อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1280 เหตุใดเขาถึงได้เป็นฮองเฮา
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1280 เหตุใดเขาถึงได้เป็นฮองเฮา
“เจ้าจะคิดเช่นนั้นก็ได้”
“ไม่ให้ อยากได้เงินไม่มี อยากได้ชีวิตก็เอาไปเลย”
“ก็ได้ ถ้าเช่นนั้นข้าคงทำได้แค่ยอมสูญเสีย เฮ้อ อย่างไรก็ตาม ข้าก็มีสัตว์เลี้ยงจำนวนมาก ขาดเจ้าไปสักตัวก็ไม่ส่งผลอะไร ดังนั้นข้าจึงทำได้เพียงสังเวยเจ้าเสียแล้ว”
“นายหญิง ท่านเอ็นดูข้าที่สุด แงแงแง ท่านไม่ใจร้ายเช่นนี้…”
“เจ้าเอาเงินออกมาดีๆ ข้าก็ยังคงเอ็นดูเจ้าเหมือนเดิม เด็กดี”
“ข้าไม่มีเงิน”
“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ข้าเป็นเจ้านายของเจ้าใช่หรือไม่”
“ใช่”
“เจ้านายกำลังมีปัญหา เจ้าไม่ควรจะออกหน้าช่วยเหลือหรือ?”
“ใช่ แต่ข้าไม่มีเงิน…”
“เจ้าเป็นของข้า อย่าว่าแต่เรื่องเงินเลย เจ้าสามารถหาใหม่ภายหลังได้ ถูกไหม”
“ข้าไม่มีเงิน”
“อย่างไรเจ้าก็ไม่ยอมใช่ไหม ถ้าเช่นนั้น ก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน”
กู้ชูหน่วนยกมีดขึ้นสูง ในขณะที่กำลังจะถูกถลกหนัง เจ้าเสือน้อยกลัวจนตัวสั่น สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนให้เงินนางไป
“ใช่แล้ว นี่สิถึงเป็นเจ้าเสือน้อยที่น่ารักของข้า ข้ารับปากเจ้า รอแคว้นน้ำแข็งผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ พอมีเงิน ข้าจะให้ทองคำเจ้ากองใหญ่ สมบัติในคลังเจ้าสามารถเลือกได้ทุกชิ้น”
“ท่านก็พูดเช่นนี้ทุกครั้ง แคว้นน้ำแข็งยากจนเพียงใด ท่านก็รู้ดี”
กู้ชูหน่วนลูบศีรษะของเจ้าเสือน้อย ก่อนจะพูดอย่างหนักแน่นว่า “ไม่หรอก สถานการณ์เช่นนี้เป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น สักวันหนึ่งแคว้นน้ำแข็งจะยืนอยู่บนจุดสูงสุด กลายเป็นแคว้นที่ร่ำรวยที่สุด ผู้คนในแคว้นน้ำแข็งจะมีอาหารและเสื้อผ้าใช้อย่างเพียงพอ “
พอเดินออกจากห้องจัดการพระราชกรณียกิจ อาโม่ก็เบะปากแล้วพูด “พี่สาว พี่สาวชอบหลอกเอาเงินของพวกเจ้าเสือน้อยบ่อยๆ ตอนนี้พวกเขาต่าวก็กลัวพี่สาวหมดแล้ว”
“ข้าก็หมดหาทางแล้วนี่นา ถ้าข้ามีเงิน ข้าก็ไม่อยากหลอกเอาเงินจากพวกเขา”
“ฝ่าบาท ในที่สุดบ่าวก็ตามหาพระองค์เจอจนได้”
“มีเรื่องอะไรหรือ?”
“ฝ่าบาทลืมไปแล้วหรือ วันนี้เป็นวันที่จะต้องกลับเรือน”
“วันกลับเรือน”
ตามธรรมเนียมปกติหลังจากสมรสสามวัน ฝ่ายชายจะตามฝ่ายหญิงกลับไปที่บ้านของนาง
เหตุใดจักรพรรดินีถึงต้องทำด้วยหรือ?
