อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 14 หลอกล่อเซียวหยู่เซวียน
เซียวหยู่เซวียนสะบัดมือที่นางคล้องอยู่ หน้าดำคล้ำหยิบเงินห้าร้อยตำลึงจากแขนเสื้อแล้วโยนให้นาง
บ่นว่า “ห้ามเรียกข้าว่าเสี่ยวเซวียนเซวียน ดีร้ายยังไงในราชวิทยาลัยข้าก็เป็นพี่ใหญ่ ถ้าให้พวกเขาได้ยิน ข้าจะไว้หน้าที่ไหนอีก”
“ไม่เรียกเสี่ยวเซวียนเซวียนก็ได้ เจ้าต้องให้ข้าอีกห้าร้อยตำลึง”
เซียวหยู่เซวียนล้วงหาออกมา มองดูเงินที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแค่ห้าร้อยตำลึงก็รู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อย
กู้ชูหน่วนคว้ามาทันที นับมันด้วยทักษะที่ชำนาญ แล้วยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ
“เสี่ยวเซวียนเซวียนเด็กดี ไว้วันหลังพี่สาวจะเอ็นดูเจ้าอีกนะ”
“………..”
ไม่เพียงแต่เซียวหยู่เซวียนที่อึ้งพูดไม่ออก แม้แต่ชิวเอ๋อร์ก็สับสนมึนงงไปหมด
เอ็นดู?
นางเป็นผู้หญิงชัดๆ กล้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง?
เมื่อมองดูท่าทีที่ห้าวหาญ เดินผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดี พวกเขาก็ขนลุกไปทั้งตัว
เซียวหยู่เซวียนดูดมุมปาก และตะโกนอย่างโกรธๆ “ก็บอกแล้วไงว่าห้ามเรียกข้าว่าเสี่ยวเซวียนเซวียน”
“รู้แล้วน่า เสี่ยวเซวียนเซวียน”
บ้าเอ๊ย
ผู้หญิงคนนี้จงใจอยากให้เขาโกรธจนตายใช่ไหม
ชิวเอ๋อร์ปาดเหงื่อแล้วรีบวิ่งตามไป
“คุณหนู แบบนี้ท่านจะไม่โดดเด่นเกินไปหน่อยเหรอเจ้าคะ ทันทีที่เข้าโรงเรียนก็ทำให้องค์หญิงกับคุณชายเซี่ยวขุ่นเคือง นี่……”
“ข้าง่วง เจ้าได้โปรดหยุดพูดถึงมันเถอะ”
“คุณหนู ตลอดมาท่านเอาแต่ใช้อ๋องหานเป็นโล่กำบัง หรือว่าท่านอยากเสกสมรสกับอ๋องหานจริงๆ ไม่ได้เด็ดขาดนะเจ้าคะ ถ้าท่านเสกสมรสกับเขา ท่านจะตายอย่างอนาถแน่”
“ก็แค่อ๋องหานไม่ใช่เหรอ หรือว่าเขามีสามเศียรหกกร ถึงได้ทำให้เจ้ากลัวขนาดนี้”
“…………”
มุมหนึ่งในโรงเรียน ซ่างกวนฉู่สวมชุดขาวพลิ้วไหว ดูสง่างามสูงส่งบริสุทธิ์ผุดผ่อง มองไปยังทิศทางที่กู้ชูหน่วนเดินไปด้วยใจครุ่นคิด
ผ่านไปสักพัก เขาก็วาดมุมปากขึ้นเผยรอยยิ้มผ่อนคลาย
มุมตะวันออกเฉียงเหนือของราชวิทยาลัย
ท่านอ๋องหานเทพเจ้าสงครามสวมชุดดำนั่งอยู่บนรถเข็น มองดูแผ่นหลังของนางที่เดินจากไป ดวงตาไร้ก้นบึ้งราวสระน้ำเย็นยะเยือกหรี่ลงทันใด
ใบหน้าของเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ คิ้วคมเข้มดั่งสันดาบ ริมฝีปากราวกับทาด้วยชาด ดูดีอย่างสุดจะพรรณนา แต่ทั้งร่างกลับเต็มไปด้วยไอเย็นชาในเชิงไม่ให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้
ที่ด้านหลังเทพเจ้าสงคราม คือเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มใบหน้าหล่อเหลา สวมชุดสีดำทั้งกาย อวดรูปร่างอันแข็งแรงและสมบูรณ์แบบของเขา
“ท่านอ๋อง ดูเหมือนนางจะแตกต่างอย่างมากจากที่เราสืบได้นะพะย่ะค่ะ”
ยิ่งกว่านั้น นางยังดูเหมือนคนคนหนึ่งมาก
หญิงสาวผู้เอาตัวท่านอ๋องของพวกเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน
