อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 281 เงินที่โกงมา ข้าไม่เสียดายหรอก
บทที่281 เงินที่โกงมา ข้าไม่เสียดายหรอก
กู้ชูหน่วนหรี่ตาลงเล็กน้อย มองดูปรมาจารย์เฟิง
ตาแก่นี่มาจากไหนกัน มาแย่งสารานุกรมหลอมยากับนางทำไมกันนะ?
นางชูป้ายแล้วพูดว่า “แปดสิบล้านตำลึง”
“แปดสิบห้าล้านตำลึง”
“เก้าสิบล้านตำลึง”
พึ่บ……
ทุกคนตะลึงกันไปหมด
กับอีแค่สารานุกรมหลอมยามีราคาถึงเก้าสิบล้านตำลึงเชียวเหรอ……
ราคานี้แพงมากเลยนะ ถึงแม้จะเป็นชนชั้นสูงคนในราชวงศ์ ก็ยากที่จะจ่ายราคานี้ได้
ปรมาจารย์เฟิงยิ้มอย่างมีเมตตา ลูบเคราสีขาวของตัวเอง “แม่หนูรู้การหลอมยาเหรอ?”
“ไม่รู้”
“งั้นเจ้ามีคนรู้จักที่หลอมยาเป็นเหรอ?”
“ไม่มี”
“งั้นเช่นนี้แล้ว แม่หนูอยากประมูลเอาสารานุกรมหลอมยาไปให้คนอื่นเหรอ?”
“ก็ไม่ใช่ ข้าเห็นสารานุกรมหนังแกะนั่นสวยดี อยากประมูลมา ตอนมีอารมณ์ก็เอามาหนุนเป็นหมอนนอน”
เฮือก……
ทุกคนในงานต่างซุบซิบกันขึ้นมา
ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วหรือไง?
เอาสารานุกรมหลอมยาไปทำเป็นหมอน?
นั่นมันราคาเก้าสิบล้านตำลึงเชียวนะ
และใครไม่เอาสารานุกรมหลอมยาเป็นของมีค่าบ้าง?
ถึงจะเป็นปรมาจารย์เฟิง ก็ยังแปลกใจกับคำตอบนี้ของกู้ชูหน่วน
“แม่หนู หากเจ้าชอบม้วนหนังแกะโบราณแบบนี้ ข้ายังมีอีกมาก แม่หนูยอมเสียสละเล่มนี้ให้ข้าเป็นยังไงเล่า ข้าเอาม้วนหนังแกะโบราณให้เจ้าสักสองสามเล่มก็ได้ แถมยาชะไขกระดูกให้เจ้าอีกสองเม็ด”
ทุกคนตาสว่างกันหมด โดยเฉพาะองค์หญิงกับพวกกู้ชูหยุน
ม้วนหนังแกะโบราณหนังแกะที่ปรมาจารย์เฟิงให้ เป็นของธรรมดาที่ไหนกัน? จะต้องเป็นม้วนโบราณที่มีอายุมานานแน่นอน
และแถมยาชะไขกระดูกให้อีกสองเม็ด ยาชะไขกระดูกไม่ได้หาซื้อง่ายๆนะ มีเงินก็ซื้อไม่ได้ง่ายๆด้วย ยาตัวนี้ก็หลอมออกมายากมากอีกด้วย
ผู้หญิงคนนี้จะโชคดีไปถึงไหนกันนะ ถึงได้ยาชะไขกระดูกกับม้วนหนังแกะโบราณของปรมาจารย์เฟิง
ถ้านางไม่ตกลง ก็คือโง่มากเลยนะ
พวกนางอิจฉากู้ชูหน่วน ทุกคนต่างก็อิจฉานาง แต่นางกลับพูดอย่างไม่สนใจว่า “ยาชะไขกระดูกอะไรกัน ข้าไม่เอาหรอกนะ อีกอย่าง……ข้าชอบม้วนหนังแกะโบราณนั้น ม้วนหนังแกะโบราณอื่นจะสวยแค่ไหน ข้าก็ไม่ชอบหรอกนะ เพราะข้าชอบแค่ชะตาสิ่งที่เห็นครั้งแรก”
“……”
ทุกคนเงียบงัน แต่ละคนมองกู้ชูหน่วนด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่านางเป็นคนโง่กันหมด
คนบ้า
เงื่อนไขดีๆเยอะขนาดนี้ก็ไม่เอา กลับไปแย่งสารานุกรมหลอมยาที่นางก็ทำไม่เป็น
ปรมาจารย์เฟิงไม่มีอาการสีหน้าใดๆมากนักบนใบหน้า แค่เพิ่มราคาต่อไป “เก้าพันห้าสิบล้านตำลึง”
“หนึ่งร้อยล้านตำลึง”
“หนึ่งร้อยห้าล้านตำลึง”
“หนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึง”
เฮือก……
งานการประมูลฮือฮากันอีกครั้ง
ถึงแม้งานประมูลเฟิงเซียงนี้จะเปิดอยู่ในพระนครอยู่นาน แต่ตั้งแต่เปิดมาจนถึงตอนนี้ น้อยครั้งที่จะประมูลไปถึงราคาสูงถึงหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึง
นี่……
นี่มันชักจะน่ากลัวเกินไปแล้ว
องค์หญิงตังตังมองตาโต
ผู้หญิงคนนี้ นางแน่ใจนะว่าไม่ได้พูดราคาผิด?
หนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึง……
นางไม่ไปแย่งมาเลยล่ะ?
ริมฝีปากอ๋องเจ๋อกระตุก คิดไม่ออกจริงๆว่า นางจะไปหาเงินมากมายพวกนี้มาจากไหน?
มือที่ถือแก้วชาของซ่างกวนฉู่กระตุก สายตาประกายไปด้วยความตะลึง แต่ไม่นานก็หายไป
อี้เฉินเฟยเกือบพุ่งน้ำออกมา
เจ้าตัวเล็กคนนี้ ถึงแม้สารานุกรมหลอมยาจะสำคัญมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ถึงกับต้องประมูลในราคาหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึง?
นางรู้ว่าเขาจะจ่ายเงินให้นาง ดังนั้นถึงได้เพิ่มราคาเรื่อยๆแบบนี้เหรอ?
“ท่านอี้ พวกเรา……จะจ่ายเงินให้นางอีกไหม?” คนรับใช้ของอี้เฉินเฟยอดไม่ได้ตัวสั่นเทา ตอนที่พูดก็ฟันกระทบกัน
นิ้วมือเรียวยาวของอี้เฉินเฟยเคาะบนโต๊ะสองสามที นัยน์ตาที่อ่อนโยนและอบอุ่นประกายไปด้วยความมืดมน ดวงตาคู่นั้นเหมือนหลุมลึก ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“จ่าย ขอแค่นางอยากได้ ไม่ว่าเท่าไหร่ ก็จ่ายให้หมด”
“แต่หนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงเยอะเกินไปแล้วขอรับ ถ้าเกิดนางยังประมูลสินค้าชิ้นต่อไปอีก พวกเรา……”
“ถึงแม้จะต้องล้มละลาย ก็ต้องทำให้นางพอใจ”
“ขอรับ……”
ห้องโถงใหญ่ในงานการประมูล ดวงตาที่ใสเป็นประกายวิบวับของเสี่ยวลู่สะท้อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“หมายเลขยี่สิบแปดประมูลเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึง ยังมีคนจะเพิ่มราคาอีกไหม ถ้าไม่มีแล้ว สารานุกรมหลอมยานี้จะเป็นของแขกผู้มีเกียรติหมายเลขยี่สิบแปด”
ล้อเล่นอะไรกัน
ใครจะกล้าเพิ่มราคาอีกล่ะ?
สารานุกรมหลอมยาเหลือแค่ชิ้นส่วนเท่านั้น ไม่ได้มีครบทุกหน้า แถมยังมีอายุนานถึงสองพันกว่าปี ถึงแม้สารานุกรมหลอมยาจะดีแค่ไหน ผ่านเวลามาเยอะขนาดนั้น ใครจะรู้ว่าสมุนไพรมากมายจะสูญพันธุ์ไปแล้วหรือเปล่า?
แล้วใครจะรู้ว่าสารานุกรมหลอมยาดีเหมือนอย่างที่เล่าลือกันหรือเปล่า?
