อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 152 ปะปนเข้าเผ่าปีศาจ
“พวกเจ้าสองคนไวหน่อย ทาสบำเรอครั้งนี้เลือกเฟ้นมาอย่างดี หากเกิดผิดพลาดอะไร พวกเจ้ามีร้อยหัวก็ไม่พอให้ตัด!”
“ขอรับๆๆ” กู้ชูหน่วนผงกศีรษะค้อมตัว ตามอี้เฉินเฟยขึ้นกระเช้า แวบประกายมาจากมุมตาในจุดที่คนอื่นมองไม่เห็น
ถ้านางเดาไม่ผิด ฐานะคนพวกนี้ต้องคล้ายๆ กับเย่เฟิงแน่ ถูกส่งไปบำเรอหัวหน้ากองธงกล้วยไม้
ครั้นนึกถึงว่าเย่เฟิงถูกหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ทำให้แปดเปื้อนตั้งแต่ห้าขวบแล้ว โทสะของกู้ชูหน่วนก็เพิ่มขึ้นฮวบฮาบ
เนื่องจากสวมหน้ากากกระดูกและชุดกระดูก พวกเขาปะปนอยู่ในกลุ่มคนจึงไม่เป็นที่สังเกต ราบรื่นตลอดทาง
เพียงแต่ขณะอยู่ที่เขาลูกที่ห้า พวกเขาก็ถูกขวางไว้
นอกจากจะต้องแสดงป้ายคำสั่งแล้ว พวกเขายังต้องหยดเลือดของตัวเองลงในถ้วยที่มาน้ำครึ่งถ้วย
บรรดาฉีโส่วเผ่าปีศาจที่อยู่ข้างหน้าพากันกัดนิ้วของตัวเอง หยดเลือดลงในถ้วย หลังจากผสมกับน้ำใสในถ้วยแล้วก็ส่งกลิ่นคาวเลือด จากนั้นก็มีไอดำอยู่ล้อมรอบ
กู้ชูหน่วนเหล่มองอี้เฉินเฟย ใช้สายตาถามเขา ตอนนี้จะบุกเข้าไปหรือว่าจะคิดวิธีปะปนเข้าไป?
อี้เฉินเฟยมอบสายตาวางใจให้กับนาง กัดนิ้วของตัวเองแล้วหยดเลือดลงในถ้วย เมื่อนั้นน้ำถ้วยนั้นก็เหมือนกับฉีโส่วอื่นๆ และมีไอดำล้อมรอบ ส่งกลิ่นคาวเลือดเช่นกัน
“ผ่าน คนต่อไป”
คนต่อไปก็คือกู้ชูหน่วนแล้ว
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
หากนางเดาไม่ผิด คนเผ่าปีศาจพวกนี้น่าจะแช่ยาสมุนไพรอะไรมาหลายปี แล้วยังกินพิษอะไรเข้าไป ดังนั้นในตัวจึงมีพิษอยู่
อี้เฉินเฟยผ่านด่านไปง่ายๆ ได้อย่างไร?
“ชักช้าอะไร? เร็วเข้า!”
เมื่อเห็นที่นี่มียอดฝีมือเผ่าปีศาจอยู่เต็มสามชั้นนอกใน กู้ชูหน่วนจึงได้แต่กัดนิ้วตัวเองหยดเลือดลงในน้ำดาดๆ
แต่เหนือความคาดหมาย ครั้นเลือดของนางถูกน้ำก็มีไอดำออกมาล้อมรอบและส่งกลิ่นคาวเลือดเช่นกัน
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?
กู้ชูหน่วนเงยหน้ามองอี้เฉินเฟย
แต่กลับเห็นเขาเป็นปกติ ราวกับคาดเดาอยู่ก่อนแล้ว
“ต่อไปมือไม้ไวหน่อย ช่วงนี้ถันจู่เจียงอารมณ์ไม่ดีมาก ระวังเจ้าจะถูกเขาเอาชีวิต!”
“ขอรับๆๆ…”
ขึ้นกระเช้าอีกครั้ง
อย่างไรกู้ชูหน่วนก็ไม่เข้าใจ ทั้งที่พวกเขาทั้งสองไม่ถูกพิษ แต่ทำไมในร่างกายจึงมีไอพิษได้?
“ขอร้องล่ะ! ปล่อยข้าไปเถอะ บ้านข้ามีพ่อแม่ป่วยหนัก กับน้องชายน้องสาวอายุน้อยที่ต้องดูแล ถ้าไม่มีข้า พวกเขาก็จะอยู่ต่อไปไม่ได้ ขอร้องพวกท่านล่ะ…” หนุ่มน้อยสิบสามสิบสี่คนหนึ่งวิงวอนสั่นพั่บๆ
สองมือเขาถูกมัดไว้ แต่กลับโขกศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า
หนุ่มน้อยคนอื่นๆ ก็อยากขอร้องด้วย แต่ไม่รู้ว่าคิดถึงอะไร ร่างกายกลับสั่นเทิ้มไม่หยุด เข้าเกาะกลุ่มด้วยกัน
ผู้คุมถีบหนุ่มน้อยที่ขอร้องผู้นั้นกระเด็น เอ่ยเสียงเย็น “ตลอดทางเป็นเจ้าที่พูดมากที่สุด เข้าเผ่าปีศาจมาแล้วยังคิดจะไปอีกหรือ? ไม่มีทางเสียหรอก!”
“ขอร้อง…ขอร้องล่ะ ครอบครัวข้ายังมีคนป่วยหนัก พวกเขาจำเป็นต้องให้ข้าไปหาเงินซื้อยา”
“เมื่อเข้าเผ่าปีศาจ เจ้าก็ไม่มีครอบครัวอีก สิ่งเดียวที่เจ้าทำได้ ก็คือปรนนิบัติหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ให้ดี หากหัวหน้ากองธงอารมณ์ดี ต่อไปเจ้าก็กินดีอยู่ดี มีเงินมีทอง ไม่ต้องกังวลอะไรอีก แต่ถ้าไม่แล้วล่ะก็… เฮอะ! ข้ารับประกันได้ เจ้าได้เหมือนตายทั้งเป็นแน่!”
มุมดวงตาหนุ่มน้อยหลั่งหยาดน้ำตาเป็นประกาย ราวกับคิดหาวิธีกระโดดลงไป
เส้นเชือกห่างกับพื้นหลายสิบจั้ง แค่โดดลงไป กระดูกได้แหลกเหลวแน่ เขาไม่อาจลงไปได้