อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 249 กู้ชูหน่วนโกรธมาก
กู้ชูหน่วนตกตะลึง
ฝูกวงก็ตกตะลึง
พวกเขาอยากจะลงมือ แต่เจียงซวี่อยู่ใกล้เย่เฟิงมาก แม้พวกเขาจะเร็วแค่ไหนก็ไม่ทันอยู่ดี
ขณะที่สถานการณ์ล่อแหลม ท่านยายเย่ที่ยืนอยู่ข้างเย่เฟิงราวกับรับรู้ได้ถึงไอสังหาร ใช้ร่างดันเย่เฟิงออกไปอย่างแรง
“ฟุ่บ……”
เย่เฟิงไม่ทันระวังถูกผลักล้มลงไปที่พื้น เจียงซวี่ที่สะท้อนอยู่ในม่านตาเขาเผยให้เห็นความดุร้าย มีดเล่มหนึ่งแทงลงไปที่หัวใจของท่านยายเย่อย่างแรง เลือดสาดกระจาย เปื้อนร่างของเขา ทำให้ดวงตาของเขาถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉาน
เงียบ……
ราวกับโลกทั้งใบเงียบลง
เงียบจนได้ยินแต่เสียงเต้นของหัวใจตนเองเท่านั้น
ตรงหน้า กู้ชูหน่วนชักดาบที่ฝูกวงพกเอาไว้อย่างแรง ตัดฉับลงไปที่แขนของเจียงซวี่จนขาด เลือดสดๆไหลสาดกระจายอีกครั้ง เสียงร้องโหยหวนของเจียงซวี่ดังก้องไปทั่วทั้งป่า เหล่าองครักษ์ลับของเย่จิ่งหานก็ถูกทำให้ตื่นตกใจไปด้วย ต่างก็ล้อมกันเข้ามา
เย่เฟิงราวกับยังไม่รู้สึกตัว ตรงหน้าเขามีเพียงท่านยายเย่ที่นอนจมกองเลือดอยู่
ไม่
เป็นไปไม่ได้
เย่เฟิงลุกขึ้นอย่างสั่นเทา ประคองท่านยายเย่ที่เหลือเพียงลมหายใจเฮือกเดียว ในใจเกิดความรู้สึกกลัวและสับสนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ท่านยาย……ท่านยาย ……ท่านอย่าทำให้เฟิงเอ๋อตกใจ แม่นางกู้ วิชาแพทย์ของเจ้ายอดเยี่ยมมากมิใช่หรือ เจ้ารีบช่วยท่านยายข้าที”
เดิมทีกู้ชูหน่วนคิดจะฆ่าเจียงซวี่ในดาบเดียว ได้ยินคำพูดของเย่เฟิง ก็รีบเข้าไปสำรวจบาดแผลของท่านยายเย่ทันที
ดวงตาของนางเจ็บปวด “แทงเข้ากลางหัวใจ เป็นบาดแผลที่ถึงแก่ชีวิต แม้แต่เทพเทวดาก็ยากจะช่วยได้”
เย่เฟิงร่างสั่นไปหลายครั้ง สีหน้าซีดลงในพริบตา
“ไม่…… เป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้อย่างไร…… ข้าผ่านเรื่องราวมาตั้งมากมาย ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ไปยังดินแดนบริสุทธิ์ไร้สิ่งกวนใจอย่างสำนักอสุรา ทำไมจึง……ท่านยาย ท่านอดทนไว้ เฟิงเอ๋อจะพาท่านไปหาหมอ ”
ท่านยายเย่กุมมือที่สั่นเทาและเย็นเยียบของเย่เฟิงเอาไว้แน่น ดวงตาของนางถูกควักออกไป มองไม่เห็นเย่เฟิง แต่นางก็ยังคงจ้องเขานิ่งๆ เอ่ยอย่างอ่อนแรงว่า
“ยังดี ยังดีที่เจ้าไม่เป็นไร……”
“ท่านยาย……”
เย่เฟิงโทษตัวเองเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเขาประมาทมากเกินไป เขาไม่ควรเชื่อเจียงซวี่ง่ายๆ ถ้าหากเขาไม่เชื่อเจียงซวี่ ท่านยายคงไม่ต้องรับคมมีดแทนเขา
“ข้าจะแบกท่านไปหาหมอ แม่นางกู้ช่วยท่านไม่ได้ ต้องมีคนอื่นที่สามารถช่วยได้แน่”
“เฟิง……เฟิงเอ๋อ ไม่ต้องแล้ว ยายเป็นแค่ตัวภาระ ควรตายไปตั้งนานแล้ว หลายปีมานี้ เป็นข้าที่ทำเจ้าให้เจ้าเดือดร้อนตลอดมา”
