วนยื่นมือโบกตรงหน้าเขา
เจ้าทึ่มคนนี้ ถูกกักขังอยู่ที่นี่นาน จนปัญญาอ่อนไปแล้วหรือ?
เซียวหยู่เซวียนมีคำพูดมากมาย กลับไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง เพียงมองดูกู้ชูหน่วนอย่างห่วงใย ไม่อยากละสายตาไปเพียงนิด
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “พระชายา ในที่สุดท่านก็มาแล้ว”
“พระชายาอะไร อย่ามาหานับญาติที่นี่ ข้าพาไปได้มากที่สุดเพียงคนเดียว พวกเจ้ารอนายท่านของพวกเจ้ามารับนะ”
“พระชายา ท่านเป็นพระ….”
“ปัง…..”
ไม่รอชิงเฟิงเจี่ยงเสวียพูดเสร็จ มีเสียงระเบิดดังขึ้นในทางลับ สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งห้องลับ ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าหนิงกับราชินีต่อสู้กันรุนแรงแค่ไหน
แรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงทำให้เซียวหยู่เซวียนได้สติกลับมา
เขารีบพูดขึ้นว่า “ข้าไปไม่ได้ เคลื่อนไหวไม่ได้ เราสามคนถูกผู้หญิงบ้าคนนั้นใช้เคล็ดวิชาลับตราตรึงไว้ เจ้ารีบไป ไม่ต้องสนใจพวกเรา”
“ใช่ พระชายา เจ้าคนบ้าคนนั้นมีพลังแข็งแกร่งมาก ถึงระดับเจ็ดแล้ว ฉวยโอกาสตอนนี้นางไม่อยู่ ท่านรีบหนีไป”
“พระชายา นายท่านเราล่ะ เขาเป็นอย่างไรบ้าง มีอันตรายไหม?”
“วางใจ เย่จิ่งหานสบายดี อีกไม่นานเขาก็จะอภิเษกแล้ว”
“อภิเษก?”
อภิเษกกับใคร?
อภิเษกกับพระชายาอีกครั้งหรือ?
“ตูม….”
ทางลับสั่นคลอนอย่างต่อเนื่อง ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียมีคำถามมากมาย แต่ก็ต้องอดกลั้นยับยั้งไว้ ให้กู้ชูหน่วนได้หนีไปจากที่นี่โดยเร็ว
ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่ากู้ชูหน่วนจะตามหาเจอเซียวหยู่เซวียน นางจะยอมทิ้งเซียวหยู่เซวียนแล้วหนีไปคนเดียวหรือ
หลังจากมั่นใจว่าเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ กู้ชูหน่วนแบกเซียวหยู่เซวียนขึ้นมา
“จะไปก็ต้องไปด้วยกัน จะอยู่ก็ต้องอยู่ด้วยกัน”
“หากเจ้ายังเห็นว่าข้าเป็นเพื่อน เจ้าก็ปล่อยข้าลง พาข้าไปด้วย เราสองจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ข้าเคยพูดแล้ว ข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้า จะไม่มีวันตลอดไป”
เพียงประโยคง่ายๆ ทำให้หัวใจอันซับซ้อนของเซียวหยู่เซวียนรู้สึกหวานซึ้งขึ้นมา
แต่ท่าทีของเขามุ่งมั่นอย่างมาก
“หากเจ้ายังไม่ปล่อยข้าลง ข้าจะกัดลิ้นข้าตัวเอง ตายอยู่ตรงหน้าเจ้า หากเจ้าไม่เชื่อ เจ้าลองดูก็ได้”