อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 23 แสร้งเป็นหมู เพื่อหลอกกินเสือ นางถนัดเลยล่ะ
- Home
- อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม
- บทที่ 23 แสร้งเป็นหมู เพื่อหลอกกินเสือ นางถนัดเลยล่ะ
“แต่ว่า……”
“ข้าคิดว่าคุณหนูห้ากู้พูดมีเหตุผล การเดิมพันนี้ ข้าชนะแน่นอน มีอะไรต้องกลัวกัน”
ว่าแล้ว นางก็ถือพู่กันขึ้นมาเขียนชื่อตัวเองลงไป
กู้ชูหลันกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะกลับคำ ก็เลยเร่งให้นางเขียนชื่อลงไป กู้ชูหน่วนจ้องพู่กันที่นางยื่นมาอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจประทับลายนิ้วมือของตัวเองลงไป
ทุกคนหัวเราะกันอีกครั้ง
“แค่ชื่อตัวเองยังเขียนไม่เป็นเลย ยังอยากเข้ารอบสุดท้ายอีก ฝันลมๆแล้งๆไปได้”
“นี่ ถ้าต้องตกอยู่ในมือองค์หญิงตังตัง ยอมตายยังจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องถูกทรมาน”
หลิวเยว่และคนอื่นๆพูดโน้มน้าว แต่พูดยังไงนางก็ไม่ฟังเลย พวกนางจึงได้แต่เป็นห่วง วันนี้พี่ใหญ่ของพวกเขาเซียวหยู่เซวียนไม่รู้ว่าทำไม ตอนนี้ถึงยังมาไม่ถึง
ทุกคนต่างก็คิดว่ากู้ชูหน่วนต้องแพ้เป็นแน่ มีเพียงกู้ชูหยุนที่รู้สึกสงสัย
นางก็ไม่ได้พูดเตือนองค์หญิงตังตังจริงๆ แค่พูดไปตามมารยาท
องค์หญิงตังตังยิ้มอย่างได้ใจ “ถ้าเจ้าแพ้ ข้าจะให้เจ้าตบหน้าตัวเองหน้าราชวิทยาลัยห้าร้อยครั้ง ข้าจะขังเจ้าไว้ในสนามประลองสัตว์ร้าย ให้เจ้าถูกสัตว์ร้ายพุ่งชน ข้าจะยัง……”
“องค์หญิง รอเจ้าชนะก่อนค่อยพูดอวดได้ไหม? ถ้าเจ้าแพ้ ระวังจะอับอายขายขี้หน้าล่ะ”
“ข้าจะแพ้ได้ยังไง”
“เด็กดี เรียกอาสะใภ้ให้ฟังหน่อยสิ ข้าอาจจะไม่เอาเงินของเจ้าก็ได้นะ”
องค์หญิงตังตังตะคอกเสียงดังว่า “กู้ชูหน่วน”
“ข้าอยู่นี่แล้วไง”
“เจ้า……หึ รอข้าชนะก่อนเถอะ ข้าจะทรมานเจ้าให้ดูเลย”
องค์หญิงตังตังโมโหอย่างมาก โกรธจนเดินเข้าไปในห้องเรียน
กู้ชูหลันแสยะยิ้มเย็นชา “รนหาที่เอง สมน้ำหน้า”
กู้ชูหน่วนขวางทางนางไว้ ลูบคางตัวเองแล้วพูดว่า “น้องห้าเหมือนจะไม่พอใจข้ามากเลยนะ”
ไร้สาระ นางจะพอใจได้ยังไง?
ถ้าไม่ใช่นาง นางคงไม่ต้องเสียความบริสุทธิ์ไป มือซ้ายขวาของฮูหยินเซี่ยหยู่ก็ไม่ต้องตายไป นางต้องคิดบัญชีกับกู้ชูหน่วนอีกหลายเรื่องเลยล่ะ
“เอาเป็นว่า พวกเรามาเดิมพันกันไหม”
“เดิมพันยังไง”
“เจ้าก็เป็นแค่บุตรอนุภรรยา น่าจะมีเงินไม่เท่าไหร่ งั้นก็เดิมพันสองแสนตำลึงแล้วกัน ถ้าเจ้าแพ้ ให้ข้าสองแสนตำลึง”
กู้ชูหลันแทบจะกระอักเลือดออกมา
แม้นางจะเป็นบุตรอนุภรรยา แต่ตำแหน่งในจวน เทียบกับนางที่เป็นบุตรภรรยาเอกแล้ว สูงส่งกว่าร้อยเท่าพันเท่า
แต่ทว่าสองแสนตำลึง……
ทั้งจวนเฉิงเซี่ยงรวมกันแล้ว เกรงว่าจะไม่มีเงินสองแสนตำลึงนี่สิ?
