อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 176 เขาคือประมุขชิงใช่ไหม
บนรถกระเช้าของกู้ชูหน่วน มีเพียงนาง อี้เฉินเฟย ฝูกวงและเย่เฟิง
เย่เฟิงเมาจนหลับสนิทลงไป ไม่มีแรงที่จะสู้ต่อไปแล้ว กู้ชูหน่วนยังพอเป็นวิชาตัวเบาอยู่บ้าง แต่ไม่มีกำลังภายในเลย จึงต้องใช้เข็มพิษกับอาวุธลับแอบโจมตี
อี้เฉินเฟยกับฝูกวงสองคนต่อกรกับยอดฝีมือสิบกว่าคนก็ไม่เคยแพ้มาก่อน
แต่กลับเป็นถันจู่หลินที่ทั้งโกรธทั้งแค้น เดินมายังหน้าประตูรั้วอย่างโมโห ยกดาบขึ้นอยากจะตัดไส้เชือกออก
แม้พวกทาสบำเรอจะถึงหอสัญญาณที่หนึ่งอยู่แล้ว แต่พวกเขายังห่างอยู่ไกลมาก ตอนนี้ถ้าไส้เชือกถูกตัดขาด พวกเขาทุกคนก็จะตกลงไปยังเหวลึก
ฝูกวงเห็นเช่นนี้ ไม่ห่วงอันตราย เขากลับไปเตะหลังหัวของถันจู่หลินอย่างแรง
นี่เป็นท่าเตะที่ดูถูกคนมาก ถันจู่หลินโมโหจัด กลับทำได้แค่หันข้างหลบออกไป เพราะความเร็วของฝูกวงเร็วมากจริงๆ
“พุ่งๆๆ……”
ในตอนที่หลบออกไปข้างๆนั้น พวกฉีโส่วที่อยู่ข้างๆเขาก็ต่างถูกฝูกวงฆ่าปาดคอจนหมด
“ช่วยคนออกไปจากหอเฟิงหยุนของข้าก็ช่างเถอะ ยังกล้าฆ่าลูกน้องของข้าอีก เจ้าคิดว่าข้าอ่อนแอ จนปล่อยให้เจ้ารังแกได้ง่ายๆหรือไง?”
ถันจู่หลินกวักมือ พวกฉีโส่วทั้งหลายล้อมฝูกวงเอาไว้อย่างหนาแน่น
ฝูกวงกระตุกยิ้มมุมปาก สายตาเต็มไปด้วยความดูถูก เขาไม่พูดไร้สาระกับพวกเขา ร่างกายผอมแห้งนั้นยืนอยู่บนไส้เชือกเหมือนดั่งเทพสงคราม หากใครกล้าก้าวขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว เขาก็จะฆ่าทุกคนที่เข้ามาทั้งหมด ปกป้องไส้เชือกเส้นนี้และกู้ชูหน่วนเอาไว้ด้วยชีวิต
บนไส้เชือก ยอดฝีมือมากมายขึ้นรถกระเช้าออกไป
อี้เฉินเฟยแม้จะเก่งเรื่องการต่อสู้มากแค่ไหน เป็นเรื่องยากที่จะต่อกรกับยอดฝีมือเยอะขนาดนี้
สถานการณ์ของพวกเขาเริ่มแย่ลงทุกที
ยอดฝีมือระดับสี่ที่เป็นหัวหน้าพุ่งออกจากการป้องกันของอี้เฉินเฟย ตรงไปที่บนรถกระเช้าของพวกกู้ชูหน่วน
สีหน้าของอี้เฉินเฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อย ใช้ความนุ่มนวลเอาชนะความแข็งแกร่ง ทำเอายอดฝีมือระดับสี่กระเด็นออกไปไกล
“ปังๆๆ……”
ยอดฝีมือสู้กัน รวดเร็วจนกู้ชูหน่วนตาลายไปหมด
ไม่มีอี้เฉินเฟยคอยขัดขวาง ใช้แค่อาวุธลับของกู้ชูหน่วนคงต่อกรกับยอดฝีมือที่โหดเหี้ยมพวกนี้ไม่ได้
กู้ชูหน่วนยื่นมือออกไป แต่ก็จับได้แค่อากาศ อดไม่ได้สบถด่าออกมา
ในเวลาสำคัญแบบนี้ นางกลับไม่มีอาวุธเข็มพิษเหลืออยู่เลย
เย่เฟิงร้อนรนใจ พยายามลุกขึ้นมาอยากจะขวางยอดฝีมือแทนพวกกู้ชูหน่วน แต่เป็นเพราะเมาเหล้าหนักมาก สองขาของเขาอ่อนแรงไปหมด เพิ่งลุกขึ้นมาได้สักพัก ก็ต้องล้มลงไปอีกครั้ง
ในตอนที่เย่เฟิงเข้าใกล้ความสิ้นหวังนั้น เห็นอี้เฉินเฟยใช้มือขวาดูดขลุ่ยหยกที่เอวของกู้ชูหน่วนออกไปรางๆ
เสียงไพเราะนุ่มนวลของขลุ่ยดังทะลุกระเช้าและทุกคน โอบล้อมภายในยอดเขานี้ เสียงอ้อยอิ่ง ได้ยินแล้วก็ต้องหลงใหล
ด้วยเสียงขลุ่ยที่ดังขึ้น อุณหภูมิก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ยามค่ำคืนยังเห็นเกล็ดหิมะตกลงมา
เกล็ดหิมะลอยละล่องบนอากาศเหมือนภูต กลายเป็นภาพที่สวยงาม
คนไม่น้อยต่างก็สงสัย
อากาศร้อนขนาดนี้มีเกล็ดหิมะตกลงมาได้ยังไง
ยังไม่ทันได้มาก ก็เห็นเกล็ดหิมะอันสวยงามนั้นกลายเป็นใบมีดแหลมคม กระหน่ำยิงใส่ยอดฝีมืออย่างทรงพลัง
ท้องฟ้ามืดเกินไป บวกกับการตั้งตัวไม่ทัน ยอดฝีมือไม่น้อยต่างก็ถูกยิงตายด้วยเกล็ดหิมะ
“ระวังเกล็ดหิมะ”
ยอดฝีมือระดับสี่ตะโกนเสียงดัง อยากจะไปแย่งขลุ่ยหยกในมือเขา กลางอากาศกลับมีแรงหนึ่งขัดขวางเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่อาจเข้าใกล้อี้เฉินเฟยได้
ทันใดนั้นเสียงนุ่มนวลสงบของขลุ่ยก็เปลี่ยนไป โทนเสียงรวดเร็วขึ้น เหมือนดั่งกลุ่มปีศาจที่บ้าคลั่ง แรงอาฆาตพุ่งทะยานขึ้นฟ้า กลิ่นคาวเลือดอบอวลไปทั่ว
ได้ยินเสียงขลุ่ยนี้ นอกจากพวกกู้ชูหน่วนแล้ว ยอดฝีมือทุกคนที่ไล่ฆ่าพวกเขาก็ต่างมีเลือดออกทางจมูกและปาก หนักหน่อยก็ตายไปเลย
“กลุ่มปีศาจบ้าคลั่ง เจ้าคือใครกันแน่”
ยอดฝีมือระดับสี่สลัดเสียงขลุ่ยนี้ออกไปด้วยกำลังภายใน พยายามปกป้องยอดฝีมือพวกนั้นให้ได้มากที่สุด สีหน้าของพวกเขาตกตะลึงกันหมด