นี่มันบ้าไปแล้ว
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ก่อนงานอภิเษกสมรส ฝ่าบาทได้รับปากฮองเฮาและคนอื่นๆ ไว้ ว่าจะกลับไปด้วย และจะนำของขวัญกลับไปด้วย วันนี้เป็นวันกลับแล้ว”
เหอะ……
เป็นข้อตกลงที่นางให้กับพวกเขาหรือ?
เป็นอ๋องเสวี่ยฉินล่ะไม่ว่า
“กลับเผ่าเทียนเฟิ่น หรือกลับไปที่ตระกูลเวิน หรือต้องกลับไปที่บ้านเย่จิ่งหานกับอาโม่”
“ฮองเฮาเป็นฮองเฮาของแคว้น แน่นอนว่าต้องกลับจวนของฝั่งฮองเฮาตามกฎมณเฑียรบาลแล้ว เย่กุ้ยเหรินกับโม่กุ้ยเหรินไม่มีคุณสมบัติที่จะขอให้ฝ่าบาทกลับไปด้วย”
หวือ…
อากาศเย็นเข้าไปถึงกระดูกสันหลัง
กู้ชูหน่วนรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดี
พอหันกลับไปมอง นางก็เห็นเย่จิ่งหานนั่งอยู่บนรถเข็นห่างออกไปไม่ไกล
อยู่ใกล้ขนาดนี้ เขาคงได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่นี้หมดแล้ว
กู้ชูหน่วนโบกมือ ให้เหล่าขันทีถอยออกไป
ซือโม่เฟยเห็นเย่จิ่งหาน ใบหน้าของเขาก็ยิ้มกว้างจนลักยิ้มเผยออกมา และเขาก็ตะโกนเรียกอย่างดีใจ “พี่เย่”
ใบหน้าที่เยือกเย็นของเย่จิ่งหานเริ่มมีรอยแตก
“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ”
“พี่เย่ไง เราสามคนสมรสกับพี่สาว ท่านกับฮองเฮาต่างก็เป็นพี่ชายของข้า จากนี้ไป เราสามคนจะทำหน้าที่ดูแลปรนนิบัติพี่สาวด้วยกัน”
กู้ชูหน่วนแทบอยากจะปิดปากของเขา
อะไรไม่ควรพูดถึงเขากลับพูดออกมาจนหมด
พอเห็นแววตาของเย่จิ่งหานเริ่มเคร่งขรึมลง กู้ชูหน่วนก็รีบลากซือโม่เฟยจากไปให้เร็วที่สุด
“พี่สาว เหตุใดถึงผลักข้าออกไปด้วย ข้ายังต้องถามพี่เย่ว่าจะปรนนิบัติพี่สาวอย่างไร”
“หุบปากไปเลยนะ”
“หยุดเดี๋ยวนี้”
เย่จิ่งหานตะโกนเสียงดัง ไม่รู้ว่าเขาทำอย่างไร พริบตาเขาก็มาปรากฏตัวตรงหน้ากู้ชูหน่วนแล้ว
กู้ชูหน่วนรวบรวมความกล้าพูดออกมา “ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บของท่านจะหายดีแล้ว วิทยายุทธก็ฟื้นฟูแล้วเช่นกัน”
“เย่กุ้ยเหรินนี่หมายความว่าอย่างไร?”
“จะหมายความว่าอย่างไรได้อีกล่ะ ข้าบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือ ข้าบาดเจ็บสาหัสจนสลบไป พอได้สติขึ้นมา ข้าก็กลายเป็นจักรพรรดินีและได้อภิเษกสมรสกับพวกเจ้าทั้งสามแล้ว”
“ข้าถามว่าเหตุใดเวินเส้าหยีเป็นฮองเฮาส่วนข้าเป็นแค่กุ้ยเหริน?”