อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1266 พวกเขาเป็นพี่น้องกัน
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1266 พวกเขาเป็นพี่น้องกัน?
ดวงตาทั้งคู่สบตากัน ภายในสายตาเย่จิ่งหานกับเวินเส้าหยีต่างตกตะลึง งุนงง ไม่อยากเชื่อ
หากเลือดเพียงจุดเดียวรวมตัวกันอาจเป็นเรื่องบังเอิญ
แต่ว่าสองตำแหน่ง สามตำแหน่ง สี่ตำแหน่ง เลือดสิบตำแหน่งรวมเป็นหนึ่งเดียว แล้วจะอธิบายยังไง?
“เป็น….เป็นแบบนี้ได้อย่างไร…..พัฟ…..”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตกใจหรือเป็นเพราะบาดแผล เย่จิ่งหานกระอักออกมาเป็นเลือด กระเด็นไปบนตัวเวินเส้าหยี รวมเป็นหนึ่งเดียวกับเลือดของเวินเส้าหยี แล้วหยดลงน้ำหนึ่งหยด
เป็นเหมือนอย่างเดิม รวมตัวเป็นหนึ่งเดียวอีกแล้ว
ใบหน้าแนบพื้น หนาวเหน็บจนพวกเขาสั่นเทา แต่ก็ไม่สามารถทำให้สติค่อยๆชัดเจนขึ้น
กลับเป็นเพราะบาดเจ็บสาหัสแล้วค่อยๆหลับตาลง มีเพียงคำถามที่สงสัยอยู่ในใจไม่สามารถรู้คำตอบ
“เซียวหยู่เซวียนอยู่ที่ไหน?”
“ปังๆปัง….”
“ตูมๆตูม…..”
การต่อสู้นั้นรุนแรงอย่างมาก ผู้คนที่อยู่บริเวณโดยรอบไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ทำได้เพียงหลบเลี่ยงอย่างสุดชีวิต ข้างหูได้ยินเพียงเสียงกู้ชูหน่วนตะโกนพูดขึ้นยังโกรธโมโห
“เขาตายไปแล้ว ไม่มีวันที่จะมาปรากฏตรงหน้าเจ้าอีกต่อไป”
“หากเขาตายไปแล้ว ข้าก็จะให้เจ้ากลายเป็นศพไปฝังเป็นเพื่อนเขา”
“ตูม….”
“เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นไปไม่ได้ เจ้าเป็นเพียงดวงจิตวิญญาณดวงเดียว ทำไมถึงจำกระบวนท่าพวกนั้นได้”
“เจ้าทำร้ายเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ทำร้ายเย่จิ่งหาน ทำร้ายเวินเส้าหยี ทำร้ายเซียวหยู่เซวียน เจ้าควรดีใจที่เจ้ามีเพียงชีวิตเดียว”
“ต่อให้เจ้าเก่งกาจอีกแค่ไหน ก็แค่ขั้นสูงสุดระดับเจ็ดเท่านั้นเอง ห่างไกลระดับคนอีกตั้งมากมาย เจ้า….ซี๊ด….เคล็ดวิชากลืนพลัง นี่เจ้าสามารถใช้วิชาเคล็ดวิชากลืนพลังได้อย่างช่ำชอง”
“ให้ข้าได้ลองดูว่าเคล็ดวิชาวิญญาณปีศาจของเจ้าเก่งกาจ หรือเคล็ดวิชากลืนพลังของข้าเก่งกาจ”
“ตูม….”
ตามด้วยเสียงอันดังกระหึ่ม การต่อสู้ในสถานที่ทำพิธีบวงสรวงเทวดาฟ้าดินก็เงียบลง
สถานที่ทำพิธีบวงสรวงเทวดาฟ้าดิน ถูกทำลายลงในทันที กลายเหลือเพียงผงคลี
หยางโม่ที่หนีออกมาจากสถานที่ทำพิธีบวงสรวงเทวดาฟ้าดินได้อย่างไม่ง่าย พวกอ๋องเสวี่ยฉินต่างเบิกตาโต
“นี่….. เกิดอะไรขึ้น สถานที่ทำพิธีบวงสรวงเทวดาฟ้าดินล่ะ หายไปไหนแล้ว?”
