อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 193 ฝีมืออำมหิต
ทหารสองนายตกใจ กำลังจะถามว่าเป็นใคร กลับเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็คือจอมมารผู้สูงส่ง
ทั้งสองขาอ่อนคุกเข่าลงพื้น ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด ขนาดพูดยังปากสั่นจนฟันกระทบกัน
“ข้าน้อย……ขอ……ขอคารวะจอมมารขอรับ”
จอมมารหันหลังให้พวกเขา มองดูนิ้วมือเรียวยาวนุ่มนวลของตัวเองอย่างสง่างาม เขาแค่ยืนอยู่ตรงนั้น แต่กลับให้ความรู้สึกที่ว่าเขาเป็นใหญ่ที่สุดในใต้หล้านี้
เหมือนเขาเป็นเทพผู้สูงส่ง ขอแค่เขาอยาก แค่ดีดนิ้วก็สามารถทำลายทุกอย่างได้
จอมมารพูดอย่างเกียจคร้านว่า “รู้ตัวไหมว่าทำผิดเรื่องอะไร?”
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว ทหารสองนายก็ตกใจจนแทบฉี่ราด
ด้วยตำแหน่งของจอมมาร ไม่มีทางมาคุยกับพวกเขาได้หรอก แต่วันนี้จอมมารกลับมาคุยกับพวกเขาเนี่ยนะ
ไม่สิ ไม่ได้มาคุยกับพวกเขา แต่มาถามพวกเขาต่างหาก
หรือว่าเรื่องที่พวกเขาพูดถึงผู้พิทักษ์ขวา จอมมารจะได้ยินแล้ว
ทหารคนแรกตอบเสียงสั่นว่า “เพราะ……เพราะข้าน้อยแอบนินทาเรื่องผู้พิทักษ์ขวา”
“ไม่ใช่” น้อยครั้งที่จอมมารจะตอบ
ทหารคนที่สองกลืนน้ำลาย พูดเสียงสั่นว่า “เพราะ……ผู้พิทักษ์ซ้ายสั่งว่า ห้ามไม่ให้ใครไปที่พระราชวัง……ขออภัยท่านจอมมาร ข้าน้อยไม่กล้าไปแล้วขอรับ เพราะผู้พิทักษ์สั่งให้ข้าน้อยส่งยาไปให้ ข้าน้อยไม่กล้าขัดคำสั่ง ข้าน้อยผิดไปแล้วขอรับ ขอท่านจอมมารโปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด”
เงาสีแดงแวบขึ้น ทหารคนที่สองถูกบีบคอไว้แล้ว
ใบหน้าที่ทั้งสวยและหล่อของจอมมารแสยะยิ้มอย่างเลือดเย็นและโหดเหี้ยม ทำให้คนที่เห็นแล้วอดไม่ได้ขนหัวลุกซู่ขึ้นมา
มือเนียนขาวของจอมมารบีบแน่นมากขึ้น มองดูใบหน้าที่แดงก่ำเพราะใกล้ขาดอากาศหายใจตายของเขาอย่างพึงพอใจ
ริมฝีปากบางนั้นพูดขึ้นเบาๆว่า
“เจ้าทำผิดสองเรื่อง หนึ่งพูดมากเกิน สองเจ้ารบกวนเวลาอันดีงามของข้ากับพี่สาว เจ้าว่า เจ้าสมควรตายหรือไม่”
ทหารมองเขาอย่างหวาดกลัว เขาพยายามดิ้นรน แต่ร่างกายกลับถูกหยุดเอาไว้ ขยับไม่ไหนไม่ได้เลย จึงต้องขาดอากาศหายใจตาย
ที่น่าเจ็บปวดคือ ร่างกายของเขาตั้งแต่ในถึงนอก เหมือนถูกจับฉีกแยกออกเป็นชิ้นๆ ฉีกแขนขาของเขาออกทั้งหมด ระเบิดเป็นละอองเลือด
เจ็บ……
เจ็บจนเขาอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขากลับตายไม่ได้
กลับต้องมองดูร่างกายตัวเองถูกหลอมละลายไปทีละนิด จนกระทั่งหลอมละลายไปจนถึงหัวใจ ก็ถึงตายอย่างทรมาน
ทหารอีกคนเห็นภาพแบบนี้แล้ว ก็ตกใจจนสีหน้าซีดเซียวไปหมด
“ท่าน……จอมมาร……”
“รบกวนเวลาอันดีงามของข้ากับพี่สาว เหมือนจะมีเจ้าด้วยนะ”
ทหารพูดพึมพำว่า “พี่……พี่สาว?” พี่สาวคนไหนกัน
ซี๊ด……
แรงอาฆาตโหมกระหน่ำเข้ามา
ทหารก็รู้ตัวว่าไม่ได้การแล้ว
เสียดายที่ช้าเกินไป
ข้างหูมีเสียงแสยะยิ้มเย็นชาของจอมมารดังขึ้น “เจ้ามีสิทธิ์เรียกนางว่าพี่สาวเหรอ”
“โอ๊ย……”
ทหารไม่เพียงแต่แขนขาระเบิดออก เศษชิ้นส่วนร่างกายตกเรี่ยราดเต็มพื้น
ลูกตา จมูก หูของเขาก็ถูกตัดออกสดๆ เจ็บจนเขาดิ้นไม่หยุด
ที่ทรมานไปกว่านั้นก็คือ ดอกไม้กินคนไม่รู้ว่าคืบคลานมาจากไหน แย่งกันพุ่งเข้ามากัดเขา กัดจนเขาตายทั้งเป็น
ยามค่ำคืน เงาดำของคนลอยออกมา คุกเข่าอยู่ตรงหน้าจอมมาร แล้วคารวะอย่างเคารพ
“ข้าน้อยเสวียซา ขอคารวะท่านจอมมาร”
“ลุกขึ้นมาเถอะ”
“นายท่าน หญิงผู้นั้นชื่อว่ากู้ชูหน่วน เป็นคุณหนูสามแห่งจวนเฉิงเซี่ยงผู้ไม่เป็นที่โปรดปรานของใคร และเป็นว่าที่ภรรของเย่จิ่งหานเทพสงคราม ขณะเดียวกันยังมีความสัมพันธ์แนบชิดกับสำนักสำนักอสุราด้วย ประมุขชิงแห่งสำนักสำนักอสุราเคยช่วยนางเอาไว้ แถมยังมอบองครักษ์ลับของเจ้าสำนักสำนักอสุราคนก่อนที่ชื่อว่าฝูกวงให้นางด้วย ส่วนตัวตนที่แท้จริงของนาง ยังสืบไม่ได้ขอรับ”
“เจ้ารู้สึกไหมว่า นางเหมือนกับเพื่อนเก่าของข้าคนหนึ่ง”