อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1253 ศึกครั้งใหญ่
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1253 ศึกครั้งใหญ่
ไม่รู้ว่าคนเผ่าเทียนเฟิ่นทั้งหมด มายืนอยู่ด้านข้างเวินเส้าหยีตั้งแต่เมื่อไหร่
รองหัวหน้าเผ่าพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “หัวหน้าเผ่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา เรากลับไปก่อนไหม รอเรื่องภายในแคว้นน้ำแข็งสงบลงแล้ว ค่อยมาคุยกันเรื่องแต่งงาน”
เวินเส้าหยีหันไปมองฮัวอิ่ง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าคิดว่านางจะปล่อยข้าไปหรือ?”
ใช้ทุกวิถีทางมุ่งหมายที่จะแต่งงานกับเขา ก็เพราะวิทยายุทธ์ของเขา แล้วจะยอมปล่อยไปง่ายๆได้อย่างไร
ผู้อาวุโสหงพูดขึ้นว่า “งั้นพวกเราเฝ้าอยู่ด้านข้าง รอนางไม่ไหว พวกเราค่อยลงมือ”
กู้ชูหน่วนสั่งให้ทุกคนรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมตะโกนพูดขึ้นว่า “เผ่าเทียนเฟิ่นมียอดฝีมือมากมาย ถึงพวกเราจะมีคนเยอะ แต่ล้วนมีพลังไม่แข็งแกร่ง หากพวกเจ้าไม่ลงมือ วันนี้แคว้นน้ำแข็งต้องถูกนางทำลายล้างแน่ บรรพบุรุษของพวกเจ้าเพียงแค่ไม่ให้พวกเจ้ายุ่งเรื่องการเมืองของแคว้นน้ำแข็ง แต่ไม่ได้ห้ามไม่ให้พวกเจ้าเห็นคนตายแล้วไม่ช่วยมั้ง”
ผู้อาวุโสหงพูดขึ้นว่า “ก็ไม่ได้ให้พวกเราช่วยนี่”
“ใช่ แต่หากไม่มีแคว้นน้ำแข็งแล้ว พวกเจ้าจะไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับใคร”
“นี่…..”
ไม่รอให้คนเผ่าเทียนเฟิ่นได้ทันคิด กู้ชูหน่วนหันไปพูดกับฮัวอิ่งว่า “เว้ย ข้าว่าเจ้า เจ้าไม่ได้ตาบอดใช่ไหม หากไม่ได้ตาบอดก็น่าจะมองเห็นว่า ใครในที่นี้อันตรายที่สุด”
ผู้อาวุโสฉีกระทืบเท้า พูดขึ้นมาอย่างโมโหว่า “ดูนางพูดจาสิ นางคิดจะทำร้ายหัวหน้าเผ่า ไม่ ทำร้ายพวกเราเผ่าเทียนเฟิ่น ผู้หญิงคนนี้ไม่น่าไว้ใจ รองหัวหน้าเผ่า หากนางได้ขึ้นครองราชย์จริงๆ พวกเรายังจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับพวกเขาจริงๆหรือ?”
รองหัวหน้าเผ่ารู้สึกไร้เรี่ยวแรงอย่างลึกซึ้ง
อุตส่าห์ได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวปลอม ในที่สุดหัวหน้าเผ่าก็ไม่ต้องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์แล้ว
ตอนนี้กลับโผล่มาเป็นคนแบบนี้….
มู่หน่วนไม่ได้จิตใจโหดเหี้ยมเหมือนราชินีตัวปลอม แต่นางก็มีเคล็ดวิชากลืนพลัง สามารถที่จะดูดเอาพลังของคนอื่นมาครอบครองเหมือนกัน
อีกอย่าง…..
ในหัวสมองมีแต่แผนชั่วร้าย
เดิมฮัวอิ่งคิดอยากจะฆ่าสัตว์อสูรพวกนั้นให้สิ้นซาก เมื่อกู้ชูหน่วนพูดขึ้นมา นางจึงพุ่งเป้ามาหาคนของเผ่าเทียนเฟิ่น
คนของเผ่าเทียนเฟิ่น ต่างตื่นตระหนก
ยังไงพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับราชินีตัวปลอมแล้ว
หยางม่านที่อยู่ท่ามกลางฝูงคนเป็นห่วงเวินเส้าหยี จึงยังไม่ได้จากไป และพูดขึ้นมาอย่างโกรธโมโหว่า “เสด็จพี่ ทำไมมู่หน่วนถึงได้ชั่วร้ายไร้ยางอายขนาดนั้น ผู้หญิงร้ายกาจแบบนี้ จะเป็นบุตรสาวของฮ่องเต้องค์ก่อนได้อย่างไร”
หยางโม่พูดขึ้นมาว่า “หากนางไม่พูดเช่นนี้ ผู้คนนับหมื่นจะหนีออกไปจากพิธีบวงสรวงเทวดาฟ้าดินได้อย่างไร นางกำลังยื้อเวลาให้กับทุกคน”
“ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ไม่ควรทำร้ายตระกูลเวินนี่”
“เสด็จน้อง ฟังจากน้ำเสียงของเจ้า เหมือนค่อนข้างเป็นห่วงฮองเฮาอย่างมาก”
“ข้าเปล่า แค่คิดว่าไม่ยุติธรรมกับเขา ที่ผ่านมาเจ้าบ้านตระกูลเวินเคยช่วยนางไว้หลายครั้ง นางไม่รู้จักสำนึกบุญคุณก็ช่างเถอะ ยังจะเนรคุณ อีกอย่าง ตราบที่เจ้าบ้านตระกูลเวินยังไม่ได้แต่งงาน เขาก็ยังไม่ใช่ฮองเฮา”
ต่อให้ตอนนี้ หยางม่านก็ไม่อยากเรียกเวินเส้าหยีว่าฮองเฮา
“ยังไงเขาก็ต้องได้เป็นฮองเฮา”
หยางโม่เศร้าสลด เขาหวังอย่างยิ่งว่ากู้ชูหน่วนไม่ใช่สายเลือดราชวงศ์ ไม่ใช่ญาติของเขา
ฮัวอิ่งกระตุกมุมปากยิ้มอย่างโหดเหี้ยม เห็นคนเผ่าเทียนเฟิ่นนอกเหนือจากเวินเส้าหยีเป็นเหมือนคนตาย
“ถึงแม้ข้าจะเกลียดชังนาง แต่นางพูดถูก ขอเพียงได้ตัวเจ้ามา ยังจะต้องกลัวพวกมดฝูงนี้ปีนขึ้นมาบนฝ่ามือข้าหรือ”
“หัวหน้าเผ่า ท่านไปก่อน พวกเราคอยรับมือไว้” รองหัวหน้าเผ่ายืนขวางอยู่ข้างหน้า จับจ้องมองฮัวอิ่งอยู่อย่างตื่นเต้น เตรียมพร้อมที่จะพลีชีพอยู่ตลอดเวลา
เผ่าเทียนเฟิ่นยืนเรียงเป็นสามมุม ปกป้องเวินเส้าหยีไว้ตรงกลาง
พวกผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฟิ่นที่มาร่วมพิธีบวงสรวงเทวดาฟ้าดิน ล้วนเป็นยอดฝีมือ
หากเป็นเมื่อก่อน ฮัวอิ่งอาจจะกลัว ตอนนี้นางผ่อนคลาย สายตาฉายแววดูถูก ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลย