อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 185 กล้าเรียกจอมมารว่าน้องชายงั้นเรอะ
ไม่รู้ว่ามีหมอกควันระเหยขึ้นและรายล้อมในป่าไผ่เมื่อไหร่ หมอกควันหนาเกินไป แค่ภาพภายในหนึ่งเมตรก็ยังเห็นไม่ชัดเลย
กู้ชูหน่วนพูดเตือนว่า “น่าจะเป็นค่ายกลหมอก ทุกคนรวมตัวกัน อย่าแตกกลุ่มล่ะ”
รอบด้านไม่มีเสียงตอบรับ กู้ชูหน่วนหันกลับไปมอง กลับเห็นว่าเย่เฟิงแตกกลุ่มไปแล้ว ขนาดฝูกวงที่ตามติดนางก็ยังหายไปเลย
“เย่เฟิง ฝูกวง……”
กู้ชูหน่วนตะโกนหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากพวกเขาเลย ในใจก็ระแวงรอบด้านมากขึ้น
ข้างหูมีเสียงลมพัดเหมือนดั่งภูตพรายกำลังโหยหวน ดูน่าโศกเศร้าและยังมีความเยือกเย็นแฝงอยู่ด้วย
เงาไม้ไผ่และใบไผ่กะพริบไปทางซ้ายทีขวาที ต้นไผ่เคลื่อนที่ไปมาราวกับว่าพวกมันมีขา
พื้นที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ กู้ชูหน่วนเหมือนอยู่ในเขาวงกตกว้างใหญ่ นางไม่ขยับ พื้นที่ก็ไม่เปลี่ยน นางขยับ พื้นที่ก็เปลี่ยนไปด้วย
หลับตาลง กู้ชูหน่วนพยายามสัมผัสเส้นทางการเคลื่อนไหวของลม สักพักใหญ่ นางก็ลืมตาที่เย็นชาขึ้น กระตุกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
เล่นค่ายกลกับนางงั้นเหรอ?
คิดว่านางเรียนวิธีการทำลายค่ายกลเล่นๆหรือไง?
กู้ชูหน่วนขยับตัวไปด้านข้าง เดินไปทางทิศเหนือหยุดที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เลี้ยวขวาสิบห้าก้าวแล้วหยุดที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้
“ชิ้ง……”
นางยกดาบของฝูกวงขึ้น ฟันไม้ไผ่เขียวสามต้นด้านหน้ารวดเดียว
หมอกจางลงไปมาก
กู้ชูหน่วนแสยะยิ้มเย็นชา ก้าวไปทางทิศใต้แล้วเดินไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เดินไปทางทิศตะวันตกอย่างรวดเร็ว ฟันต้นไผ่ทุกๆสิบก้าวที่เดินผ่านตลอดทาง
พอนางฟันต้นไผ่สามสิบต้นเสร็จแล้ว ป่าไผ่ก็กลับมาสว่างอีกครั้ง หมอกจางลงไปอย่างรวดเร็วอย่างชัดเจน
เสียงลมพัดเยือกเย็นนั้นก็ไม่ได้ยินแล้วเหมือนกัน
มองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา ป่าไผ่เขียวขจี ทรงต้นสูงตรง ใต้แสงแดดที่สาดส่องกระทบลงมาเป็นเงาต้นไผ่ ลมพัดมาอ่อนๆ ใบไผ่ส่งเสียงฟิ้ว เงียบสงบ สง่า และทำให้จิตใจบริสุทธิ์
นี่มันเป็นทิวทัศน์ระหว่างนรกกับสวรรค์ชัดๆ
แก้ค่ายกลหมอกได้แล้ว แต่ก็ยังหาเย่เฟิงกับฝูกวงไม่เจอเลย
ไม่ไกลมากมีเสียงฆ่าฟันกันดังขึ้น กู้ชูหน่วนหรี่ตาลง รีบวิ่งตามเสียงฆ่าฟันนี้ไป
นอกป่าไผ่ โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งถูกกำลังภายในอันแข็งแกร่งกดทับไว้ แทบจะแตกละเอียดออกเป็นชิ้นๆ เศษซากกระจัดกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง พร้อมกับซากแขนและขา
กลุ่มคนชุดดำในมือถืออาวุธไว้ ล้อมชายหนุ่มสองคนไว้ตรงกลาง บนพื้นมีศพนอนกองอยู่ไม่น้อย เลือดไหลไปทั่วทุกที่ สถานการณ์คับขันมาก
กู้ชูหน่วนถูกชายหนุ่มชุดแดงดึงดูดความสนใจตั้งแต่แรกพบ
ชายหนุ่มคนนั้นมีหน้าตาคล้ายภูตปีศาจ ดวงตาเรียวยาวดั่งหงส์ที่เกียจคร้าน เหมือนไม่สนใจกับเรื่องอะไรเลย
เขาหล่อมาก หรืออาจจะบอกว่าสวยก็ได้ สวยจนยากที่จะแบ่งเพศได้ ถ้าเขาไม่มีลูกกระเดือกที่เห็นได้ชัดเจน กู้ชูหน่วนคงคิดว่าเขาเป็นคนที่สวยที่สุดในโลกแล้ว
จมูกของเขาโด่งเป็นสัน โครงหน้าคมได้รูป ผมสีดำสลวยพาดไว้ด้านหลัง ใช้โบว์สีแดงมัดไว้หลวมๆ
หุ่นของเขาค่อนข้างผอม ไม่มีไขมันแต่กลับดูแข็งแรงมาก สวมชุดสีแดงเผยให้เห็นกล้ามเนื้อบนแผงอก คนที่เห็นแล้วก็อดไม่ได้สูดหายใจเข้า
หุ่นสวยมากเลย
เด็กหนุ่มผู้เลอโฉม……
โดยเฉพาะดวงตาที่เกียจคร้านของเขา กลับมีข้างหนึ่งเป็นสีฟ้าอ่อน
นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนนั้นหาดูยากมาก
พวกคนชุดดำล้อมตัวพวกเขาไว้ แล้วตะคอกว่า “พี่น้องอย่าไปกลัวเขา ตอนนี้เขาเสียพลังไปมาก ขอแค่พวกเรารวมใจกัน จะต้องฆ่าเขาได้แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น กำลังเสริมหลักกำลังมาแล้ว ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องอดทนรอกำลังเสริมมาให้ได้”
เหล่าคนชุดดำคนอื่นๆ มีคนขาสั่นพั่บๆไม่น้อย แต่พอนึกได้ว่า ถ้าไม่ฆ่าเขา คนที่ถูกฆ่าก็คือพวกเขา
จึงต้องทำใจกล้ายกดาบฟันไปที่พวกเขา
คนนับสิบถึงร้อยต่างโจมตีไปที่ชายหนุ่มสองคนนั้น
กู้ชูหน่วนเขย่งเท้าใช้ตัวช่วยจากต้นไผ่ โอบเอวที่แข็งแกร่งของชายหนุ่มชุดแดงไว้ เข็มเงินในมือเหมือนดั่งสายฝนกระหน่ำยิงออกไป คอยขวางพวกยอดฝีมือที่โจมตีเข้ามา
นางยิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า “เจ้าน้องชาย เดี๋ยวพี่สาวคนนี้คุ้มกันให้เอง”
ซี๊ด……
ทุกคนต่างสูดหายใจเข้ากันหมด
น้องชายงั้นเหรอ?
นางจะปกป้องงั้นเหรอ?
ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วหรือไง?
ไม่มีกำลังภายในเลยสักนิด ยังกล้ามายุ่งกับเรื่องนี้อีก
นางรู้ไหมว่าชายชุดแดงคนนั้นเป็นจอมมารของเผ่าปีศาจน่ะ
พวกเขาเสียกำลังไปมาก และเสียคนไปมากเช่นกัน เขาถึงได้ถูกขังอยู่ในป่าไผ่นี้
และ……นี่ยังเป็นช่วงวิกฤตของพลังที่จะหายไป ต้องสูญเสียกำลังภายในส่วนใหญ่ไปถึงจะทำได้
ลูกน้องของชายชุดแดงเสวียซาเย็นวาบไปทั่วแผ่นหลัง กำลังจะเดินเข้าไป
ชายชุดแดงก็ยกมือที่ขาวเนียนนั้นขึ้นมาเล็กน้อย กำลังบอกเขามาอย่าขยับ ลูกน้องคนนั้นก็หยุดเดินเข้าไปหาต่อ
“น้องชาย เจ้าหน้าตาดีมากเลย ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะปกป้องเจ้าเอง”
พึ่บ……
บางคนตกใจจนล้มลงไป
ขนาดเสวียซาลูกน้องของจอมมาร ก็ต้องสะดุดแทบล้มหน้าทิ่ม มองกู้ชูหน่วนอย่างไม่อยากจะเชื่อในสายตา
บรรยากาศเหมือนเงียบสงัดลง
กู้ชูหน่วนลูบคาง
ชายหนุ่มหน้าตาดีราวกับปีศาจนี้เป็นใครกันนะ? ทำไมทุกคนถึงมีสีหน้าเช่นนี้?
