อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 212 ใครกล้าฆ่าว่าที่ชายาข้า
ฝูกวงพลิกฝ่ามือ กระบอกพลุโปร่งแสงหนึ่งก็แตกออกกลางอากาศเป็นประกายไฟกลางอากาศ
กระบอกพลุไร้สีไร้กลิ่น แม้แต่ขณะที่แตกออกก็ไม่เป็นที่สังเกตสักนิด นี่เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือขั้นสูงสุดของสำนักอสุราของพวกเขา
ฝูกวงหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง
อยากฆ่าเจ้าสำนักของพวกเขา ก็ต้องเหยียบศพทุกคนในสำนักอสุราไปก่อน!
“โอหัง! วันนี้ข้าจะเอาชีวิตเจ้าก่อน!”
โครม…
รังสีไร้ขอบเขตแผ่ซ่าน บรรดาหลวงจีนที่อยู่ใกล้พากันถูกกดลงกับพื้น แล้วยังมีบางส่วนที่ถูกลมแรงซัดปลิวออกไป
จิตสังหารมหึมาพัดไปทางกู้ชูหน่วน
ฝูกวงชักกระบี่คู่ออกมาแช้งเสียงหนึ่ง รวมกำลังภายในไว้กับกระบี่คู่นั้น เตรียมใช้กำลังภายในของตัวเองแปลงเป็นกระบวนท่าสังหารตลอดเวลา
มุมปากกู้ชูหน่วนเฮอะเบาๆ แค่นหัวเราะ แม้เผชิญหน้ากับท่าพิฆาต นางก็ไม่ถอยสักก้าว ทั้งเมื่อขยับเท้า สองมือที่มีหมอกพิษก็ฉวยโอกาสฝ่าย้อนกลับไป
“โครม…”
จิตสังหารประหนึ่งความตายยังไม่ถึงตรงหน้ากู้ชูหน่วนก็ถูกสลายไปอย่างง่ายดาย
มีเสียงทุ้มต่ำที่เอื่อยเฉื่อยและไม่อาจล่วงเกินได้ค่อยๆ ดังขึ้นจากที่ไม่ไกล
“ใครกล้าฆ่าว่าที่ชายาของข้า?”
เมื่อทุกคนเงยหน้าขึ้น ก็เห็นชิงเฟิงกับเจี่ยงเสวียเข็นรถเข็นคันหนึ่งเข้ามาช้าๆ
บุรุษบนรถเข็นสวมหน้ากากผี มองหน้าตาโดยละเอียดไม่ออก เผยแต่ริมฝีปากบางที่ปิดเบาๆ ริมฝีปากบางนั้นเหน็บความเย็นชา เฉกเช่นเดียวกับดวงเนตรที่โผล่ให้เห็น แหลมคม อำมหิต ดุจหลุมไร้ก้น ให้คนคาดเดาไม่ออกว่าเป็นบุรุษเช่นไร
รูปร่างเขาดีมาก สวมชุดหรูหราผ้าไหมสีม่วงอ่อน เข็มขัดหยกที่ระหว่างเอวก็ทำให้รูปร่างสมบูรณ์แบบของเขาเด่นออกมาแค่นั่งอยู่ตรงนั้น กลิ่นอายเหยียดก็แผ่ซ่านออกมาจากตัวแล้ว ทำให้คนไม่อาจมองข้าม
ราวกับเดิมเขาก็ยืนอยู่จุดสูงสุดของโลกา สูงส่งจนทำให้คนมิอาจเอื้อมถึง
“เทพสงครามเย่จิ่งหาน” หัวหน้ากองธงกล้วยไม้เอ่ยคำนี้ออกมาช้าๆ รู้สึกคาดไม่ถึงกับการมาของเขาเล็กน้อย
เย่เฟิงถอนหายใจยาว แล้วถึงตกใจเมื่อรู้สึกว่าเสื้อผ้าที่หลังของตัวเองชื้นหมดแล้ว
เทพสงครามมาแล้ว
กู้ชูหน่วนกับฮองเฮาฉู่ก็ปลอดภัยแล้ว
ดีจริง…
ฮองเฮาฉู่ก็โล่งอกนิดๆ เหมือนกัน ครั้นก้มหน้ามองถึงพบว่าฝ่ามือตนผุดเหงื่อกาฬออกมาชุ่มไปหมด
เย่จิ่งหานหมุนแหวนหยกขาวที่มืออย่างเอื่อยเฉื่อย แม้แต่มองก็ไม่มองหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ตรงๆ สักครั้ง เพียงแต่พูดมาประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แบบเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“ได้ยินว่า มีคนจะฆ่าว่าที่ชายาของข้าหรือ?”
“ที่แท้นางก็เป็นว่าที่ชายาเจ้า มิน่าล่ะถึงกล้าเช่นนี้ เทพสงคราม ว่าที่ชายาเจ้าพาคนมาบุกเขาสูบวิญญาณของข้า สังหารคนในเผ่าข้า แล้วยังลักพาตัวทาสบำเรอของข้าไปอีก เรื่องนี้…เจ้าจะว่าอย่างไร?”
“อาหน่วนของข้าขี้กลัวอ่อนแอ หัวหน้ากองธงกล้วยไม้พาสี่ผู้พิทักษ์วชิระมาอย่างดุดัน ทำจนว่าที่ชายาข้าตกใจหมดแล้ว เรื่องนี้เล่า จะว่าอย่างไร?”
ริมฝีปากฝูกวงกระตุก
นายหญิงกู้ขี้กลัวอ่อนแอ? ถูกทำให้ตกใจ?
นี่เขาใช้ตาข้างไหนดูกัน?
กู้ชูหน่วนอดหัวเราะเป็นไม่ได้
น้ำเสียงชั่วร้ายนี้ ได้เค้ามาจากความสามารถแฝงนางสองสามส่วน
แต่ ‘อาหน่วน’…จะเรียกสนิทสนมเกินไปหรือเปล่า?
“คิดไม่ถึงว่าเทพสงครามที่ระบือทั่วแผ่นดิน ที่แท้ก็เป็นคนปกป้องพวกตัวเองเช่นนี้”
“ชายาข้า ข้าไม่ปกป้อง หรือจะให้ปกป้องเจ้า?” เย่จิ่งหานมอบสายตาปัญญาอ่อนให้เขาทีหนึ่ง
คำพูดเดียวทำสถานการณ์ที่เพิ่งจะดีต้องตึงเครียดอีกครั้ง
เพียงแต่ครั้งนี้ หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ต้องคำนึงมากขึ้นอีกหน่อย
เทพสงครามเย่จิ่งหานเป็นยอดฝีมือชั้นยอดระดับหก ลำลือว่าเขาย่างเข้าระดับเจ็ดไปกึ่งหนึ่งแล้ว ขอเพียงเขาอยาก ก็บรรลุทำได้ทุกเมื่อ
และระดับเจ็ด…ก็เป็นระดับสูงสุดของทางสายยุทธ์
แม้สองขาเขาจะพิการ แต่วรยุทธ์ก็มิอาจมองข้าม
กอปรกับชิงเฟิงและเจี่ยงเสวียที่อยู่ข้างกายเขา ก็เป็นถึงยอดฝีมือระดับสี่
แล้วยัง…ฝูกวง
องครักษ์ลับข้างกายเจ้าสำนักอสุราบ้านั่น!
สถานการณ์ในตอนนี้ หากสู้กันขึ้นมาพวกเขาก็ไม่แน่ว่าจะได้เปรียบ