เมื่อนึกถึงภาพในวันนั้น ชิงเฟิงก็หน้าแดงอย่างอดไม่ได้ทันที
เย่จิ่งหานใช้ข้อนิ้วซึ่งกระดูกคมชัดเคาะรถเข็น เสียงแต๊งๆๆดังออกมาเบาๆ ดวงตาลุ่มลึกคู่นั้นไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงได้เอ่ยออกมาหนึ่งคำ “สืบ”
“พะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะสืบเรื่องของคุณหนูสามกู้อย่างละเอียดถี่ถ้วน”
กู้ชูหน่วน……
ตามข่าวลือเป็นคนไม่รู้หนังสือเลย คนทึ่มไร้ประโยชน์ ขี้ขลาดตาขาว
แต่กลับสามารถท่องข้าวฟ่างลาจากได้ แถมยังสามารถอธิบายหัวขาวเหมือนใหม่ ฝาครอบเหมือนเก่าได้
ขนาดเพื่อสาวใช้ตัวเล็กๆแล้ว ถึงกับตบองค์หญิงแห่งราชวงศ์ หลอกล่อบุตรชายคนเล็กของแม่ทัพใหญ่เซียวผู้มีกองทหารล้นมือ
หากสิ่งนี้เรียกว่าความขี้ขลาดแล้วสิ่งไหนเรียกว่าความกล้าหาญ
เมื่อมองไปที่ดวงตาเจ้าเล่ห์และมีไหวพริบของกู้ชูหน่วน เย่จิ่งหานก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงผู้หญิงที่ล่วงเกินเขาในวันนั้น
ดวงตาของผู้หญิงคนนั้นคล้ายกับกู้ชูหน่วนมาก
หรือว่า……
ผู้หญิงคนนั้นก็คือกู้ชูหน่วน
ทันใดนั้น เขาพลันนึกไปถึงประโยคที่ผู้หญิงคนนั้นพูด
“ข้ายืนอยู่ต่อหน้าเจ้า แต่เจ้าก็มองไม่ออกว่าข้ามีส่วนคล้ายกับเมื่อก่อน”
เย่จิ่งหานยิ่งคิดยิ่งสงสัยในตัวกู้ชูหน่วน
“สืบให้ละเอียดว่าสองวันมานี้กู้ชูหน่วนทำอะไรบ้าง”
ชิงเฟิงตกใจ
หรือว่าท่านอ๋องสงสัยว่ากู้ชูหน่วนคือผู้หญิงคนนั้น
ไม่ได้นะ
ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาไม่กล้าจะนึกเลยว่าท่านอ๋องจะแก้แค้นกู้ชูหน่วนอย่างไร
เมื่อมองไปที่ท่านอ๋องของตัวเองอีกครั้ง เขามือกำแน่นจนกระดูกลั่น สีหน้ามืดมน ราวกับอดกลั้นอะไรบางอย่างไว้ เช่นนั้นชิงเฟิงจึงอดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะต่ำ
นับตั้งแต่ท่านอ๋องถูกผู้หญิงคนนั้นล่วงเกิน อารมณ์ก็เริ่มไม่แน่นอนขึ้นเรื่อยๆ ข้ารับใช้ของท่านก็ไม่รู้ว่าถูกขับออกไปกี่คนแล้ว
แต่ใบสั่งยาที่ผู้หญิงคนนั้นให้มากลับได้ผลอย่างยิ่ง
เมื่อพิษในตัวท่านอ๋องกำเริบ หลังจากใช้ยาที่นางให้ ปรากฏว่าดีขึ้นมาก และไม่เจ็บปวดเหมือนเมื่อก่อน
ถ้าสามารถจับผู้หญิงคนนั้นได้ ก็อาจจะสามารถรักษาพิษในตัวท่านอ๋องได้
“ท่านอ๋อง เช่นนั้นการเสกสมรสครั้งนี้ เราจะล้มเลิกหรือไม่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่จิ่นหานก็ยิ้มเย็นชาชั่วร้ายทรงเสน่ห์ ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยไอแห่งอำนาจครอบงำ ราวกับฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ปกครองใต้หล้าซึ่งไม่มีใครเทียบเคียง
“กล้าวางแผนร้ายกับข้า ก็ต้องมีสติรองรับโทสะของข้าได้”
อ่า……
ถ้าอย่างนั้นจะล้มเลิกการเสกสมรสหรือไม่
ฝ่าบาทรนหาที่ตาย แม้แต่กับท่านอ๋องก็กล้าทำร้ายอย่างเปิดเผย
อาศัยแค่กำลังของท่านอ๋อง เพียงขยับนิ้ว ก็สามารถทำให้เขาตกจากบัลลังก์ได้แล้ว