ท่านยายเย่ยื่นมือออกมาอย่างสั่นเทา ลูบใบหน้าหล่อเหลาแต่ซีดขาวของเย่เฟิง “ยายตายไปก็ไม่เสียดาย เพียงแต่……เกรงว่าเจ้าใจดีเกินไป จะถูกคนอื่นรังแกได้”
ดวงตาของเย่เฟิงมีน้ำตาคลอเบ้า ราวกับลูกที่ถูกทอดทิ้ง ไร้ที่พึ่ง สับสน หวาดกลัว
ในใจเขารู้ดีกว่าใคร มีดเล่มนั้นปักเข้าตรงกลางใจ ไม่มีทางช่วยได้แล้ว
โดยเฉพาะกู้ชูหน่วนเองก็ไร้หนทางที่จะช่วย หมอคนอื่นยิ่งไม่สามารถรักษาได้ เขาเพียงแต่ดื้อรั้นไม่อยากจะยอมรับความจริง
“กู้……แม่นางกู้ ข้าขอร้องท่านได้หรือไม่ เย่เฟิงลำบากมามากแล้ว ข้ากลัว……ข้ากลัวว่าหลังจากข้าจากไปแล้ว เขาจะโดดเดี่ยวและลำบากเพียงลำพัง”
“ท่านวางใจเถอะ เขาเป็นเพื่อนข้า ข้าจะดูแลเขาอย่างดี”
“ขอบ……ขอบคุณ”
ท่านยายเย่มองเย่เฟิงอย่างอาลัยรัก ราวกับมีคำพูดอีกมากมายที่อยากจะพูด กลับได้แต่เปลี่ยนมันเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาเท่านั้น
“ตุบ……”
มือนางที่จับใบหน้าของเย่เฟิงเลื่อนลงอย่างไร้เรี่ยวแรง หัวใจหยุดเต้นไปในชั่วขณะนี้เอง
เย่เฟิงมองดูท่านยายเย่ที่ตายอย่างน่าอนาถอยู่ตรงหน้าเขาอย่างตื่นกลัว เวลาผ่านไปนานมากก็ยังไม่กล้ายอมรับ
น้ำตา ไหลทะลักออกมา เย่เฟิงกอดร่างไร้วิญญาณของท่านยายเย่ไว้แน่น ร้องไห้เสียงต่ำ
กู้ชูหน่วนอยากจะปลอบใจเขา แต่ไม่รู้จะปลอบอย่างไร
สำหรับเย่เฟิงแล้ว ท่านยายเย่เป็นชีวิตของเขา กระทั่งสำคัญกว่าชีวิตของเขาด้วยซ้ำไป
แต่ตอนนี้ ท่านยายเย่ต้องมาตายอย่างอนาถเพราะรับคมมีดแทนเขาอีก เกรงว่าจะเป็นภาระในหัวใจของเย่เฟิงตลอดชีวิต
มือข้างหนึ่งของเจียงซวี่ถูกตัดขาด มือหนึ่งก็ถูกองครักษ์ลับไพล่ไว้ด้านหลัง เคลื่อนไหวไม่ได้ แต่กลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับได้ระบายความแค้น”ฮ่าๆๆ ……สมน้ำหน้า นังตาบอด เจ้าควรตายตั้งนานแล้ว เย่เฟิง ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าเป็นตัวอัปมงคล ใครที่อยู่กับเจ้า ล้วนต้องซวยกันหมด วันนี้คนที่ตายคือนังบอด ครั้งหน้าคนที่ตายจะเป็น……”
“เพียะๆๆ……”
กู้ชูหน่วนใช้ทั้งมือซ้ายและมือขวา ตบหน้าเขาไปสิบกว่าที ทำเอาฟันของเจียงซวี่หลุดออกมาตั้งหลายซี่ เลือดก็ไหลออกมาพร้อมกับฟันที่ร่วงหล่น
ไม่ไกลนัก เย่จิ่งหานขมวดคิ้ว
แค่เจียงซวี่คนเดียวเท่านั้น อยากจะให้เขาตาย มีวิธีตั้งมากมาย
เขา……สงสารที่กู้ชูหน่วนตบจนมือตนเองเจ็บ
และเป็นครั้งแรกที่เห็นกู้ชูหน่วนโมโหขนาดนี้
เจียงซวี่ถุยหนึ่งเสียง ถ่มเลือดในปากออกมา ยังคงหัวเราะต่อ “แม้ข้าจะตายไป เจ้าก็อย่าคิดว่าจะมีความสุข แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าเป็นคนที่จิตใจดีที่สุด มีเมตตาที่สุดไม่ใช่หรือ ข้าจะรอดู เจ้าจะสามารถดีได้อีกนานแค่ไหน เมตตาได้อีกนานเท่าไหร่”
ฝูกวงเอ่ยอย่างโมโห”นายหญิงกู้ คนสารเลวเช่นนี้ ให้ข้าน้อยฆ่าเขาเถอะ ”
