อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 149 ลักพาตัวอี้เฉินเฟย
ณ เรือนรับรองทูต แคว้นจ้าว
กู้ชูหน่วนปีนกำแพงแล้วแอบเข้าห้องนอนของอี้เฉินเฟย
นางเอามือกอดอก พิงอยู่ที่ประตูข้างนอก ใบหน้ามีรอยยิ้มเอื่อยเฉื่อยมองจากที่สูง มองอี้เฉินเฟยที่กำลังอาบน้ำ
ไอน้ำคละคลุ้ง สายตาที่ไม่ปกปิดสักนิดจ้องตรงมาที่เขา อี้เฉินเฟยไม่อยากสังเกตเห็นก็ยาก เขาหันหลังให้กู้ชูหน่วน มุมปากฉีกยิ้มเจื่อน
“คุณหนูสาม ท่านบุกรุกเข้าเรือนรับรองในยามวิกาล เพื่อจะดูข้าอาบน้ำหรือ?”
“ภาพชายงามขึ้นจากน้ำ น่าจะน่าชมมากทีเดียว”
อี้เฉินเฟยหน้าแดงพลัน
เขาเปลือยเปล่าทั้งตัว ส่วนกู้ชูหน่วนเสื้อผ้าสะอาดเป็นระเบียบพิงอยู่นอกประตู จ้องเขาแบบตาไม่กะพริบ ทำให้เขาเคอะเขินจริงๆ
เขาอีหลักอีเหลื่อ “จะให้ข้าเปลี่ยนชุดสักหน่อยได้หรือไม่?”
“ท่านก็เปลี่ยนสิ ข้ามิได้ขวาง”
“…”
นางจ้องอยู่ตรงนั้น จะให้เขาเปลี่ยนชุดอย่างไร?
ระว่างที่กำลังคิดหนัก จู่ๆ กู้ชูหน่วนก็หันหลังไป
มุมดวงตาอี้เฉินเฟยแวบความฉงนใจขึ้นมาเล็กน้อย
หลายวันก่อนนังเด็กนี่ยังทะเยอทะยานสูง วันนี้กว่าจะมีโอกาสจับได้ นางจะไม่แกล้งเขาสักหน่อยได้อย่างไร?
ครั้นฝ่ามือขวาดูดไป ชุดขาวสะอาดราวกับหิมะก็อยู่ที่มือ อี้เฉินเฟยสวมเสื้อผ้าด้วยกิริยาที่สุภาพ มัดเชือกหยกที่เอวแล้วค่อยๆ เดิมออกมาอยู่ตรงหน้ากู้ชูหน่วน
“คุณหนูสาม ไม่ทราบที่มาเยือน มีอะไรจะชี้แนะหรือ?”
เขาเพิ่งอาบน้ำออก ผมดำยังไม่แห้ง ใบหน้าที่เดิมก็ประหนึ่งเทพบุตรในแดนดิน ครั้นมีเลือดฝาดก็ชวนให้เพ้อฝันอย่างไร้เหตุผล
กู้ชูหน่วนยื่นมือไปอย่างอดไม่ได้ หยิกผิวเนียนนุ่มของเขา
“ผิวท่านนี่…ข้าเป็นผู้หญิงเห็นแล้วยังต้องอิจฉา”
“เช่นนั้นก็เป็นเกียรติกับข้ายิ่ง”
กู้ชูหน่วนเข้าห้อง สำรวจห้องของเขารอบหนึ่ง
เขาอ่อนน้อมมีมารยาท สุภาพเป็นธรรมชาติ ห้องของเขาก็มีกลิ่นอายตำราด้วยเหมือนกัน แค่อยู่ในนั้นก็รู้สึกสบายแล้ว
กู้ชูหน่วนเอ่ยปากโดยตรง “ข้าต้องการให้ท่านไปเผ่าปีศาจเป็นเพื่อนข้า”
“คุณหนูสาม เกรงว่าจะหาคนผิดแล้วกระมัง ข้าเป็นเพียงบัณฑิต นอกจากขับกลอนกวีแล้วก็ไม่ชำนาญด้านอื่น เผ่าปีศาจน้ำลึก ข้าจะมีความสามารถไปเป็นเพื่อนคุณหนูสามได้อย่างไร?”
“ก่อนหน้านี้ท่านรับปากอยู่เป็นเพื่อนข้าเจ็ดวัน เวลานี้ยังไม่อยู่สักวัน พี่เฉินเฟย หรือว่าจะกลับคำ?”
“ฉะนั้นเจ้าจะให้ข้าไปเป็นเพื่อนแน่แล้ว?”
“แน่นอน”
“ไยต้องเป็นข้า?”
“เพราะท่านน่ามองนะสิ” กู้ชูหน่วนยิ้มบาง จูงมืออี้เฉินเฟยปีนกำแพงออกไปทันที
อี้เฉินเฟยยิ้มเอ็นดู ริมฝีปากแดงเปิดออกเล็กน้อย “เจ้าชอบปีนกำแพงเช่นนี้ ท่านอ๋องหานของเจ้ามิคุมหรือ?”
“เขาขาเละ ตามข้าไม่ทัน และคุมไม่ได้ด้วย”
กู้ชูหน่วนส่งสายตาให้เขาทีหนึ่ง ให้เขานำทาง
อี้เฉินเฟยสะบัดเส้นผมดำที่เปียกแฉะไปด้านหลัง เอ่ยถาม “เผ่าปีศาจเล็กกว่าแคว้นเย่ไม่มาก นอกจากหน่วยหลักของเผ่าปีศาจแล้ว ยังมีอีกสิบสองหน่วยย่อยมีหัวหน้ากองธงทั้งสิบสองเป็นผู้ดูแล ไม่ทราบว่าที่คุณหนูสามต้องการไปเป็นที่ใดของเผ่าปีศาจหรือ?”
“ท่านรู้จักหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ไหม?”
“นิดหน่อย”
“ข้าต้องการไปที่นั่น”
“หน่วยย่อยกองธงกล้วยไม้?”
“ใช่ ที่นั่นแหละ!”
“หน่วยย่อยกองธงกล้วยไม้ตั้งอยู่ที่เขาสูบวิญญาณทางเหนือของแคว้นเย่ ที่นั่นใกล้กับพระนครมากที่สุด ม้าเร็วลงแส้ประมาณสองสามชั่วยามก็ถึง”
“เช่นนั้นเราก็รีบไปกันเถอะ”
ทว่าอี้เฉินเฟยกลับไม่ขยับ แต่เอ่ยอย่างเคร่งเครียดเล็กน้อย
“แม้เขาสูบวิญญาณจะไม่ไกลจากพระนคร แต่เขาลูกนั้นมีเมฆหมอกปกคลุมทั้งปี ไอพิษหนาแน่น กลไกและค่ายกลก็มีอยู่ทั่ว คนธรรมดาแค่รุกล้ำเข้าไป โดยรวมก็ไม่อาจรอดกลับมาได้”
“วรยุทธ์ของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ยิ่งล้ำลึกไม่อาจคาดเดา ยากจะหาคนเป็นคู่ประ มีข่าวลือว่าวรยุทธ์เขาใกล้จะไล่ทันจอมปีศาจแล้ว เผชิญหน้ากับเขามิใช่การกระทำของผู้มีปัญญา”
กู้ชูหน่วนยิ้มเย็น “แต่ข้ามีความชอบอย่างหนึ่ง นั่นก็คือชอบท้าทายกับความลำบาก”