นี่อยากให้นางลำบากใจงั้นเหรอ?
หรือว่า นางรู้ว่าท่านตาเอาสมบัติทั้งหมดให้นางควบคุม ถึงได้ตั้งใจพูดสองแสนตำลึง?
กู้ชูหลันยิ่งคิดก็ยิ่งมีความเป็นไปได้ ไม่งั้นนางเป็นแค่บุตรอนุภรรยาแม้จะได้รับความโปรดปรานมากแค่ไหน จะมีเงินสองแสนตำลึงได้ยังไง
ทุกคนต่างก็คิดว่ากู้ชูหน่วนบ้าไปแล้ว
บุตรอนุภรรยาจะมีเงินสองแสนได้ยังไง อย่าว่าแต่นางเลย ไม่ว่าใครที่อยู่ตรงนี้ ก็ไม่มีเงินสองแสนเยอะขนาดนี้หรอก
กู้ชูหน่วนกะพริบตาน่าสงสาร “ไม่กล้าสู้กับข้า งั้นก็ช่างเถอะ ข้าก็ไม่อยากสู้กับคนขี้ขลาดเช่นกัน”
“เจ้าว่าใครขี้ขลาดกัน?”
“ใครไม่กล้าสู้ ก็ว่าคนนั้นไงล่ะ”
“งั้นถ้าเจ้าแพ้ล่ะ? เจ้าก็จะให้ข้าสองแสนตำลึงงั้นเหรอ?”
“ข้าไม่มีทางแพ้หรอก”
“เหอะ ถ้าเจ้าแพ้ ข้าจะตัดแขนขาสองข้างของเจ้าทิ้งเสีย”
“ได้อยู่แล้ว ปากพูดไม่มีหลักฐาน เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ด้วย เดี๋ยวเจ้าจะขี้โกงไม่ให้ข้าสองแสนตำลึง อ้อ ใช่สิ ตอนที่เขียน ก็เขียนว่าเดิมพันกับพระชายาหานด้วยล่ะ”
กู้ชูหลันมองค้อนนาง
ยังไม่ทันได้แต่งงานเลย ก็ตัวสั่นระริกอยากเป็นพระชายาหานเต็มที
ใครไม่รู้ว่าเทพสงครามโหดเหี้ยมแค่ไหน ถ้าแต่งงานไปจริงๆ นางจะมีชีวิตอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้
หลิวเยว่และคนอื่นๆก็ร้อนรนใจอย่างมาก “พี่ใหญ่ เดิมพันสองแขนสองขาของเจ้าเลยนะ พวกเราหยุดเดิมพันเถอะนะ?”
“สองแสนตำลึง ทำไมจะไม่เดิมพันเล่า?”
“นางก็แค่บุตรอนุภรรยา จะเอาเงินสองแสนตำลึงมาจากไหน? ชนะแล้ว เจ้าไม่ได้เงิน แพ้แล้ว เจ้ายังจะต้องถูกตัดแขนกับขาอีก”
กู้ชูหน่วนยิ้มร่า “น้องห้า หลิวเยว่พูดถูก ถ้าเจ้าไม่มีเงินสองแสนตำลึงล่ะ งั้น……ถ้าข้าชนะ แล้วไม่ได้เงินจะทำยังไง? ข้าว่า การเดิมพันในครั้งนี้ให้เป็นโมฆะแล้วกัน”
เมื่อกี้กู้ชูหลันยังสงสัยว่ามีกลลวง ตอนนี้เห็นนางถอยออกก่อน คิดว่านางคงจะกลัวแพ้ ในใจก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมา
นางเอาตราประทับออกมาอย่างเสียดาย แล้ววางไว้บนโต๊ะ “นี่คือของที่ท่านตาเก็บไว้ให้ข้า แค่ตราประทับนี้ ก็สามารถเป็นเจ้าของสิบกว่าล้านในชื่อของท่านตาข้า เพียงพอสำหรับสองแสนหรือยัง?”
