อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1277 ใครจะเป็นฮองเฮา
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1277 ใครจะเป็นฮองเฮา
“สำหรับเรื่องนี้ กระหม่อมคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ฝ่าบาทสามารถทำข้อตกลงกับฮองเฮาหากฮองเฮาไม่สามารถทำให้พระองค์มีทายาทได้ภายในหนึ่งปี ก็จะมอบตำแหน่งฮองเฮาให้แคว้นองค์ชายอี้ ”
กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะดี
“เจ้าหมายความว่า ภายในหนึ่งปีนี้ ข้าจะไปหาฮองเฮาได้เท่านั้นหรือ”
“ไม่ใช่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ แน่นอนว่าฝ่าบาทต้องพระราชทานความโปรดปรานให้ทุกคน เช่นนี้ราชวงศ์แคว้นน้ำแข็งจะได้มีทายาทสืบทอดมากขึ้น”
“อ๋องเสวี่ยฉินข้าขอถามท่าน ตกลงแล้วสตรีหรือบุรุษที่เป็นคนให้กำเนิดลูก?”
“แน่นอนว่าต้องเป็นสตรีอยู่แล้ว”
“อ๋อ… แล้วถ้าข้าให้ความโปรดปรานกับทุกคน ถ้าข้ามีลูก ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กคนนี้เป็นของฮองเฮาหรือเย่จิ่งหาน”
“เอ่อ……”
อ๋องเสวี่ยฉินชะงักงัน
เขายังไม่ได้คิดเรื่องนี้?
“ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้หรือ เช่นนั้นก็ถูกแล้ว ท่านกลับไปคิดให้ดีก่อนแล้วมาบอกคำตอบกับข้า”
“ฝ่าบาท…แล้ว…แล้วเรื่องงานอภิเษกสมรสเชื่อมสัมพันธ์?”
“รอจนกว่าเจ้าจะคิดได้ว่าแคว้นองค์ชายอี้ มาแคว้นน้ำแข็งจะให้แต่งตั้งตำแหน่งใดแล้วค่อยว่ากัน”
“ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมจะส่งสาส์นไปปรึกษาเรื่องนี้กับฮ่องเต้อี้ว่าจะ… ฝ่า… ฝ่าบาท… ปัง…”
อ๋องเสวี่ยฉินถูกไล่ออกไปจากห้องก่อนที่เขาจะพูดจบ
เขาบ่นพึมพำ
“หรือว่าข้าจัดการปัญหาได้ไม่ดี ฝ่าบาทถึงทรงกริ้ว? แต่ก็ใช่ ตำแหน่งฮองเฮาแก้ไขลำบาก การอภิเษกสมรสระหว่างฝ่าบาทกับฮองเฮาได้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ฮองเฮาเองก็ไม่มีความผิด จะปลดตำแหน่งง่ายๆ ได้อย่างไร ช่างเถอะ ข้าต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย”
ในห้องจัดการพระราชกรณียกิจ
หลิงเอ๋อพูดยิ้มๆ “ฝ่าบาท อ๋องเสวี่ยฉินตาไม่ถึงจริงๆ เลยเพคะ แต่สิ่งที่เขาพูดก็ไม่ใช่ไม่มีเหตุผลทีเดียว ถ้าพระองค์อภิเษกสมรสเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นอี้ ไม่ช้าแคว้นอี้ ก็จะตกเป็นของแคว้นน้ำแข็ง เรา และปัญหาขาดแคลนอาหารในแคว้นเราก็จะถูกแก้ไขด้วย”
“เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่แคว้นน้ำแข็งที่จะกลายเป็นของแคว้นอี้”
“เป็นพวกเขาที่อภิเษกสมรสมาที่แคว้นน้ำแข็งของเรา ไม่ใช่เราอภิเษกสมรสไปแคว้นพวกเขา แคว้นน้ำแข็งจะกลายเป็นของแคว้นอี้ ได้อย่างไรเพคะ”
“เจ้ารู้ด้วย”
กู้ชูหน่วนจิบน้ำชา ก่อนจะลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสาย แล้วหยิบฎีกาขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง มีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาในห้อง และพุ่งเข้าใส่กู้ชูหน่วน จนนางเกือบจะล้ม
“พี่สาว…”
พอได้ยินเสียงที่คุ้นหู กู้ชูหน่วนจึงก้มลงไปมอง แล้วเห็นใบหน้าที่ดูดีไม่มีใครเทียบของซือโม่เฟย
รูปร่างหน้าตาของเขาไม่สามารถใช้คำพูดใดมาอธิบายได้ ความงามของเขาไม่สามารถแบ่งแยกชายหญิง งดงามจนแทบกลั้นใจตาย ทำให้คนลุ่มหลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาที่พิเศษของเขา ที่งดงามแวววาวราวกับหินออบซิเดียนไม่มีสิ่งใดเจือปน
แต่ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“อาโม่ เจ้ามาได้อย่างไรกัน”
“อาโม่ฝันร้าย”
กู้ชูหน่วนดึงเขาไปนั่งบนเก้าอี้มังกรของตนเอง ก่อนจะลูบหลังเขาเบาๆ พยายามทำให้อารมณ์ของเขาสงบลง แล้วพูดปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไหนบอกพี่สาวมาสิ เจ้าฝันร้ายเรื่องอะไร”
“อาโม่ฝันว่ามีคนกระโดดลงไปในเตาปรุงยา ด้านหลังของนางเหมือนพี่สาวมาก พี่สาว… อาโม่กลัว”
“เด็กโง่ ข้าจะกระโดดเข้าไปในเตาปรุงยาได้อย่างไร มันเป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้นเอง”
“มันเป็นแค่ฝันร้ายจริงๆ หรือ แล้วเหตุใดภาพนั้นถึงยังวนเวียนอยู่ในหัวของอาโม่ตลอดเลย”
“คงเป็นเพราะช่วงนี้เจ้าช่วยเจ้าผีเสื้อกับเย่จิ่งหานตามหาสมุนไพรจนเหนื่อยเกินไป ดังนั้นจึงเกิดภาพหลอนขึ้นมา เด็กดี ไม่เป็นไรหรอก”
อาโม่กอดกู้ชูหน่วนไว้แน่น เพราะกลัวถ้าเขาปล่อยมือ กู้ชูหน่วนจะจากเขาไป
หลิงเอ๋อย่องเดินออกไปจากห้อง และช่วยพวกเขาปิดประตู เหลือพื้นที่ให้พวกเขาสองคน
สองมือของซือโม่เฟย ลูบไล้ไปทั่วร่างกายของกู้ชูหน่วน ลูบจนกู้ชูหน่วนอดที่จะสูดหายใจเข้าลึกไม่ได้