อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1252 นี่หลอกลวงจนเคยชิน
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1252 นี่หลอกลวงจนเคยชิน?
ในขณะที่กู้ชูหน่วนกำลังคิดอยู่ว่า ทำไมไม่เห็นเย่จิ่งหานกับอาโม่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องดังลั่นขึ้นมาว่า
“ถวายบังคมจักรพรรดินี จักรพรรดินีอายุยืนหมื่นปี หมื่นๆปี”
เสียงดังอึกทึกจนทำให้กู้หน่วนแทบกระโดดขึ้นมา
นางไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมถึงได้กลายเป็นราชินี?
“พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ใช่บุตรสาวฮ่องเต้องค์ก่อน”
“จักรพรรดินี ท่านอย่าดูถูกตัวเองจนเกินไป ท่านคือประมุขแคว้นน้ำแข็งของเรา”
ฮัวอิ่งเห็นว่าทุกคนเข้าข้างกู้ชูหน่วน ก็โกรธโมโห ยกฝ่ามือฟาด ต้องการที่จะทำลายล้างทุกคน
เวินเส้าหยีปัดด้วยมือเปล่า เสียงแคร้ง แคร้ง ของฉินฟันออกไป ปิดกั้นฝ่ามือส่วนใหญ่ของนางไว้
สายตากู้ชูหน่วนเยือกเย็น ยกดาบชี้ขึ้นฟ้า ตาข่ายขนาดใหญ่ถูกเหวี่ยงออกไปในทันที ปกป้องให้ทุกคนอยู่ภายใต้ตาข่าย
แต่มีคนเป็นจำนวนมาก ต่อให้ตาข่ายของนางใหญ่แค่ไหน ก็ไม่สามารถครอบคลุมได้ทุกคน
ภายใต้ตาข่ายใหญ่ มีผู้คนไม่น้อยเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ศพเกลื่อนกลาดไปทั่ว
ตาข่ายยักษ์ใหญ่ต้านรับผลพวงไม่ไหว มีคนไม่น้อยได้รับบาดเจ็บภายใน
แม้แต่สีหน้ากู้ชูหน่วนก็ขาวซีดเล็กน้อย
พวกหลินเฟยร้องขึ้นมาว่า “จักรพรรดินี”
“จักรพรรดินีอะไร บอกแล้วไงว่าข้าไม่ใช่คนที่พวกเจ้าตามหา”
“ปกป้องจักรพรรดินี”
“เรื่องของค่อยว่ากัน หากตอนนี้พวกเจ้าเชื่อฟังข้า งั้นก็ถอยออกไป ถอยออกไปให้หมด”
พวกองครักษ์ต่างหันไปมองหลินเฟยกับอ๋องเสวี่ยฉิน
ศัตรูอยู่ตรงหน้า พวกเขาจะทอดทิ้งจักรพรรดินีได้อย่างไร
“ที่นี่ยกให้ข้า หลินเฟย เจ้าปกป้องส่งจักรพรรดินีหนีไปก่อน”
ฮัวอิ่งเล่นเส้นผมตนเองอยู่อย่างยั่วยวน หัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “เพ้อฝันอย่างคนปัญญาอ่อน ขอเพียงข้าไม่อยากให้พวกเจ้าจากไป พวกเจ้าก็ไปไหนไม่ได้สักคน ยังคิดเพ้อฝันจะปกป้องพานางจากไป”
“พวกสัตว์อสูร ตั้งค่ายกล”
ตามด้วยเสียงดังกึกก้องของกู้ชูหน่วน สัตว์อสูรทุกชนิดที่นางพามาเรียงตัวกันเป็นค่ายกล กลายเป็นรูปดาวนักปราชญ์
พลังของพวกสัตว์อสูรจะว่าสูงก็ไม่สูง จะว่าต่ำก็ไม่ต่ำ ล้วนอยู่ประมาณระดับสาม เยอะแยะมากมายหลากหลายไม่ซ้ำ มีสัตว์อสูรทุกประเภท
