อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1274 ค่าใช้จ่ายสูงมาก
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1274 ค่าใช้จ่ายสูงมาก
กู้ชูหน่วนอยากจะตะโกนด่าออกมา
ตั้งแต่เป็นจักรพรรดินี ชีวิตของนางลำบากยิ่งกว่าขอทาน
อย่างน้อยขอทานก็กินอิ่ม ได้ใช้ชีวิตอย่างสบาย ได้นอนหลับเพียงพอและตื่นนอนตามธรรมชาติ
แล้วนางล่ะ?
ทุกวันมีฎีกากองเต็มโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเกิดการจลาจล ที่ไหนเกิดภัยธรรมชาติ หรือตัดสินคดีโทษ หรือไม่ก็ที่นี่ขาดแคลนเงินที่นั่นขาดแคลนเงิน
นางสงสัยจริงๆ ว่าให้นางมาเป็นจักรพรรดินีเพื่อใช้งานเจ้าเสือน้อย
นางได้บริจาคเงินทั้งหมดของนางออกไปแล้ว แม้แต่ท้องพระคลังของเจ้าเสือน้อย นางก็เอาออกมาใช้ทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ คงทำอะไรไม่ได้มาก
นางหยิบฎีกาอีกม้วนขึ้นมา เนื้อหาด้านในก็เป็นเรื่องขอเบิกงบประมาณอีกแล้ว ภัยแล้งในเมืองเติงเป็นเรื่องด่วน สิบหมู่บ้านมีแปดหมู่บ้านต้องอดตาย
“ปัง……”
กู้ชูหน่วนขว้างฎีกาลงบนพื้นอย่างแรง นางใช้แขนเสื้อโบกพัดเพื่อควบคุมความโกรธ
สาเหตุสำคัญที่นางยอมขึ้นเป็นจักรพรรดินีคือเพื่อใช้สถานะที่เป็นจักรพรรดินีค้นหาเซียวหยู่เซวียนและวิญญาณที่เหลืออยู่ แต่ตอนนี้นางกลายเป็นอะไรไปแล้ว?
แรงงาน?
สาวรับใช้หลิงเอ๋อเห็นเช่นนี้ รีบเก็บฎีกาขึ้นมา แล้วเอากลับไปวางไว้ที่เดิม ก่อนจะหยิบพัดขึ้นมาพัดให้กู้ชูหน่วนเบาๆ แล้วพูดปลอบโยนว่า
“ฝ่าบาท พระองค์อย่าร้อนใจเพคะ ตั้งแต่พระองค์เสนอความคิดให้บริจาค ใต้เท้าหยูรวบรวมเงินได้มากกว่าสามล้านตำลึงแล้ว เหล่าขุนนางต่างก็ยกย่องว่าพระองค์ทรงพระปรีชายิ่งนัก”
“ค่าใช้จ่ายมากเกินไป สามล้านทำอะไรไม่ได้มาก”
ไม่พอใช้เลยสักนิด
“การรับบริจาคยังไม่จบ บางที… บางทีใต้เท้าหยูอาจจะสามารถระดมเงินได้อีกก็ได้”
กู้ชูหน่วนนวดขมับ
แค่รับบริจาคอย่างเดียวคงไม่พอสิ สถานการณ์ภัยธรรมชาติรุนแรงมาก ทั้งขาดแคลนน้ำ ขาดแคลนอาหาร
ใกล้จะเข้าฤดูหนาวแล้ว ถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนฤดูหนาว ไม่รู้ว่าในฤดูหนาวปีนี้จะมีชาวบ้านหนาวตายกี่คน
เมื่อก่อนนางอยู่คนเดียว ไม่รู้สึกว่าเงินมีความสำคัญมากแค่ไหน แต่ตอนนี้นางแทบอยากจะแบ่งเงินออกเป็นแปดส่วนมาใช้
นางหยิบฎีกาอีกม้วนขึ้นมา
กู้ชูหน่วนอ่านแล้วสีหน้าบูดบึ้ง
แค่พริบตานางก็ถูกโยนทิ้งอีกครั้ง
หลิงเอ๋อรีบเก็บขึ้นมาอย่างรู้หน้าที่
ในวันนี้ ไม่รู้ว่าฝ่าบาทโยนฎีกาทิ้งไปกี่ครั้งแล้ว
“ฝ่าบาท ฝ่าบาททรงอ่านฎีกามาสองวันสองคืนแล้ว ไฉนพระองค์ไม่ทรงพักผ่อนก่อนเพคะ รอพักผ่อนเพียงพอแล้วค่อยกลับมาจัดการฎีกาต่อ”
“ขึ้นราคาข้าวสาร ถือโอกาสโกงเงินชาวบ้าน แคว้นน้ำแข็งลำบากเพียงนี้แล้ว พวกพ่อค้าไร้ศีลธรรมเหล่านี้ยังกล้ากอบโกยเงินของแคว้นอีก”
“ฝ่าบาท อ๋องเสวี่ยฉินขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ากำลังอยากเจอพวกเขาพอดี ให้พวกเขาเข้ามาได้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี”
“ปัง……”
กู้ชูหน่วนโยนฎีกาใส่อ๋องเสวี่ยฉิน ก่อนจะพูดเพียงว่า “เอาไปตัดคอ”
อ๋องเสวี่ยฉินเปิดฎีกาออกมาอ่าน ก่อนที่คิ้วของเขาจะขมวดเป็นปม
หนึ่งในสาเหตุที่เขามาที่นี่ในวันนี้ ก็คือเรื่องนี้
“ฝ่าบาท ถ้าจะสั่งประหารทุกคน กระหม่อมเกรงว่า… กระหม่อมเกรงว่าจะต้องประหารหลายคน”
“ติดประกาศออกไป ใครกล้าขึ้นราคาข้าวสาร ให้จับไปประหารและยึดทรัพย์สินเข้าท้องพระคลัง หากมีขุนนางสมรู้ร่วมคิด แม้แต่ขุนนางก็จับไปประหารด้วย คนในครอบครัวเนรเทศไปยังภาคใต้ และไม่อภัยโทษตลอดชีวิต”
แววตาของกู้ชูหน่วนเย็นชา “กล้าขึ้นราคาข้าวสารสิบคนก็ประหารสิบคน กล้าขึ้นราคาข้าวสารร้อยก็ประหารร้อยคน ถ้าขุนนางทุกคนในแคว้นน้ำแข็งมีส่วนสมรู้ร่วมคิด ก็จับขุนนางทุกคนไปประหารชีวิตเลย”
“ประ…ประหารทั้งหมด? ถ้า…ถ้าประหารทั้งหมด แคว้นน้ำแข็งจะทำเช่นไร?”
“ยังมีคนอยากบริจาคอีกเยอะ”
“ฝ่าบาท ทำเช่นนี้จะ…”
ฮู…
พอเห็นแววตาพิฆาตที่มองลงมา อ๋องเสวี่ยฉินก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วสันหลัง แรงกดดันช่างรุนแรงมาก
เขารู้สึกอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก
“แล้วนี่มันอะไรกัน? ค่าใช้จ่ายของวังหลังเหตุใดถึงเยอะเช่นนี้?”
“เอ่อ…ทูลฝ่าบาท ในวังหลังมีคุณชายจำนวนมาก ดังนั้นค่าใช้จ่ายก็เลย…”