กู้ชูหน่วนยิ้มเย็น แต่สีหน้ากลับเย็นชาจนน่ากลัว ราวกับปีศาจอสุรา ทำให้รู้สึกหนาวเย็นไปจนถึงกระดูก
“แค่ฆ่าเขา อาจเป็นการดูถูกเขาเกินไป แม้จะใช้การลงทัณฑ์ที่โหดเหี้ยมที่สุดในโลก กับร่างกายของเขา ก็ยังเบาเกินไป”
ดาบยาวในมือชูขึ้น กู้ชูหน่วนฟันฉับลงมา เสียงร้องโหยหวนของเจียงซวี่ ร่างกายล้มลงอย่างเจ็บปวด ดิ้นรนไม่หยุด
เลือดนั้นราวกับหาช่องระบายได้ พุ่งทะลักออกมา
“คนต่ำช้า แม้เจ้าจะฆ่าข้า ก็ไม่สามารถลบสถานะที่เย่เฟิงเป็นทาสบำเรอไม่ได้ เขาเป็นคนชั้นต่ำที่สุด เป็น……ฟู่……”
ขาขวาของเจียงซวี่ถูกพลังฝ่ามือตัดจนขาด เจ็บปวดจนเขาต้องสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง แค้นใจจนอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย
คนที่ลงมือครั้งนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเทพสงคราม
เย่จิ่งหานพูดเสียงเย็นว่า “อาศัยแค่คำพูดเจ้าเมื่อครู่ แม้จะตัดแขนขาทั้งสี่ของเจ้า ก็ยังเบาไป”
ที่ไม่ได้ฆ่าเขา เพียงเพราะว่าผู้หญิงของเขายังไม่ได้ระบายอารมณ์
ที่ลงมือตัดขาข้างหนึ่งของเขา ก็เพราะเจียงซวี่ไม่สมควรจะด่าผู้หญิงของเขา
“ต่ำช้า ไร้ยางอาย ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเจ้า ข้าจะถูกเหยียดหยามเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าขอสาปแช่งพวกเจ้า……อ๊า ……”
เจียงซวี่ยังไม่ทันพูดจนจบ กู้ชูหน่วนก็ฟันดาบลงไป ฟันฉับลงไปที่ขาอีกข้างจนขาด
“เจ้าพูดจาไร้สาระมากเกินไปแล้ว ถ้าหากเจ้าขออภัยต่อเย่เฟิงดีๆ บางทีข้าอาจจะให้เจ้าตายอย่างสบายอยู่บ้าง”
“เจ้าเพ้อเจ้อ ไม่ว่าจะชาตินี้ ชาติหน้าของข้า ทุกชาติทุกภพล้วนไม่มีทางที่จะขออภัยต่อทาสบำเรอชั้นต่ำคนนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้”
“จริงหรือ เช่นนั้นก็ต้องขออภัยด้วยอย่างสูง แม้เจ้าจะถูกตัดแขนขาทั้งสี่แล้ว ข้าก็จะใช้ยายื้อชีวิตของเจ้าเอาไว้ จากนั้นก็จะทำการสับยังแขนขาที่ถูกตัดขาดของเจ้า วันละสี่ครั้ง ให้เจ้าได้ลิ้มรสดูว่า อะไรที่เรียกว่าอยู่ไม่สู้ตาย ”
“เจ้าคนต่ำช้า……”
“ข้าต่ำช้าหรือ ข้าต่ำช้ากว่าเจ้าหรือ เจ้าปฏิบัติต่อเย่เฟิงอย่างไร แล้วเย่เฟิงปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไรบ้าง เขารังแกได้ง่าย แต่ข้ากู้ชูหน่วนไม่ได้รังแกกันง่ายๆเช่นนั้น”
“ฉับ……”เสียงหนึ่งดังขึ้น กู้ชูหน่วนห้ามความเดือดดาลในใจไว้ไม่อยู่ ฟันไปที่เอวของเขาโดยตรง
“อ๊า……”
เจียงซวี่ร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดจะเป็นจะตาย
แขนขาทั้งสี่ถูกฟันขาดไปแล้วก็ช่างเถอะ ตอนนี้ยังถูกฟันเอวจนขาด ที่เจ็บปวดที่สุดคือ การฟันเอวไม่ทำให้ตายทันที แต่จะทำให้เจ็บปวดจนตาย
ความรู้สึกที่มองดูเลือดสดๆขอตัวเองไหลออกมาจนหมด อยากตายก็ตายไม่ได้ อยากสลบก็สลบไม่ได้ ทรมานกว่าการแล่เนื้อเถือหนังเป็นพันเป็นหมื่นเท่า