“มู่หน่วนล่ะ มู่หน่วนหายไปไหนแล้ว ทำไมถึงไม่เห็นมู่หน่วน?”
“จักรพรรดินี เร็ว รีบตามหาจักรพรรดินี รีบเข้า….”
“หัว….หัวหน้าเผ่า คนของเผ่าเทียนเฟิ่นทุกคนฟังคำสั่ง แต่ต้องตามหาหัวหน้าเผ่าให้เจอ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย”
“……”
ทุกคนวุ่นวายกันไปหมด เสียงร้องไห้ เสียงร้องจากความเจ็บปวดดังอยู่อย่างต่อเนื่อง
วันนี้ถูกกำหนดไว้เป็นวันที่ไม่สงบสุข
ประวัติศาสตร์ของแคว้นน้ำแข็งถูกเขียนขึ้นมาใหม่ในวันนี้
รอเมื่อกู้ชูหน่วนค่อยๆฟื้นตื่นขึ้นมา ก็ผ่านไปแล้วสองเดือนเต็ม
นางลืมตาขึ้น สิ่งที่ปรากฏในสายตาคือด้านบนเตียงที่หรูหรา ตลอดจนตำหนักห้องนอนที่สูงศักดิ์สง่างามอย่างแปลกตา
“จักรพรรดินี ในที่สุดท่านก็ฟื้น ขอบคุณฟ้าขอบคุณแผ่นดิน โชคดีที่ท่านไม่เป็นอะไร นางกำนัล เร็ว รีบไปรายงานอ๋องเสวี่ยฉิน”
กู้ชูหน่วนปวดหัวอย่างที่สุด
ตามร่างกายเจ็บปวดจนนางอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ
นางไม่กล้าแม้กระทั่งขยับเคลื่อนไหว
เมื่อขยับก็รู้สึกเหมือนกระดูกจะแตกสลายไปหมด
“เมื่อกี้เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?”
“ฝ่าบาท ท่านเป็นจักรพรรดินีของพวกเรา”
“เดี๋ยวก่อน ฝ่าบาทอะไร?”
หรือว่า นางตายไปอีกครั้งแล้ว
“ฝ่าบาท ท่านลืมไปแล้วหรือ ท่านเป็นจักรพรรดินีของแคว้นน้ำแข็งเรา เมื่อสองเดือนก่อน ท่านฆ่าคนทรยศตัวปลอมด้วยมือตัวเอง ช่วยเหลือแคว้นน้ำแข็งเราไว้”
ความทรงจำค่อยๆกลับมา
กู้ชูหน่วนเหมือนหวนคิดถึงอะไรขึ้นมา
นางจำได้ว่า เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เย่จิ่งหาน เวินเส้าหยีล้วนได้รับบาดเจ็บ
ด้วยความที่นางโกรธโมโหพลังจึงเพิ่มพูนขึ้น ต่อสู้กับราชินีตัวปลอมอย่างรุนแรงหลายวันหลายคืน
จากนั้น
จากนั้นนางก็จำอะไรไม่ได้แล้ว
“ฝ่าบาท ท่านเก่งกาจอย่างมาก คนทรยศคนนั้นมีพลังความสามารถถึงขั้นระดับคน กลับถูกท่านฆ่าตาย”
“นางตายแล้ว?”
ทำไมนางถึงจำอะไรไม่ได้เลย
“ใช่ อ๋องเสวี่ยฉินสั่งคนตามหาถึงสองเดือน ขุดหาจนทั่วสถานที่ทำพิธีบวงสรวงเทวดาฟ้าดิน ก็ขุดไม่พบศพของนาง คิดว่าคงตายจนไร้ซึ่งศพที่สมบูรณ์แล้ว”
กู้ชูหน่วนไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกาย ลุกมาคว้าจับตัวนาง
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กับพวกเย่จิ่งหานล่ะ?”