อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 293 เปิดชีพจรยุทธ์
บทที่293 เปิดชีพจรยุทธ์
คนใช้ในจวนกำลังช่วยกันดับไฟ ผมของกู้ชูหน่วนถูกระเบิดจนยุ่งเหยิงไปหมด อย่างกับรังนก ชิงเฟิงส่งนางไปอีกห้องหนึ่ง
ภายในห้อง กู้ชูหน่วนมองดูยาชะไขกระดูกในกล่อง ทั้งกังวลทั้งโล่งใจ
กังวลคือ ยาชะไขกระดูกยังห่างไกลจากผลลัพธ์ที่นางต้องการ
โล่งใจคือ หลอมยาสำเร็จสักที
“ชิวเอ๋อร์ ไปเฝ้าที่หน้าประตู ห้ามใครเข้ามา รวมถึงท่านอ๋องด้วย”
“คุณหนูจะทำอะไรอีกเจ้าคะ?”
ชิวเอ๋อร์หวาดกลัวมาก คุณหนูเกือบตายอยู่แล้ว นางยังจะหลอมยาอีกเหรอ
“เจ้าจะรู้อะไร รีบออกไปซะ”
“แต่ว่า……”
ไม่รอชิวเอ๋อร์พูดจบ กู้ชูหน่วนก็ผลักนางออกไปแล้ว ตัวเองก็นั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบยาชะไขกระดูกในกล่องออกมา แล้วกินเข้าไปหนึ่งเม็ด
กระแสความร้อนเพิ่มขึ้นจากจุดตันเถียน แต่ชีพจรยุทธ์กลับไม่มีร่องรอยในการเปิดออกเลย
กู้ชูหน่วนกินอีกสองสามเม็ด กระแสความร้อนตันเถียนก็หนักขึ้นเรื่อยๆ และเส้นลมปราณเจ็ดเส้นแปดสายก็รู้สึกสบายมาก แต่ชีพจรยุทธ์ยังไม่เปิด
นางขมวดคิ้ว “ใช้สมุนไพรที่คล้ายกันมาแทน ผลลัพธ์ที่ได้ก็แตกต่างกันมาก ยาชะไขกระดูกนี้จะอ่อนมากจริงๆ”
กู้ชูหน่วนกัดฟัน กินยาชะไขกระดูกในกล่องทั้งหมด
อยากอยู่ต่อบนโลกนี้ ไม่เสียสละหน่อย จะสำเร็จได้ยังไง
ร่างกายร้อนผ่าวเหมือนถูกไฟคลอก ร้อนผ่าวจนเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลออกมา
เจ็บ……
เจ็บมาก……
คนอื่นกินยาชะไขกระดูกเม็ดเดียวก็เปิดชีพจรยุทธ์ได้แล้ว
นางดื่มไปอย่างน้อยห้าสิบเม็ดขึ้นไป ถึงแม้ชีพจรยุทธ์มีร่องรอยว่าจะเปิดออก แต่กลับไม่เปิดทั้งหมดสักที
กู้ชูหน่วนกำลังหมุนเวียนเสี่ยวโจวเทียน รวบรวมพลังของตันเถียนไว้เป็นหนึ่งเดียว พุ่งเข้าใส่ชีพจรยุทธ์ไม่ขาดสาย ก็ถึงเปิดช่องโหว่ออกมาได้
“ปัง……”
กว่าจะเปิดช่องโหว่ของชีพจรยุทธ์ได้ แต่มันกลับปิดกะทันหัน กู้ชูหน่วนกระอักเลือดออกมา เจ็บและทรมานไปทั่วร่างกาย
“คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า คุณหนูเปิดประตูเจ้าค่ะ”
“หุบปาก เสียงดังเอะอะอะไร”
กู้ชูหน่วนเลียเลือดมุมปาก ถึงแม้นางอายุยังน้อย นัยน์ตากลับมีความเข้มแข็งยึดมั่นที่ไม่เหมาะสมกับอายุของนาง ดวงตาสีขาวดำนั้นเชิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็รู้สึกได้ถึงความดุดันที่เข้าครอบงำ
ให้ตายสิ
ทั้งที่เปิดช่องโหว่ได้แล้ว ทำไมถึงปิดเร็วจัง?