คุณหนูสามกู้หญิงสาวอัปลักษณ์ที่รู้จักกันดีในแคว้นเย่ การให้ท่านอ๋องเสกสมรสกับหญิงสาวอัปลักษณ์ ไม่ใช่ว่าเป็นการดูหมิ่นท่านอ๋องแล้วคืออะไร
ชิงเฟิงคิดว่า ท่านอ๋องจะล้มเลิกเรื่องการเสกสมรสนี้อย่างแน่นอน
คิดไม่ถึงว่าเขามองไปยังทิศทางที่กู้ชูหน่วนจากไป ดวงตาลึกคมชัด มุมปากยกยิ้มเย็นชาเล็กน้อย และพูดออกมาประโยคหนึ่ง “ทำไมต้องล้มเลิก เขาอยากให้ข้าเสกสมรส ข้าเสกสมรสก็ได้”
โอ้……
จะเสกสมรสจริงเหรอ
นั่นคือหญิงสาวอัปลักษณ์ที่รู้จักกันดีในแคว้นเย่เลยนะ
ยามบ่าย
ข้างทะเลสาบหลวงในราชวิทยาลัย ทุกคนในโรงเรียนนั่งบนพื้นแยกคนละโต๊ะ แต่ละโต๊ะมีพิณโบราณหนึ่งคัน
เดือนสามดวงอาทิตย์เจิดจ้า สายลมพัดมาบางเบา ต้นหลิวโบกไหว เบาสบายอบอุ่นสุดจะพรรณนา
กู้ชูหน่วนหามุมสุดนั่งลงอย่างเกียจคร้าน นับเงินพันตำลึงในมือ
ยาสมุนไพรสามสิบสองชนิด นอกจากยาสมุนไพรสองชนิดสุดท้ายที่ไม่มีที่ซื้อ ที่เหลือสามารถใช้เงินซื้อได้ เพียงแต่ต้องหาอีกแปดหมื่นตำลึง
ในมือนางมีแค่หนึ่งพันตำลึง จะหาอีกแปดหมื่นตำลึงได้จากที่ไหน
กลับจวนเฉิงเซี่ยงไปเอาเงินที่โดนหักไว้ทั้งหมดคืนมา อย่างมากที่สุดก็เพียงหนึ่งหมื่นตำลึง ก็ยังคงขาดอีกเยอะ
“พรุ่งนี้จะเป็นงานชุมนุมแข่งขันบุ๋นในรอบห้าปี ได้ยินว่าแคว้นฉู่ แคว้นฮั่ว และแคว้นจ้าว ได้ส่งคนที่มีความรู้ความสามารถมาที่นี่มากมาย แม้แต่เทพหมากกระดานและเซียนกวีก็มาด้วย”
“ไม่ใช่หรอกมัง เทพหมากกระดานกักตนมาหลายสิบปีแล้ว จู่ๆ จะมาแคว้นเย่ได้ยังไง”
“นี่ข้าก็ไม่รู้แล้ว น่าจะอยากมาพบอาจารย์ซ่างกวนของเรา เพราะท้ายที่สุดแล้วอาจารย์ซ่างกวนของเราถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสี่อัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ในใต้หล้า ซึ่งเก่งกาจเป็นพิเศษทั้งการเล่นหมากกระดานและการบรรเลงพิณ”
“ไม่น่าแปลกใจ แต่เทพหมากกระดานได้เอาชนะผู้ซึ่งไร้คู่ต่อกรในใต้หล้าเมื่อหลายสิบปีก่อน ถ้าอาจารย์ซ่างกวนของพวกเราแข่งกับเทพหมากกระดานจริงๆ จะชนะได้เหรอ”
“อาจารย์ซ่างกวนของเราความสามารถยอดเยี่ยม รอบรู้ทุกด้าน อาจจะไม่แพ้เทพหมากกระดานก็ได้”
กู้ชูหน่วนเงี่ยหูฟังการสนทนาของพวกเขาแต่ละคน
นางย้ายตำแหน่งไปนั่งข้างเซียวหยู่เซวียน แล้วกระทุ้งแขนเขา “เสี่ยวเซวียนเซวียน งานชุมนุมแข่งขันบุ๋นคืออะไรเหรอ”
เดิมทีเซียวหยู่เซวียนกำลังคุยเล่นกับเพื่อนพี่น้อง ทันทีที่ได้ยินกู้ชูหน่วนเรียกเขาว่าเสี่ยวเซวียนเซวียนอีกครั้ง หน้าก็บึ้งทันที “ก็ให้เงินเจ้าไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังเรียกข้าว่าเสี่ยวเซวียนเซวียนอีก”
“ข้ารู้สึกว่าเสี่ยวเซวียนเซวียนเหมาะกับบุคลิกของเจ้า ตัวเล็ก จุ๋มจิ๋ม”
“จุ๋มจิ๋มอะไร……”
“เป็นคำชมมีความหมายว่าเจ้าน่ารัก”
“ยัยขี้เหร่ ข้าเป็นลูกผู้ชายอกสามศอก เจ้าจะเรียกแบบนี้ได้ยังไง”
“ฮ่าๆๆ……พี่ใหญ่ ท่านคงไม่เอายัยขี้เหร่เป็นพี่ใหญ่จริงหรอกใช่ไหม นางก็แค่คนทึ่มไร้ประโยชน์” ลูกหลานตระกูลขุนนางหลายคนข้างๆ ต่างล้อเลียน
เซียวหยู่เซวียนไม่พอใจและเตะอย่างแรง “พูดอะไร ยังไม่รีบเรียกนางว่าพี่ใหญ่อีก”