อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 230 จะสู้กับข้า ยังอ่อนไปนะ
นัยน์ตาระยับของกู้ชูหน่วนแวบความเจ้าเล่ห์
ทันใดนั้นนางก็กุมหน้าอกตัวเอง กระอักเลือดออกมาแล้วล้มนอนลงกับพื้น เอ่ยด้วยความตกใจและอ่อนแรง “ใคร…ใครช่างร้ายกาจขนาดนี้ ถึงกับวาง…วางยาพิษ…”
ซี๊ด…
ทุกคนพากันสูดลมเย็น
ทุกคนมองกู้ชูหน่วนที่นอนจมกองเลือก ดวงตาปิดสนิทอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“หมอหลวง รีบตามหมอหลวงเร็วเข้า!”
ท่ามกลางกลุ่มคนก็ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นอย่างตกใจ
องครักษ์มากมายพากันวิ่งไปตามหมอหลวง
“พระชายา ทรงเป็นอย่างไรบ้าง…”
องครักษ์หญิงนามหนึ่งจับชีพจรนางอย่างใจกล้า ใบหน้าที่หวาดกลัวเป็นทุนเดิมก็ซีดขาวไปทันที
“หัวใจ…ไม่เต้นแล้ว…หัวใจพระชายาไม่เต้นแล้ว!”
ซี๊ด…
ทุกคนต่างโคลงเคลง
หัวใจไม่เต้นก็มิใช่ว่าตายแล้วหรือ?
สวรรค์! หากพระชายาเกิดเรื่อง พวกเขาจะรายงานกับท่านอ๋องอย่างไร?
พวกเขาเฝ้าคุ้มกันแน่นหนา เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนมีโอกาสวางยาพิษกับพระชายา
“ฟิ่วๆๆ…”
เงาคนต่างจากไปทั้งทางแจ้งและทางลับ บ้างไปรายงานเย่จิ่งหาน บ้างไปตามหมอ แต่แค่ชั่วครู่เดียว องครักษ์ที่เฝ้ายามก็หายไปสองในสามส่วน
กู้ชูหน่วนใช้ยากลั้นลมหายใจ รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงโดยรอบเงียบๆ
ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ยังเหลือคนเฝ้าสองคน เฝ้าเวรหย่อนยาน
ดีมาก!
ก็ขณะที่ทุกคนกำลังแตกตื่นทำอะไรไม่ถูก กู้ชูหน่วนก็สาดผงยาพิษออกไปอีก
ผงยาพิษนี้ไม่ทำให้ตาย แต่กลับทำให้ไม่สามารถเดินเหินได้ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ
กู้ชูหน่วนย่องๆ พุ่งเข็มเงินใส่องครักษ์ลับทางทิศตะวันออกเฉียงใต้อย่างแม่นยำตรงจุด หัวเราะเอ่ย “เด็กๆ ไม่มีใครบอกพวกเจ้าหรือ ว่าอย่าเชื่อคำพูดคนแปลกหน้า?”
พริบตาเดียว กู้ชูหน่วนก็จากไปไกลแล้ว เหล่าองครักษ์และองครักษ์ลับในจวนอ๋องพยายามไล่ตามสุดชีวิต แต่กลับถูกฝูกวงขวางไว้
อยู่นาน กู้ชูหน่วนถึงหยุด แล้วหัวเราะอย่างไม่ยอมให้
นิดหน่อยเอง คิดจะล้อมนาง ไปฝึกอีกสองสามปีเถอะ!
“นายหญิงกู้” ฝูกวงเร่งตามมา บนหน้าเด็กกระจุ๋มกระจิ๋มมีเหงื่อร้อน
“ทำไมนานขนาดนี้?”
“ลูกน้องเทพสงครามมีเรื่องขอรับ ใช้เวลาหน่อยถึงหนีออกมาได้” หากมิใช่มียอดฝีมือฐานะไม่แน่ชัดอีกกลุ่มออกมาขวางพวกเขา เกรงว่าเขาคงหนีออกมาไม่ได้แล้ว
ฝูกวงแปลกๆ
เมื่อครู่จู่ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งปรากฎตัวขึ้น แล้วทำไมแต่ละคนถึงมีวรยุทธ์แกร่งกล้าเช่นนี้? ทั้งยังลงมือแบบไม่ยั้ง แต่ละกระบวนท่าล้วนเป็นท่าพิฆาตที่เอาถึงตาย
“นายหญิงกู้ เหมือนว่าลูกน้องของเทพสงครามจะเจอเรื่องยุ่งหน่อยนะขอรับ อย่างกับมีอริมาหาพวกเขา”
“ลูกน้องของเย่จิ่งหานสู้คนพวกนั้นได้ไหม?”
“ทั้งสองฝ่ายต่างมีวรยุทธ์สูงมาก แต่อยู่ในถิ่นของเทพสงคราม ลูกน้องของเขาไม่เพลี่ยงพล้ำมากนักหรอกขอรับ”
“ในเมื่อไม่เพลี่ยงพล้ำมาก เช่นนั้นก็ช่างเถอะ ไปเขาสูบวิญญาณก่อน ดูสิว่าช่วยยายเย่ออกมาได้แล้วหรือยัง”
“ขอรับ”
ณ ห้องส่วนตัวในโรงเตี๊ยมนอกเมือง
เย่จิ่งหานนั่งอยู่บนรถเข็น มองแผนที่ตรงหน้า ด้านข้างมีชายชุดเขียวทำเสียงแจ๊บๆ อยู่
“เพื่อผู้หญิงคนเดียว ความอดทนสิบกว่าปีของท่าน จะละทิ้งแล้วจริงหรือ?”
บุรุษชุดเขียวอายุอานามไม่มาก หน้าตาคมสันถึงที่สุด อย่างมากก็แค่ยี่สิบต้นๆ แต่งกายหรูหราไม่เป็นสอง บุคลิกเหนือคน ทุกอากัปกิริยาล้วนสูงศักดิ์ ทำให้คนมิอาจมองต่ำ
เขากำลังยิ้ม รอยยิ้มเจือความกังวลนิดๆ
เย่จิ่งหานถอนสายตา เอ่ยเรียบ “ข้าย่อมรู้จักพอดี”
“พอดี? พอดีอะไร? ท่านส่งทหารไปบุกหน่วยย่อยกองธงกล้วยไม้ ก็เท่ากับเป็นอริกับจอมมารอย่างเปิดเผย อย่าลืมสิ ศัตรูท่านยังจ้องเล่นงานอยู่”