กู้ชูหน่วนสำรวจร่างกายของตัวเอง ไม่รู้ว่าทำไม นางรู้สึกว่าร่างกายของนางถูกผนึกไว้ด้วยพลังอย่างหนึ่ง พลังที่นางไม่อาจเอาชนะมันได้
ถ้าไม่มีพลังนี้ ชีพจรยุทธ์ของนางคงเปิดออกนานแล้ว
เหลืออีกแค่นิดเดียว แค่นิดเดียวนางก็จะเปิดชีพจรยุทธ์ได้อยู่แล้วเชียว กู้ชูหน่วนไม่พอใจ
นางปาดเหงื่อบนหน้า เปิดประตูออกไป “ชิงเฟิง ให้คนส่งสมุนไพรมาอีก”
นางไม่เชื่อว่าจะเปิดชีพจรยุทธ์ไม่ได้
ชิงเฟิงขมวดคิ้ว “พระชายา นายท่านมีรับสั่งว่า พระชายาอยากได้สมุนไพรให้จ่ายเงินเอง ในจวนไม่มีเงินมากพอให้พระชายาใช้อย่างสิ้นเปลืองขอรับ”
“……”
สมุนไพรพวกนั้นเป็นแค่ยาทั่วไป จวนอ๋องหานจะจ่ายไม่ไหวได้ยังไง?
“เย่จิ่งหานกลับมาแล้วเหรอ?”
“ตอบพระชายาขอรับ นายท่านยังไม่กลับมา แต่นายท่านก็ไม่มีอันตรายถึงชีวิตขอรับ”
“พึ่บ……”
กู้ชูหน่วนโยนเงินออกไปก้อนใหญ่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “รีบไปซื้อยามาเดี๋ยวนี้ ยิ่งเยอะยิ่งดี”
“พระชายา ท่านอยากได้ยาเม็ดอะไรขอรับ? ข้าน้อยจะไปรายงานนายท่าน ให้นายท่าน……”
“พูดจาไร้สาระ ให้เจ้าไปก็รีบไปสิ”
“ขอรับ”
มีประสบการณ์จากครั้งแรก กู้ชูหน่วนหลอมยาง่ายขึ้นมาก และไม่มีการระเบิดเกิดขึ้นอีก ปริมาณของยาเม็ดก็เยอะกว่ารอบแรกด้วย
ใช้เงินไปกว่าหนึ่งหมื่นตำลึง นางก็หลอมยาชะไขกระดูกออกมาได้สองร้อยเม็ด หนึ่งในนั้น นางยังใส่หญ้าจื่อเยียนเข้าไปด้วย
ครั้งนี้ นางหมุนเวียนลมปราณพุ่งเข้าใส่ชีพจรยุทธ์ ทุกครั้งที่ใกล้จะเปิดช่องโหว่ชีพจรยุทธ์ได้ ก็หยิบยาชะไขกระดูกมากินหนึ่งกำ เพิ่มพลังภายใน
เป็นเหมือนกับครั้งก่อนเลย ทุกครั้งที่จะเปิดช่องโหว่ได้อยู่แล้ว ก็ปิดลงอัตโนมัติตลอด กู้ชูหน่วนไม่เชื่อ พุ่งชนหลายต่อหลายครั้ง
ไม่รู้ว่าใช้เวลาไปมากเท่าไหร่ ถึงจะเปิดชีพจรยุทธ์ออกได้ทั้งหมด
“พุ่ง……”
กระอักเลือดอีกแล้ว คนอื่นเปิดชีพจรยุทธ์ออกก็สบายไปทั้งตัว มีเรี่ยวแรงทั่วร่างกาย นางกลับเหมือนกับคนใกล้ตาย เกือบทำนางตายหลายครั้งแล้ว
มุมปากของกู้ชูหน่วนมีเลือดเปื้อนอยู่ แต่กลับยิ้มออกมาอย่างเย้ายวน
นางลองหมุนเวียนเสี่ยวโจวเทียนอีกครั้ง ภายในตันเถียนมีไฟกองเล็กๆกำลังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายเบาบางกว่าครั้งก่อนมาก
นางมีกำลังภายในแล้ว……ถึงแม้จะอ่อนมากก็เถอะ……
ชีพจรยุทธ์เปิดออกแล้ว แสดงว่านางสามารถฝึกทักษะการต่อสู้ได้แล้ว
กู้ชูหน่วนพ่นลมหายใจออกมายาวๆ แล้วเปิดสารานุกรมหลอมยาอีกครั้ง
ยาเพิ่มกำลังภายใน สามารถเพิ่มกำลังภายในได้อย่างรวดเร็ว ทะลุยาขั้นที่หนึ่ง
กู้ชูหน่วนเกิดความสนใจขึ้นมาอีกครั้ง
“ชิงเฟิง”
ชิงเฟิงทำหน้าท้อแท้ “พระชายา ยาที่ท่านต้องการทั่วพระนครไม่มีสักอย่าง หากจะเอาจากที่อื่น เร็วสุดก็ถึงพรุ่งนี้ขอรับ”
