อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 296 ภูเขาสืบมังกรคือลูกไหน
บทที่296 ภูเขาสืบมังกรคือลูกไหน
ณ สนามฝึกซ้อมของราชวิทยาลัย พวกนักเรียนที่มาเข้าร่วมงานชุมนุมสวินหลงแบ่งออกเป็นห้าแถวและยืนอย่างเป็นระเบียบ อาจารย์สิบกว่าท่านยืนอยู่บนแท่นสูง กำลังอธิบายกฎกติกาของงานชุมนุมสวินหลงในครั้งนี้
“นักเรียนที่สามารถมายืนอยู่ที่นี่ได้ ล้วนแต่เป็นคนที่ราชวิทยาลัยคัดเลือกมาแล้ว ปีก่อนมีแค่นักเรียนในรุ่นเท่านั้นถึงจะเข้าร่วมงานชุมนุมสวินหลงได้ แต่ฝ่าบาททรงพระกรุณา เพื่อค้นหาบุคคลมากความสามารถ อนุญาตให้นักเรียนยอดเยี่ยมจากปีก่อนๆเข้าร่วมงานนี้ได้”
“ภูเขาสืบมังกรเป็นภูเขาล้ำค่าของแคว้นเย่ ทุกคนต่างก็รู้กันดี ในยุคสมัยโบราณ ที่นั่นเคยมีสงครามครั้งใหญ่เกิดขึ้น ถือเป็นสมรภูมิรบโบราณที่เหลือทิ้งไว้ ที่นั่นไม่เพียงแต่มีสัตว์ร้าย สมุนไพรอาบพิษเท่านั้น ยังมีสมบัติล้ำค่ามากมายที่นั่น ในนั้นส่วนใหญ่จะมีสมบัติล้ำค่าระดับสองขึ้นไป หากโชคดี อาจจะหาสมบัติล้ำค่าระดับสี่ได้”
“ไม่ว่าพวกเจ้าจะได้ของอะไรจากภูเขาสืบมังกร ก็จะเป็นของพวกเจ้าทั้งหมด หากพวกเจ้าโชคร้าย ไม่ได้อะไรกลับมาเลย งั้นก็จะไม่ได้อะไรเลย เวลาที่เข้าไปภูเขาสืบมังกรคือสามวัน สามวันหลังจากนั้น งานชุมนุมสวินหลงครั้งนี้จะจบลง ทุกคนออกจากภูเขาสืบมังกร หากมีคนไม่ออกมา จะประหารทุกคนไม่เว้นหน้า”
“ราชวิทยาลัยจะระฆังให้พวกเจ้าทุกคน ถ้าหากมีอันตราย สั่นระฆังแค่สามครั้ง ก็ดึงเส้นจากข้างล่างระฆังออกมา คนในราชวิทยาลัยจะไปรับพวกเจ้าออกมาเอง แต่พวกเจ้าก็จะเสียสิทธิ์ในการเข้าร่วมงานชุมนุมสวินหลง ไม่สามารถค้นหาสมบัติล้ำค่าต่อไปได้”
กู้ชูหน่วนฟังที่พวกเข้าพูดก็อดไม่ได้หาว
ตาแก่พวกนี้พูดจบหรือยังเนี่ย! หากลีลาต่อไป เวลาหนึ่งวันก็จะผ่านไปแล้ว ยังจะเข้าร่วมอะไรอีก
นัยน์ตาที่ใสเป็นประกายของนางกวาดตามองเล็กน้อย ภายในราชวิทยาลัยอันกว้างใหญ่นี้ ไม่เห็นองค์หญิงตังตังเลย ไม่รู้ว่าเงินที่นางติดค้างงานประมูลเฟิงเซียง องค์หญิงตังตังจะจัดการยังไง?
