อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1264 ห้าต่อหนึ่ง
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1264 ห้าต่อหนึ่ง
เห็นว่ากู้ชูหน่วนปลอดภัยแล้ว เย่จิ่งหานเอาขลุ่ยยาวออกมา ฝ่ามือขวาฟาดตบบนพื้น ร่างกายลอยขึ้นมา แล้วก็นั่งลงบนรถเข็นของเขาอย่างมั่นคง
เสียงบรรเลงขลุ่ยดังขึ้น กลายเป็นมังกรไฟสีทองสองตน
มังกรไฟสีทองบินทะยานขึ้นฟ้า พัวพันซึ่งกันและกัน ทะยานผ่านหมู่หมอกเมฆ ท่าทีน่าเกรงขาม
“โฮ่ง….”
ตามด้วยเสียงร้องกระหึ่ม เปลวไฟสีแดงทองสองกลุ่มพ่นออกมาจากปากมังกรไฟ พุ่งตรงไปยังฮัวอิ่ง
อยู่ห่างตั้งไกลก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของมังกรไฟทั้งสองตน
ทุกคนต่างเป็นกังวล ไม่ง่ายกว่าเวินเส้าหยีจะสามารถใช้วิชาน้ำแข็งปิดผนึกฮัวอิ่งไว้ได้
ตอนนี้เย่จิ่งหานใช้วิชาเพลิงไฟ จะเป็นการช่วยเหลือฮัวอิ่งไหม
แต่ความจริงกลับไม่เป็นไปเหมือนอย่างที่พวกเขาคิด อันหนึ่งเย็นอันหนึ่งร้อน ร่วมกันโจมตีซ้ายขวา ไม่เพียงไม่มีผลเชิงลบ ยังทำให้ฮัวอิ่งกระอักออกมาเป็นเลือด
“ชนะแล้วชนะแล้ว พวกเราชนะแล้ว”
ท่ามกลางฝูงคน ไม่รู้ว่าใครร้องตะโกนพูดขึ้นมาอย่างดีใจ
ไม่นานก็มีคนพูดขึ้นมาอย่างสั่นเทาว่า “ยัง….ยังไม่ชนะ จะรวดเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร เจ้าอย่าร้องพูดไปเรื่อย”
มังกรไฟกลายมาจากพลังกำเนิดของเย่จิ่งหาน เป็นตัวแทนกำลังทั้งหมดของเย่จิ่งหาน เทียบเท่ากับเป็นชีวิตของเขา
เปลวไฟถูกพ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง บริเวณที่ถูกไฟพ่นออกไปนั้นล้วนมอดไหม้ไปหมด
แม้แต่เหล็กก็หลอมละลาย
เปลวไฟราวกับมีตา ไล่ตามโจมตีฮัวอิ่งอย่างต่อเนื่อง
มีเย่จิ่งหานมาเข้าร่วม เวินเส้าหยีอดกลั้นต่อความเจ็บปวดไว้ รวบรวมพลังจนถึงระดับสูงสุด ไม่เหลือที่ว่างไว้สำหรับตนเองเลย คิดเพียงจะกำจัดฮัวอิ่งอย่างรวดเร็วที่สุด
ทั้งสองคนต่อสู้อย่างสุดชีวิต
ฮัวอิ่งถูกมังกรไฟทำร้ายยังไม่ทันระวัง
ร่างกายถูกเผาไหม้จนเป็นรูเลือดแห่งหนึ่ง เลือดสดหลั่งไหลออกมา เจ็บปวดจนนางขมวดคิ้วย่น
“กลายมาจากเลือดแหล่งกำเนิดอีกแล้ว เจ้าอยากจะฆ่าข้าขนาดนั้นเชียวหรือ?”
เย่จิ่งหานหัวเราะ พูดเลียนแบบน้ำเสียงกู้ชูหน่วนขึ้นมาว่า “ไม่ฆ่าเจ้า แล้วจะเก็บไว้ทานหม้อไฟหรือ?”