“ข้าใช้ให้เจ้าไปซื้อสมุนไพรพวกนั้นเหรอ? ไป ไปซื้อสมุนไพรตามสูตรยานี้มา หากไม่มีสมุนไพรบนกระดาษนั้น ก็เอาสมุนไพรอื่นที่คล้ายคลึงกันที่ทำเครื่องหมายไว้ใต้สูตรยาแต่ละตัวเอามาแทน”
“พระชายาสมุนไพรในสูตรยานี้ แพงกว่าอันก่อนหลายเท่าเลย ท่าน……”
“นี่คือหนึ่งแสนตำลึง”
ชิงเฟิงถือหนึ่งแสนตำลึงไว้แน่น มองดูกู้ชูหน่วนที่ปิดประตูลง เขาอยากจะบอกมากว่า
นางอยากได้ยาเม็ดอะไรก็บอกมาตรงๆดีกว่า ไม่ต้องใช้เงินมากมายไปซื้อสมุนไพรมา ไม่ว่าจะเป็นยาเม็ดอะไร ใช้เงินแค่ไม่กี่หมื่นก็ซื้อมาได้แล้ว
ส่วนการหลอมยา เรียนรู้ด้วยตัวเองโดยไม่มีอาจารย์ชี้แนะไม่มีทางทำได้แน่นอน
พระชายาหลอมต่อไปแบบนี้ เขากลัวว่าจวนจะถูกนางเผ่าเสียก่อน
ถึงแม้จะไม่เห็นด้วย ชิงเฟิงก็ยังไปซื้อสมุนไพรตามที่นางสั่ง
เจ็ดวัน เจ็ดวันเต็มๆ กู้ชูหน่วนอยู่แต่ในห้องแล้วหลอมยาตลอด เสียงระเบิดภายในห้องดังออกมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ชิงเฟิงทนดูต่อไปไม่ไหว จึงพานางไปที่ห้องหลอมยา
ระหว่างนั้น กู้ชูหน่วนนอกจากที่เอาเงินให้เขาไปซื้อสมุนไพรแล้ว รวมไปถึงกินข้าวลวกๆแล้ว ก็ไม่ออกจากห้องนั้นเลย ไม่มีใครรู้ว่านางทำอะไรในนั้นบ้าง
เย่จิ่งหานก็ไม่กลับมาเลยเจ็ดวันเต็ม แค่สั่งมาว่าให้ดูแลนางดีๆ
เจ็ดวันหลังจากนั้น ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็เปิดประตูห้องหลอมยาออกมาเสียที
เสื้อนางกลายเป็นสีเหลืองอ่อน ไม่รู้ว่าถูกระเบิด หรือถูกรมควันจากเตาหลอม กลายเป็นสีน้ำตาลไปแล้ว
ผมเผ้าของนางยุ่งเหยิง มีผมลายเส้นที่ตั้งขึ้นมา แต่อารมณ์ของนางกลับดีมากอย่างน่าแปลกใจ
หรืออาจจะเรียกได้ว่า สภาพจิตใจและร่างกายของนางเปลี่ยนไป
นางในตอนนี้ แต่ละก้าวแต่ละท่วงท่าที่เดินมานั้นก็กระแทกเข้าจิตใจของคน แค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็มีความเย็นชาหยิ่งผยองแผ่ซ่านออกมา
นางสง่างามไม่มีผู้ใดเทียบได้ บุคลิกไม่ธรรมดา เมื่อมองไปข้างหน้า ก็มีความสง่างามเข้าครอบงำ
ชิงเฟิงตะลึง
ทั้งที่เป็นพระชายาในเมื่อก่อน แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ
ชิวเอ๋อร์เดินเข้าไปหาอย่างตื่นเต้น ย่นจมูก แล้วพูดเสียงสะอื้นว่า “คุณหนูออกมาสักทีนะเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงแทบแย่ คุณหนูต่อไปถึงจะหลอมยา ก็ให้ข้าน้อยไปอยู่เป็นเพื่อนด้วยได้ไหมเจ้าคะ”
“ยัยเด็กโง่ บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเรียกตัวเองว่าข้าน้อย?”
“เจ้าค่ะ ชิวเอ๋อร์ร้อนใจจนลืมไปเลย”
“วางใจได้ ต่อไปหากข้าหลอมยา จะไม่หลอมนานขนาดนี้แล้ว”
ยิ่งไปกว่านั้น เงินในแหวนมิติของนางก็หมดแล้วด้วย จึงไม่มีเงินซื้อสมุนไพรอีก ต้องคิดวิธีหาเงินแล้ว
“เย่จิ่งหานล่ะ ทำไมไม่เห็นเขาเลย?”