อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 234 สู้ไม่ได้ ข้าค่อยสู้แทนเจ้า
บทที่ 234 สู้ไม่ได้ ข้าค่อยสู้แทนเจ้า
เย่จิ่งหานหมุนขลุ่ยที่อยู่ในมือเล่นด้วยท่าทีเกียจคร้าน ริมฝีปากบางเอ่ยขึ้นประโยคหนึ่งว่า
“ก็แค่เขาสูญวิญญาณ ข้าอยากจะโจมตีก็โจมตี ยังต้องผ่านความเห็นชอบจากเจ้าด้วยหรือ”
อวดดี
อวดดีเกินไปแล้ว
เย่จิ่งหานวรยุทธสูงส่ง พลังแกร่งกล้า
วรยุทธของจอมมารก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าเขา พลังก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขาเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนของเผ่าเทียนเฟิ่นที่คอยจับตาดูอยู่ทั้งคน
คำพูดนี้ของเย่จิ่งหาน เป็นการหักหน้าของจอมมารอย่างไม่ต้องสงสัย
หรือบางทีอาจจะพูดได้ว่า ในขณะที่เขาได้ส่งทหารไปโจมตีเขาสูบวิญญาณนั้น ก็เท่ากับได้ท้าทายอำนาจของจอมมาร ไม่ไว้หน้าเขาอีกต่อไป
จอมมารยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ดวงตาสีฟ้าอ่อนนั้นมีความเย้ายวนที่น่าหวาดกลัวสายหนึ่งแฝงอยู่
ชายหนุ่มชุดขาวยืนนิ่งอยู่ใต้แสงจันทร์ ลมเย็นพัดชายเสื้อของเขาปลิวสะบัด ราวกับจะกลายร่างเป็นเซียนได้ตลอดเวลา
ใต้หน้ากากผีเสื้อ นัยน์ตาสีดำมีแววขบขันแฝงอยู่ ราวกับกำลังรอดูละครฉากเด็ด
แต่คำพูดต่อมาของจอมมาร ทำให้ชายชุดขาวรู้สึกสับสนในใจเล็กน้อย
“พวกเจ้าสองคนสู้กันเถอะ สู้ไม่ไหว ข้าค่อยสู้แทนเจ้า”
ทุกคน “……”
นี่เป็นคำพูดที่จอมมารควรจะพูดหรือ
ถ้าหากไม่รู้ถึงพลังความสามารถของเขา ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์คงจะคิดว่าเขาเป็นเพียงคนที่มีชื่อเสียงด้วยวิธีการไม่ชอบและยังเป็นคนรักตัวกลัวตายอีกด้วย
ชายชุดขาวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ใช้น้ำเสียงที่ยากจะคาดเดาความคิดได้ “ท่านจอมมารช่างใจกว้างจริงๆ ถูกเหยียดหยามขนาดนี้ยังสามารถทำใจให้เยือกเย็นได้ ข้ารู้สึกนับถือ”
“พูดดีพูดดี”จอมมารยิ้มอย่างมีเสน่ห์ หยิบเอาดอกลำโพงที่สีสันสวยงามออกมาจากอก สูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้อย่างหลงใหล
เริ่มการต่อสู้
เวินเส้าหยีใช้กระบวนท่าแช่แข็งหมื่นลี้ สายน้ำจากทั่วทุกทิศไหลมารวมกันกลายเป็นมังกรตัวใหญ่มหึมา มังกรตัวใหญ่บินวนอยู่กลางอากาศหลายรอบ จากนั้นก็ดิ่งตัวพุ่งไปยังเย่จิ่งหานด้วยไอสังหารที่คุกรุ่น ปากยังพ่นละอองน้ำที่คล้ายราวกับแท่งน้ำแข็งแหลมคมออกมา
เสียงคำรามแจ่มใสของมังกรดังก้องไปทั่วทั้งภูเขา แม้จะอยู่ห่างออกไปไกลมาก็ยังสามารถมองเห็นสิ่งมหึมานั้นได้ การกดดันจากพลังที่แข็งแกร่ง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเขาสูบวิญญาณต่างก็ขาสั่นเทาขึ้นมา