“เจ้าคนสารเลว เจ้าไม่กลัวถูกฟ้าผ่าตายหรือ”
“เจ้าข้าผู้คนบริสุทธิ์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน เจ้ายังไม่กลัวถูกฟ้าผ่าตาย แล้วข้าจะกลัวทำไม”
พลังเย่จิ่งหานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ละลายอยู่เหนือขลุ่ยหยก แล้วใช้ขลุ่ยหยกควบคุมมังกรไฟโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
เวินเส้าหยีก็ไม่ยอมแพ้ โจมตีอย่างยิ่งอยู่ก็ยิ่งรุนแรง
ความร้อนเย็นสลับกัน แล้วก็ต่อสู้อย่างสุดชีวิต ยังร่วมมือกันได้อย่างไร้ที่ติ ต่อให้ฮัวอิ่งเป็นขั้นสูงสุดระดับฟ้า ก็ถูกพวกเขาโจมตีอย่างค่อนข้างย่ำแย่
“น้ำแข็งพันลี้….”
จู่ๆเวินเส้าหยี ก็ตะโกนร้องขึ้นมา ครึ่งหนึ่งของพระนคร ทั่วทั้งสถานที่ทำพิธีบวงสรวงเทวดาฟ้าดินล้วนกลายเป็นน้ำแข็ง
ก่อตัวกลายเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็วมาก ร่างกายครึ่งหนึ่งของฮัวอิ่งก็กลายเป็นน้ำแข็ง
นางใช้กำลังภายใน หวังที่จะละลายน้ำแข็งพวกนั้น แต่วิชาน้ำแข็งนี้แข็งแกร่งอย่างมาก ยังแฝงไปด้วยยันต์อักขระ นางทำไม่สำเร็จในทันที
เย่จิ่งหานกับมังกรไฟรวมตัวกลายเป็นหนึ่ง เงยหน้าพ่นไฟ แผดเผาร่างกายอีกครึ่งหนึ่งของนาง
น้ำแข็งพันลี้ เปลวไฟพันลี้ เป็นสุดยอดวิชาอันดับหนึ่งของเวินเส้าหยีกับเย่จิ่งหาน
พวกเขาจะไม่เอาออกมาใช้ง่าย
เมื่อนำออกมาใช้ หลังจากต่อสู้แล้ว พวกเขาจะต้องนอนติดเตียงเป็นเวลานาน พลังก็จะถดถอยไปหลายขั้น
ตอนนี้ พวกเขาไม่เพียงนำออกมาใช้
ยังใช้อยู่อย่างต่อเนื่อง
ตั้งไฟและน้ำแข็งโจมตี
ฮัวอิ่งเจ็บปวดจนร่างกายบิดเบี้ยว
แต่นางที่เป็นขั้นสูงสุดระดับเจ็ดคนหนึ่ง ทำยังไงก็ทำลายไม่ได้ ทำได้เพียงดิ้นรนอยู่อย่างต่อเนื่อง ดิ้นรนอยู่อย่างบ้าคลั่ง
มุมปากเย่จิ่งหานกับเวินเส้าหยี มีเลือดไหลอยู่อย่างต่อเนื่อง สีหน้าขาวซีดเหมือนอย่างกระดาษ
รองหัวหน้าเผ่าอดกลั้นความเจ็บปวด ใช้พลังสายฟ้าฟาดผ่าไปยังฮัวอิ่ง หวังอยากที่จะผ่านางให้ตาย
“ตูม….”
กำลังทั้งสามโจมตีพร้อมกัน
ฮัวอิ่งยิ่งแย่ลง
ยิ่งแย่ที่สุดก็คือ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ กลายร่างเป็นราชางูเก้าหัวมรกตยาวกว่าหนึ่งร้อยเมตร ไม่รู้ว่าบินพุ่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่ พุ่งไปกัดหัวสมองของฮัวอิ่ง
ไม่รู้ว่าพลังของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ฟันฝ่าไปถึงระดับหกตั้งแต่เมื่อไหร่
ความสามารถไม่ด้อยไปกว่ารองหัวหน้าเผ่า
ตรงที่มันกัดยังเป็นหัวสมอง ช่างเป็นการเหยียดหยามยิ่งนัก