อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1259 สามเดือนแล้ว ขายังไม่หาย
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1259 สามเดือนแล้ว ขายังไม่หาย
เงยหน้ามองดู ผู้ชายตรงหน้าผมดำปลิวไสว ท่าทีภูมิฐานสง่างาม รอบกายเต็มไปด้วยรัศมีแห่งความเป็นราชา
เขาสวมหน้ากากผี มองไม่เห็นหน้าตา แต่รัศมีรอบตัวนั้นทำให้ไม่กล้าที่จะดูถูก
เขาง้างคันธนู ลูกธนูทุกอันที่ลอยออกไปล้วนเป็นธนูไฟนับสิบ ลูกธนูแต่ละอันแทงทะลุหัวใจประชาชนที่ถูกครอบงำ ก่อให้เกิดเพลิงไฟมโหฬาร เผาไหม้ประชาชนที่ถูกครอบงำโดยรอบจนหมดสิ้น ดูแล้วก็น่าสะเทือนใจอย่างมาก
แต่ว่า…..
กู้ชูหน่วนมองต่ำลงไป
เซี้ย….
ผ่านไปสามเดือนแล้ว ทำไมขาของเขายังไม่หาย
จนถึงตอนนี้ยังนั่งอยู่บนรถเข็น
เซี้ย
กระทิงไฟเก้าเขาฟังคำพูดของเย่จิ่งหานแล้ว ก็โกรธกระฟัดกระเฟียด
“เซี้ย….ข้าถนัดการใช้ไฟโจมตีอย่างที่สุด ถูกพวกเขาโจมตีจนมึนไปหมดแล้วจริงๆ จนลืมใช้วิชาไฟโจมตี พวกพี่น้อง เผาพวกเขาให้หมด”
“โฮ่ง…..”
เสียงกระหึ่มดังขึ้น ปากกระทิงไฟเก้าเขาก็พ่นไฟออกมาเผาประชาชนที่ถูกครอบงำ
กระทิงไฟตัวอื่นต่างก็พ่นไฟตาม แทบอยากที่จะขุดรากถอนโคนประชาชนที่ถูกครอบงำ
คนอื่นเห็นแล้วต่างก็จุดตะบันไฟไปหาฟืน จุดไฟให้ลุกขึ้นมา ใช้ไฟขับไล่พวกเขาไปด้วย พร้อมฉวยโอกาสเผาพวกเขาให้ตายไปด้วย
อ๋องเสวี่ยฉินค่อนข้างทำใจไม่ได้
รองแม่ทัพที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นมาว่า “ประชาชนพวกนี้ไม่มีลมหายใจแต่แรกแล้ว ต่อให้ไม่เผาพวกเขา ก็ไม่สามารถที่จะช่วยพวกเขาให้มีชีวิตกลับมาได้แล้ว ท่านอ๋อง ขอแสดงความเสียใจด้วย”
“เผาเถอะ จำไว้ว่าต้องเผาทิ้งทั้งหมด ห้ามหลุดไปสักคน”
“ข้าน้อยเข้าใจ ข้าน้อยจะไม่ปล่อยใครไปสักคน”
ลมกรรโชกพัดมา ในที่สุดรอยฝ่ามือเลือดที่ครอบงำกู้ชูหน่วนไว้ก็แตกสลาย
กู้ชูหน่วนค่อยโล่งอก
“ทำไมเจ้าถึงเพิ่งมาเอาตอนนี้”
“มีพระนครวุ่นวายอย่างมาก มาทันตอนนี้ก็พอแล้ว”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ กับเจ้าเสือน้อยและอาโม่ล่ะ ทำไมถึงไม่เห็นพวกเขา?”
“พวกเขารับผิดชอบการจัดประชาชนที่ถูกครอบงำภายในเมือง”
“ไป ไปช่วยเจ้าผีเสื้อ”
มือทั้งคู่ของเย่จิ่งหานวางบนรถเข็น ไม่ยอมที่จะไปช่วยเวินเส้าหยี
“ทำไมไม่ไป?”
กู้ชูหน่วนหยุดฝีเท้า
ที่ผ่านมาเคยตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือ ว่าจะร่วมมือกันฆ่าตัวปลอมคนนั้น บัญชีระหว่างเขากับเวินเส้าหยีค่อยๆคิดกันภายหลัง
“พัฟ….”
บนร่างกายเวินเส้าหยีปรากฏรูเลือดพรุนอันแล้วอันเล่า
เสื้อเจ้าบ่าวสีแดงเปื้อนไปด้วยเลือด แดงจนแสบตา
“เจ้าผีเสื้อ”
“ตูม…..”
“ปัง”
กู้ชูหน่วนถูกม่านโปร่งใสกระแทกเด้งออกมา จนนางแทบสลบ
เคล็ดวิชาวิญญาณปีศาจปรากฏอีกครั้ง
ครั้งนี้ฮัวอิ่ง บีบคอเวินเส้าหยีไว้แน่น
“น่าเสียดายจริงๆ รูปร่างหน้าตาดีขนาดนี้ เจ้าวางใจ ข้าเพียงแค่ดูดเอาวิทยายุทของเจ้า ยังไม่อยากที่จะฆ่าเจ้า”
กู้ชูหน่วนชนกระแทกอย่างแรงครั้งแล้วครั้งเล่า กลัวว่าจะช้าไปเพียงก้าวเดียว เวินเส้าหยีก็จะถูกนางดูดเอาวิทยายุทธ์ไปจนหมดสิ้น
“เจ้ายังจะนิ่งอยู่ทำไม รีบมาช่วยสิ”
เย่จิ่งหานพูดขึ้นว่า “นี่คือม่านขั้วฟ้า นอกเสียจากว่าจะมีกำลังแข็งแกร่งกว่านาน ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถที่จะกระแทกให้แตกได้”
“หากเจ้ายังไม่ช่วยอีก รอให้นางดูดพลังของเจ้าผีเสื้อไปจนหมดสิ้นแล้ว พวกเราก็ยิ่งยากที่จะรับมือกับนาง”
“เจ้ากระแทกม่านขั้วฟ้าให้ได้ก่อน”
เซี้ย…..
เมื่อกี้ใครเพิ่งพูดว่า นอกเสียจากว่ามีกำลังแข็งแกร่งกว่าเจ้าตัวปลอมคนนั้น ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถกระแทกแตกได้
ชนกระแทกครั้งแล้วครั้งเล่า กู้ชูหน่วนกระแทกจนเจ็บปวดไปทั้งตัว เลือดสดไหลริน นางก็ยังคงไม่ย่อท้อ คิดทุกวิถีทางอยากที่จะกระแทกม่านขั้วฟ้าให้เปิดออก
รองหัวหน้าเผ่ารวบรวมพลังทั้งหมด แล้วก็ชนกระแทกอย่างแรง แต่จนใจที่ไม่เพียงไม่สามารถกระแทกเปิดม่านขั้วฟ้า พลังของเขาที่อุตส่าห์ฟื้นคืนมาได้นิดหนึ่งก็แตกสลายหมด กระดูกบนร่างกายเหมือนหักกระจัดกระจายไปหมดแล้ว เจ็บปวดจนเขาแทบหยุดหายใจ