บนตัวเขาก็เหมือนไม่มีกำลังภายในมากเท่าไหร่เลยนี่
ทุกคนต่างก็คิดว่าจอมมารถูกคนลวนลามแบบนี้จะต้องโกรธมากแน่ๆ คงตบกระหม่อมของผู้หญิงนี้แน่นอน ไม่คิดว่าจอมมารกลับเงยหน้าขึ้น กระตุกยิ้มมุมปากบางๆ เหมือนกับเด็กน้อยที่เชื่อฟัง
“ได้สิ พี่สาวดีจังเลย”
“พึ่บ……”
ในหมู่ผู้คน มีคนล้มลงไปอีกแล้ว
ใบหน้าที่เย็นชาดั่งน้ำแข็งของเสวียซา เส้นเลือดกระตุกเบาๆ ไม่อยากจะเชื่อสายตากับหูของตัวเองเลย
นายท่านเรียกนางว่า……พี่สาว……
แถมยังยิ้ม……ให้กับนางด้วย……
เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?
กู้ชูหน่วนยิ้มอ่อนๆ เชยคางที่เนียนขาวของเขาขึ้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้องชายรู้งาน พี่สาวชอบมาก”
จอมมารยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม สวยจนคนที่เห็นแล้วต่างก็ต้องตาลาย คำพูดที่พูดออกไป ก็น่าหลงใหลจนอดไม่ได้หลงเสน่ห์
“พี่สาวกอดข้าแล้ว ต้องรับผิดชอบตัวข้าด้วยนะ”
คำพูดของเขาเบามาก แต่กลับดูหนักแน่นมาก
พูดล้อเล่นแต่ก็เหมือนจริงจัง ทำให้ผู้คนไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไรกันแน่
“ที่แท้พวกเขาก็คือพวกเดียวกัน ทุกคนฆ่าผู้หญิงคนนั้นด้วยเลย” คนชุดดำพูดอย่างโมโห
คนนับร้อยกระโจนกันเข้ามา พวกเขาเป็นยอดฝีมือชื่อดังกันทั้งนั้น แถมยังโจมตีเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต ทันใดนั้นเองบรรยากาศในป่าไผ่ก็อบอวลไปด้วยแรงอาฆาต เพียงแค่แรงจากฝ่ามืออันแข็งแกร่งก็สามารถทำลายป่าไผ่นี่ได้แล้ว แล้วถ้าตบมาที่ตัวคนล่ะ
เสวียซาแววตาเข้มงวดขึ้นมา ลงมือรวดเร็วแม่นยำโหดเหี้ยม ยกเคียวในมือขึ้นก็มีคนตายแล้วหนึ่ง
แม้จะเผชิญหน้ากับกองทัพนับร้อยพัน สีหน้าของเสวียซาก็ไม่เปลี่ยนไปเลย เขาเป็นเหมือนเทพสังหาร ตลอดทางที่ผ่านก็ย่อมมีคนล้มตาย
กู้ชูหน่วนหรี่ตาลงอย่างเย็นชา
เป็นฝีมือการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก
เป็นฝีมือที่โหดเหี้ยมมาก
คนที่เผ่าปีศาจจะมาฆ่าก็คือเขาเหรอ?
การต่อสู้นี้ สมแล้วที่พวกเขาวางแผนลอบสังหารขนาดนี้
“น้องชาย ข้าพาเจ้าออกไปก่อนดีกว่า”
“ได้เลย”
กู้ชูหน่วนโอบเอวของเขาไว้ สูดดมกลิ่นหอมจากดอกลำโพงกาสลักอ่อนๆบนตัวเขา แล้วกระตุกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ
นางไม่มีกำลังภายใน แต่ทักษะวิชาตัวเบาก็ถือว่าไม่เลว สามารถหนีออกมาได้ในตอนที่ชุลมุน
ยอดฝีมือไม่น้อยที่จับตาดูพวกเขาอยู่
เห็นพวกเขาหนีไปแล้ว แต่ละคนสองมือประสานอินแล้วโจมตีไปทางกู้ชูหน่วน
นิ้วมือเนียนขาวของจอมมารปัดเศษผมไปไว้หลังหู เห็นสถานการณ์แบบนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็เย็นชาขึ้น ยกมือเปล่าขึ้นเบาๆ ยอดฝีมือพวกนั้นแต่ละคนก็ระเบิดกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น เขาก็แค่ยกมือขึ้นตามอารมณ์ กลับทำให้สิบกว่าชีวิตต้องหายจากโลกนี้ไป