อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 170 ทำคนตายได้ในเสี้ยววินาที
ความสงสัยของบรรดาฉีโส่วน้องลงอีกหน่อย แต่ขณะกำลังเอ่ย “ทุกท่านโปรดยืนยันตัวตนด้วย”
กู้ชูหน่วนก็ตะคอก “ศัตรูจะตามมาอยู่แล้วยังจะยืนยันตัวตนอีก? หรือว่าพวกเจ้าเข้าร่วมกับพวกศัตรู จงใจให้พวกมันตามเราทัน?”
“ใส่ความ! พวกเราจะไปร่วมกับศัตรูได้อย่างไร?”
“เช่นนั้นยังไม่รีบปล่อยผ่านอีก! พวกเจ้ารีบไปสกัดพวกเขาก่อน พวกเข้าไปยืนยันตัวตนที่ยอดเขาที่สี่ก็เหมือนกัน!”
“เออ…”
เมื่อนั้นอี้เฉินเฟยจึงเอ่ยขึ้นในเวลาที่เหมาะสม “ทำตามที่เขาบอก! จำไว้ ถ้าสกัดพวกมันไม่ได้ ต่อไปพวกเจ้าก็ไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีก!”
เสียงของอี้เฉินเฟยลอยๆ แต่กลับน่าเกรงขามถึงที่สุด
หรือก็หมายถึง ปกติเจียงซวี่เบ่งบารมีมาก บรรดาคนระดับล่างจึงกลัวล่วงเกินเขา
จากที่ไกลๆ ถันจู่หลินก็ไม่รู้ว่าไปเอากระเช้ามาจากที่ไหน กำลังตามพวกเขามาพลางตะโกน
“ขวางพวกมันไว้! รีบขวางพวกมันไว้!”
ด้วยห่างกันไกล ทุกคนจึงได้ยินไม่ชัดว่าถันจู่หลินพูดอะไร
กู้ชูหน่วนเร่งเร้า “ยังยืนบื้อทำอะไรอยู่อีก! ยิ่งธนู ยิงพวกมันให้ตาย อย่าให้พวกมันสมใจเด็ดขาด ถึงท่านหัวหน้ากองธงจะไม่สนใจความเป็นความตายของทาสบำเรอพวกนี้ แต่ก็ไม่ยอมให้ทาสบำเรอถูกคนช่วยไปได้เด็ดขาด!”
บรรดาฉีโส่วลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นก็ให้มือธนูยิงธนูไป
อี้เฉินเฟยเสริมอีกประโยค “เปิดทาง!”
“เปิดที่กั้น ให้พวกเขาผ่านไป!”
“ขอรับ!”
ที่กั้นถูกเปิดออก กระเช้าเดินหน้าไปทางยอดเขาลูกที่สี่ตามเชือก
กู้ชูหน่วนกดไลก์ให้ฉีโส่วผู้นั้น หัวเราะเอ่ย “ทำได้ดี ถ้าเจ้าฆ่าศัตรูพวกนั้นได้หมด กลับไปข้าจะให้ถันจู่เจียงเพิ่มเงินเดือนให้เจ้า”
บรรดาฉีโส่วตะลึงงัน
แต่ไหนมาถันจู่เจียงก็คบหายาก ทำไมจึงดีกับฉีโส่วเล็กๆ คนนั้นได้? แล้วยังถึงกับปล่อยให้เขาเหิมเกริมโอหังเช่นนี้อีก?
ถึงจะฉงนใจ แต่พวกเขาก็ยังสั่งการให้มือธนูยิงไประนาว ต้องยิงศัตรูที่แปลงโฉมเป็นถันจู่หลินให้ตายให้ได้!
ถันจู่หลินรู้สึกโชคร้ายเหลือเกิน
คนของแท่นจุดสัญญาณไฟเขาที่ห้าก็ไม่รู้ว่าทำอะไรกัน ไม่เพียงเปิดที่กั้นให้ศัตรูผ่านไป แล้วยังลงมือหนักกับพวกเขาอีก
ถันจู่หลินเอ่ยด้วยโทสะ “บังอาจ! รีบให้พวกเขาหยุดเร็ว! ข้าคือถันจู่หลินที่คุมหอเฟิงหยุนนะ!”
“เจ้าสิบังอาจ! ถึงกับกล้าแปลงโฉมเป็นถันจู่หลินเชียวหรือ? สหาย ฆ่าพวกมันให้สิ้นซาก!”
กู้ชูหน่วนพิงอยู่ในกระเช้า มองสงครามอันดุเดือดที่อยู่ด้านหน้าอย่างเฉื่อยแฉะ
แม้ไม่ได้ยินคำพูดถันจู่หลินกับหู แต่ทุกคนก็รู้สึกได้ว่าถันจู่หลินใกล้จะเดือดดาลแล้ว
เหล่าทาสบำเรอเหงื่อแตกชุ่มหลัง แทบไม่อยากจินตนาการว่าตัวเองรอดออกมาจากปากเสือยอดเขาที่ห้าได้
อี้เฉินเฟยทำเสียงแจ๊บๆ หัวเราะเอ่ย “ล่วงเกินใครก็อย่ามาล่วงเกินเจ้าเชียว เจ้ามันชั่วร้ายเกินไปแล้ว ใช้กลเม็ดนิดหน่อยก็ทำจนพวกเขาตายได้”
กู้ชูหน่วนบิดขี้เกียจ ในดวงตาน้ำระยับเผยรอยยิ้มหนึ่ง “พี่เฉินเฟย ท่านก็พูดไปเรื่อย ข้าฟ้องร้องว่าท่านล่วงละเมิดสิทธิในชื่อเสียงข้าได้นะ”
ทาสบำเรอที่อยู่กระเช้าเดียวกันไม่รู้ว่าสิทธิในชื่อเสียงนั้นหมายถึงอะไร กลับเป็นอี้เฉินเฟยที่มองทางแท่นจุดสัญญาณไฟที่สี่ เมื่อนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็จางหายไปบางส่วน และที่แทนที่ก็คือความกังวล
เขาถอนหายใจ “เกรงว่าแท่นจุดสัญญาณไฟจะฝ่าไปไม่ง่าย”
“มีอะไรให้ฝ่ายากกัน? ท่านดูนะว่าข้าจะฝ่าออกไปอย่างไร”
ทุกคนพากันฉงนใจ ไม่รู้ว่านางจะฝ่าไปอย่างไรอีก?
หรือว่าจะใช้แผนเดิม?
แต่แตรยิ่งเป่าก็ยิ่งดัง คนที่แท่นจุดสัญญาณไฟที่สี่จะเชื่อง่ายๆ ได้อย่างไร?