เมื่อตั้งค่ายเสร็จ มองด้วยตาเปล่า ก็ไม่เห็นว่าจะแตกต่างจากลักษณะทั่วไป
กู้ชูหน่วนรีบตะโกนพูดขึ้นว่า “ไป รีบไป”
อ๋องเสวี่ยฉินกับพวกหลินเฟยต่างก็รู้ เจ้าคนตัวปลอมนั่นมีพลังที่แข็งแกร่งมาก พวกเขาไม่กล้าชักช้า รีบให้คนจากไปอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าก็ไป”
“จักรพรรดินีอยู่ที่นี่ พวกเราไปไม่ได้”
“สั่งให้พวกเจ้าไปก็รีบไป จะต้องพูดอะไรมาก”
“จักรพรรดินี”
ฮัวอิ่งหัวเราะ เอื้อมมือไปวาดเขียนยันต์กลางอากาศ เคลื่อนไหวเหมือนอย่างสายน้ำ
นางคือระดับเจ็ด ไม่ว่านางวาดเขียนยันต์อะไร ค่ายกลรูปแบบใด ๆ ล้วนจะถูกนางทำลายได้ทันที
แต่หลังจากที่นางวาดเขียนยันต์แล้ว กลับไม่สามารถข้ามผ่านค่ายกลดาวนักปราชญ์
รอยยิ้มของฮัวอิ่งแข็งทื่อเล็กน้อย
ดูเหมือนค่อนข้างแปลกใจ
ไม่นานนางก็วาดเขียนยันต์ขึ้นมาใหม่ เหมือนขีดเขียนอย่างลวกๆ
ยันต์ในครั้งนี้ ก็ยังคงไม่สามารถฟันฝ่าค่ายกลดาวนักปราชญ์
เป็นถึงระดับเจ็ด ยันต์ของนางกลับไม่สามารถทำลายค่ายกลได้
ฮัวอิ่งโกรธโมโห ไม่นานก็ปล่อยวาง
“ใช่ ข้าเกือบลืมไป ค่ายกลของเจ้านั้นสร้างขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก แต่ต่อให้ค่ายกลของเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน แล้วยังไง ดูสิว่าข้าจะทำลายค่ายกลของเจ้ายังไง”
กระทิงไฟเก้าเขาพูดขึ้นมาด้วยลมหายใจหอบว่า “เพ้ย ระดับเจ็ดก็แค่นั้นเอง แค่ค่ายกลดาวนักปราชญ์ เจ้าทำลายถึงสองครั้งก็ไม่สำเร็จ ยังจะกล้ามาคุยโวโอ้อวด”
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่กระทิงไฟเก้าเขาตลอดจนสัตว์อสูรทั้งหลายต่างรู้ดี พวกเขาเกือบจะต้านทานไม่ไหวแล้ว
ระดับเจ็ดแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่พวกเขาคิดไว้อย่างมาก
ยันต์ที่นางวาดขึ้นมาสองครั้งนั้น น่าจะวาดเขียนขึ้นมาอย่างลวกๆ
วาดเขียนขึ้นมาอย่างลวกๆ พวกเขารวมพลังกันยังแทบต้านทานไม่ไหว ยังมีค่ายกลของกูหน่ายนายสนับสนุน
หากนางตั้งใจทำลายค่ายกล พวกเขาที่เป็นสัตว์อสูรพวกนี้คงได้ตายอยู่ที่นี่แน่
กู้ชูหน่วนเบ้ปากให้กับเวินเส้าหยี พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าผีเสื้อ ถึงคิวเจ้าแล้ว”
เวินเส้าหยีกระตุกมุมปาก
ครั้งที่แล้วนางก็หลอกลวงจนเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด
ครั้งนี้ก็คิดอยากหลอกลวงเขาอีก?
นี่หลอกลวงจนเคยชินแล้วหรือ?