ปรมาจารย์เฟิงอยากจะเพิ่มราคาอีก แต่ราคาหนึ่งร้อยห้าสิบล้านก็ทำให้เขาเกิดความลังเลขึ้นมา
ตอนที่เห็นกู้ชูหน่วนตะโกนหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงออกมา โดยใบหน้าไม่แดงไม่ร้อน ใจเย็นและสงบนิ่งเฉย ดวงตาที่สีขาวดำแบ่งแยกชัดเจนประกายไปด้วยแสงวิบวับ
คนแบบนี้ ถ้ารับมาเป็นลูกศิษย์ได้ เรียนรู้การหลอมยากับเขา ต่อไปอาจจะเป็นนักวิชาการที่เหนือขั้นกว่าอาจารย์ได้
แต่น่าเสียดาย ปรมาจารย์เฟิงยอมแพ้ไปเสียก่อน “แม่หนูอายุยังน้อยก็มีความกล้าหาญเช่นนี้แล้ว ช่างน่ายกย่องเสียจริง สารานุกรมหลอมยาเล่มนี้ ข้าไม่แย่งกับแม่หนูแล้วล่ะ”
“ตาแก่ บางทีต้องมองให้ไกลหน่อยนะ เอาแต่ยึดติดกับปัจจุบัน มีแต่จะทำให้ตัวเองหยุดพัฒนา”
ทุกคนได้ยินแล้วก็ไม่เข้าใจ
ปรมาจารย์เฟิงกลับตะลึงเล็กน้อย
แม่หนูคนนี้ หรือว่ากำลังหมายถึงบางอย่างอยู่?
วิชาการหลอมยาของเขา หยุดนิ่งเป็นเวลาหลายปีในจุดสูงสุดของระดับสอง ไม่เคยก้าวหน้าไปไหนเลย หรือว่าเขายึดติดกับปัจจุบันมากเกินไป วิสัยทัศน์แคบมากเกินไป?
ปรมาจารย์เฟิงยิ้มแล้วพยักหน้าให้นาง เขายิ้มมุมปากแล้วพูดว่า “ขอบใจแม่หนูที่ชี้แนะ ข้าน้อมรับคำสอน”
ทุกคนแปลกใจอีกครั้ง
น้อมรับคำสอนอะไรกัน?
ผู้หญิงคนนั้นอายุแค่สิบเจ็ดสิบแปด จะสอนอะไรปรมาจารย์เฟิงได้กัน?
“หนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงครั้งที่หนึ่ง หนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงครั้งที่สองหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงครั้งที่สาม ยินดีกับแขกหลายเลขยี่สิบแปด ได้รับสารานุกรมหลอมยา”
องค์หญิงตังตังพูดอย่างร้ายอาจว่า “เหอะ เจ้าคิดว่าเจ้าได้สารานุกรมหลอมยา แล้วจะเป็นของเจ้างั้นเหรอ? ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะเอาอะไรมาจ่าย”
เสียงองค์หญิงตังตังจะว่าดังก็ไม่ดัง จะว่าเบาก็ไม่เบา แค่คนทั้งงานการประมูลได้ยินพอดีก็เท่านั้น
อี้เฉินเฟยกำลังจะให้คนไปจ่าย กู้ชูหน่วนก็พูดขึ้นก่อนว่า “สารานุกรมหลอมยานี่ข้าชอบใจยิ่งนัก จ่ายเงินเองถึงจะมีความรู้สึกสำเร็จ ส่วนคำถามที่แขกด้านบนถามมานั้น ข้าอารมณ์ดี ก็ตอบไปด้วยเลยแล้วกัน เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงเป็นเงินที่ข้าชนะมาก่อนหน้านี้ แค่คนคนเดียว ข้าก็ชนะมาแล้วหนึ่งร้อยกว่าล้าน ลูกสาวของนางก็แพ้ให้ข้าอีกนิดหน่อย รวมแล้วหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงพอดี ยังไงเงินนี่ก็เป็นเงินที่ชนะมา จ่ายออกไป ข้าก็ไม่เสียดายหรอก”
คำพูดนี้ทำเอาองค์หญิงตังตังโกรธจัด
เงินนี่เป็นเงินที่กู้ชูหน่วนโกงมาจากเสด็จแม่และนางเหอะ?
กู้ชูหน่วนไม่เสียดาย แต่นางเสียดายนี่
“จ่ายเงิน”
กู้ชูหน่วนเปิดแหวนมิติออกมา เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านปรากฏขึ้นต่อหน้าสายตาผู้คน
คนที่มาดูก็ต่างอ้าปากค้างด้วยความตะลึงกันหมด มองดูเงินที่กองเป็นภูเขานั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นี่มันๆๆ……
นางไปชนะเงินมากมายพวกนี้มาจากไหนกัน?
ทำไมถึงเยอะขนาดนี้นะ?
คุณพระ นางอายุไม่มาก ดูร่ำรวยมากจริงๆ
ชิงเฟิงปาดเหงื่อ
ยังดี……
ยังดีที่พระชายาไม่ขอเงินจากนายท่านอีก ไม่งั้นหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงนี่ ถึงแม้จะเป็นนายท่าน ก็เหมือนถูกตัดเนื้อบนตัวไปเหมือนกัน