ยอดฝีมือ เป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน
แค่เพียงยกมือขึ้นเท่านั้น ก็ทำให้รู้สึกราวกับตกลงไปอยู่ในนรกน้ำแข็งก็ไม่ปาน ราวกับมังกรตัวมหึมานั้นได้กำหนดชะตาชีวิตของพวกเขาไว้แล้ว
เย่จิ่งหานหัวเราะเสียงเย็น ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด หมุนขลุ่ยหยกในมืออย่างสบายใจ ค่อยๆเป่าบรรเลงขึ้นมา
เสียงขลุ่ยดังขึ้น ใบไผ่ในป่าไผ่ราวกับมีดวงตาเกิดขึ้นมา ปลิดปลิวออกจากกิ่งก้านอย่างบ้าคลั่ง รวมตัวกันกลายเป็นหงส์ตัวหนึ่งที่กางปีกบินอยู่
ขนาดของหงส์ไม่ได้ด้อยไปกว่ามังกรน้ำเลย หงส์สยายปีตัวหนึ่งโผเข้าหามังกรตัวใหญ่มหึมา
“ปัง……”
มังกรน้ำกับหงส์ไผ่ปะทะกัน แผ่นดินสั่นสะเทือน คลื่นลมพัดอย่างรุนแรง ตามติดจากการที่พวกมันโรมรันฆ่าฟันกันไม่หยุด บนพื้นดินแตกเป็นหลุมลึกหลุมแล้วหลุมเล่า
องครักษ์ลับที่อยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกลนัก ต่างก็กลายเป็นเนื้อสับละเอียด แม้แต่ร่างของศพก็ไม่เหลือ
เหล่าองครักษ์ลับถอยแล้วถอยอีก มองดูมหาสงครามอย่างรู้สึกหวาดกลัว
มีเพียงจอมมารที่ไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่ก้าวเดียว
เขาใกล้กับสนามสู้รบมาก แต่คลื่นพลังที่ล้นออกมาไม่สามารถทำร้ายเขาได้แม้แต่ชายเสื้อ
จอมมองกวาดตามองไปยังมังกรและหงส์ที่ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายกลางอากาศแวบหนึ่ง เล่นกับดอกลำโพงที่ถืออยู่ในมืออย่างเบื่อหน่าย
“สู้กันเร็วหน่อย ข้ายังต้องไปตามหาพี่สาวนะ”
“……”
เหล่าองครักษ์ลับต่างก็จ้องมองจอมมารอย่างระแวง เกรงว่าจอมมารจะหันหน้าไปช่วยหัวหน้าเผ่าเทียนเฟิ่น
แล้วมองไปยังสงครามกลางอากาศ พวกเขาต่างก็รู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง
วรยุทธของท่านจอมมาร ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่งเลย ถ้าหากเขาหาเรื่องขึ้นมาจริงๆ พวกเขาจะต้านทานไหวหรือ
“ปัง……”
มังกรน้ำกับหงส์ไผ่ปะทะกันอีกครั้ง หลังจากการปะทะครั้งนี้ มังกรน้ำสลายตัวเป็นน้ำ หายไปอย่างไร้ตัวตน
ใบไผ่ก็ราวกับเทพธิดาโปรยปรายดอกไม้ สลายตัวหล่นลงมา
จากนั้น คลื่นสงครามลูกใหม่ก็เกิดขึ้นมาอีก
น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง น้ำแข็งกลายเป็นแท่งแหลม เกิดขึ้นเต็มท้องฟ้า ยิงตรงไปยังเย่จิ่งหานรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
ในขณะที่น้ำแข็งแท่งแหลมเหล่านั้นยังไปไม่ถึงตรงหน้าเย่จิ่งหาน ขณะเดียวกันใบไผ่ที่คลายตัวเป็นธรรมชาติกลับกลายเป็นใบมีดแหลมคม พุ่งตรงไปยังเวินเส้าหยีเช่นกัน
“ปัง……”
แท่งน้ำแข็งแหลมกับใบไผ่ปะทะกันอีกครั้ง เกิดเสียงโครมครามจากการโจมตีกันไปมาไม่หยุด