กู้ชูหน่วนแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์
ก็รอนางพูดคำเนี่ยแหละ
“ได้ งั้นก็เขียนไว้เลย”
กู้ชูหน่วนกับกู้ชูหลันเขียนเสร็จ ทุกคนก็ยังไม่รู้ตัวเลย
“คุณพระ ข้าเห็นอะไรเนี่ย……กู้ชูหลันเป็นบุตรอนุภรรยาไม่ใช่เหรอ? นางจะมีเงินมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“ท่านตาของนางเหมือนว่าเมื่อก่อนจะเคยเป็นเศรษฐีในเมืองหมี่ ท่านตาของนางมีแค่ลูกชายและลูกสาวสองคน ลูกชายตายไปเสียก่อน แล้วจะยกมรดกให้ใครได้อีกล่ะ?”
“ทำไมพวกเราถึงไม่มีท่านตาที่ดีแบบนี้บ้างนะ”
“นี่ เสียแรงที่พวกเราเป็นถึงบุตรภรรยาเอกในบ้าน แต่เทียบกับบุตรอนุภรรยาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
กู้ชูหลันยิ้มอย่างได้ใจ “รอข้าตัดแขนขาสองข้างของเจ้าเพื่อแก้แค้นให้เซี่ยหยู่ได้เลย”
เซียวหยู่เซวียนมาถึงด้วยท่าทีที่หมดเรี่ยวแรง ดูโทรมๆไม่แจ่มใสเหมือนเมื่อก่อนเลย
หลิวเยว่และคนอื่นๆเหรอเซียวหยู่เซวียนมา พวกเขาต่างก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้กันคนละคำสองคำจนหมด
เซียวหยู่เซวียนกระตุกยิ้มมุมปาก โกรธจนเกือบหัวใจวายเฉียบพลัน
กู้ชูหน่วนเข้าไปหาเขาเหมือนรนหาที่ตาย นางยื่นมือไปแล้วพูดว่า “เสี่ยวเซวียนเซวียน วันนี้เจ้าเตรียมเงินมาเท่าไหร่เหรอ?”
“กู้ชูหน่วน เจ้าอยากรนหาที่ตายก็ไปตายไกลๆได้ไหม” เซียวหยู่เซวียนตะคอกเสียงดัง ราชวิทยาลัยอันใหญ่โตเต็มไปด้วยเสียงตะคอกอย่างโมโหของเขา
กู้ชูหน่วนเกาหูแกรกๆ
ผู้ชายที่นี่เป็นอะไรกันไปหมด เสียงดังกันหมดเลย ตะคอกจนหูนางจะดับอยู่แล้ว
“เช้าขนาดนี้ ไปกินระเบิดมาหรือไง?”
“กู้ชูหน่วน เจ้าไม่รนหาที่ตายสักวันจะตายหรือไง?”
“ข้ากำลังหาเงินให้พวกเจ้าต่างหาก”
“ช่างเถอะ ใครจะเอาเงินพวกนั้นของเจ้ากัน”
“งั้นเจ้าเอาเงินมาเท่าไหร่?”
เซียวหยู่เซวียนตะคอกอย่างโมโห “ไม่มีเงิน ไม่มีเลยสักตำลึง”
“เจ้าเป็นอะไรเล่า ทำไมถึงโกรธขนาดนี้ ใครทำเจ้าโมโหกัน?”
“เจ้ายังกล้าพูดอีก เจ้าเอาเงินของข้าไปเดิมพันให้เจ้าทั้งหมด แถมยังเอาหยกมรดกสืบทอดของตระกูลข้าไปจำนำอีก ท่านพ่อข้าเกือบฟาดข้าหลังหักแล้ว”
พอพูดถึงเรื่องนี้ เซียวหยู่เซวียนก็โมโหอย่างมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้ที่ราชวิทยาลัยมีการคัดเลือกสามอันดับแรกในอาณาจักรเพื่อเข้ารอบสุดท้าย เกรงว่าวันนี้เขาคงจะไม่ได้มาราชวิทยาลัยแล้วด้วยซ้ำ
ที่น่าโมโหกว่านั้นก็คือ อาจารย์สวียังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานกับท่านพ่อของเขาอีก ทำให้เขาโดนด่าหนักมาก ยังสั่งเขาว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปอย่าคุยกับกู้ชูหน่วนอีก
มองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของเซียวหยู่เซวียน รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ชูหน่วนก็หายไปทันที เปลี่ยนเป็นแววตาเฉียบคมที่ประกายขึ้นมาแทน
นางกวักมือ แล้วพูดเสียงเบากับหลิวเยว่ว่า “ไปสืบมาหน่อย ใครไปเอาเรื่องนี้ไปฟ้องแม่ทัพอาวุโสเซียว”
“ได้เลย ไว้ใจข้าได้”
ภายในราชวิทยาลัย กู้ชูหน่วนพอนั่งแล้วก็เริ่มง่วง