อ๋องเจ๋อกับกู้ชูหยุนก็มาเข้าร่วมงานชุมนุมสวินหลง
พอกวาดตามองไปรอบๆ สายตาของกู้ชูหน่วนก็หยุดอยู่ที่ซ่างกวนฉู่ที่อ่อนโยนเรียบร้อยมีมารยาท
ซ่างกวนฉู่ทำตัวสบายๆ ต่างจากอาจารย์คนอื่นที่พูดไม่หยุด เขาแค่นั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ลูบกู่ฉินของเขา
นักเรียนที่เข้าร่วมงานชุมนุมสวินหลง น่าจะมีประมาณสามร้อยกว่าคน กู้ชูหน่วนสังเกตเห็นว่ามีสายตามุ่งร้ายมองมาที่นางเป็นระยะ แรงอาฆาตที่ไม่ว่าจะเก็บซ่อนยังไง ก็เก็บซ่อนเอาไว้ไม่อยู่
นางพูดเสียงเบาว่า “เดี๋ยวพอเข้าไปภูเขาสืบมังกรแล้ว พวกเจ้าสามคนติดตามข้าไว้นะ”
“ทำไมเหรอ?” เซียวอวี่เซวียนถาม
“ไม่มีอะไร สองหัวดีกว่าหัวเดียว” กู้ชูหน่วนเอียงหัวแล้วยิ้ม ไม่ได้ตอบตรงๆ
อาจารย์สวีพูดว่า “เอาล่ะ สิ่งที่ควรพูดก็พูดหมดแล้ว ตอนนี้พวกเราจะเปิดเส้นเขตของภูเขาสืบมังกรแล้ว หากพวกเจ้าทนไม่ไหว อย่าลืมสั่นระฆังแล้วดึงเส้นจากใต้ระฆังล่ะ อย่าให้ตัวเองต้องเสียชีวิตไปเปล่าๆ”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ อาจารย์”
พวกนักเรียนคึกคักอย่างมาก บริหารร่างกายกันใหญ่ อยากจะพุ่งเข้าไปในภูเขาสืบมังกรแทบแย่
พวกอาจารย์สองมือผนึกกัน สร้างค่ายกลขึ้นมา รวบรวมกำลังภายในไว้ในค่ายกล ฝืนเปิดเส้นเขตของภูเขาสืบมังกร
ได้ยินเสียงเดียวว่า “เข้าไปเถอะ”
อีกด้านของเส้นเขตเหมือนมีแรงดึงดูด ดูดพวกเขาเข้าไปกันหมด
เฮือก……
กู้ชูหน่วนกับคนอื่นๆก็ถูกดูดเข้าไปเหมือนกัน หากนางยังไม่ได้เปิดชีพจรยุทธ์ คงได้ล้มลงไปกองกับพื้นแล้วล่ะ
เซียวอวี่เซวียนมีกังฟู จึงฝืนยืนนิ่งได้
หลิวเยว่อวี่ฮุยกลับล้มลงไป ยังดีที่กู้ชูหน่วนเข้าไปประคองพวกเขาไว้ก่อน
“ขอบคุณลูกพี่ ลูกพี่เก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“หลายวันก่อนน่ะ”
“หลายวันก่อน? หรือว่า……เจ้าเปิดชีพจรยุทธ์ได้แล้ว?”
“ประมาณนั้น”
“คุณพระ เวลาสั้นๆแค่นี้ เจ้าเปิดชีพจรยุทธ์ได้ยังไงกัน?”
กู้ชูหน่วนมองดูบรรยากาศรอบด้านอย่างละเอียด
ภูเขาร้างแห่งนี้ รอบด้านเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจีทับซ่อนกันหลายชั้น มองออกไปไกลๆ ภูเขาลูกหนึ่งเชื่อมต่อกับอีกลูกหนึ่ง ไม่รู้ว่าเชื่อมต่อกันกี่ลูกกันแน่
หลิวเยว่พูดขึ้นอย่างตกตะลึง “ภูเขาเยอะขนาดนี้ ลูกไหนเป็นภูเขาสืบมังกรล่ะเนี่ย?”