อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 307 ใช้สัตว์ข่มเหงผู้อื่น
บทที่307 ใช้สัตว์ข่มเหงผู้อื่น
กู้ชูหน่วนออกคำสั่ง “วางกระสอบพวกนั้นลงตรงนั้น เรียงกระสอบให้ดี สิบกระสอบเป็นหนึ่งกลุ่ม”
ทุกคนตกใจจนอ้าปากค้าง แต่กลับเห็นสิงโตเพลิงวางกระสอบลงพื้นอย่างเชื่อฟัง สิบกระสอบเป็นหนึ่งกลุ่ม ไม่น้อยหรือไม่มากไปกว่านี้ และสิงโตเพลิงแต่ละตัวเหมือนมดน้อย ยืนอยู่ข้างๆอย่างถ่อมตัว รอฟังคำสั่งของกู้ชูหน่วนเงียบๆ
สิงโตเพลิงพวกนี้ไม่รู้ว่าไปทำงานหนักอะไรมา แต่ละตัวหายใจหอบอย่างเหนื่อยล้า
ทุกคนขยี้ตาอย่างไว
พวกเขาไมได้ตาลาย สิงโตเพลิงพวกนั้นเชื่อฟังคำพูดของกู้ชูหน่วน
โลกใบนี้เป็นอะไรไปนะ?
กู้ชูหน่วนไม่มีทักษะการต่อสู้ สิงโตเพลิงขั้นสูงสุดระดับสองกลับกลัวนางหัวหด
หลิวเยว่อวี่ฮุยเชิดหน้าขึ้นอย่างได้ใจ เพลิดเพลินกับสายตาที่ตกตะลึงของทุกคนมาก
“พวกเจ้าไปได้แล้ว”
กู้ชูหน่วนพูดจบ สิงโตเพลิงก็รีบวิ่งหนีทันที แค่พริบตาเดียวเท่านั้นพวกมันก็หายไปหมดแล้ว เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เป็นเพียงแค่ภาพลวงตา
หื้ม……
ไปแล้วเหรอ?
สิงโตเพลิงเชื่อฟังขนาดนี้เชียว?
กู้ชูหยุนนัยน์ตาประกายไปด้วยความเกลียดชัง แต่ไม่นานก็กลับมาอ่อนแอเหมือนเดิม
ยอดฝีมือเยอะแยะไปฆ่านาง แต่นางกลับรอดมาได้
อ๋องเจ๋ออึ้งอยู่นานมาก เห็นนางไม่เป็นไร หัวใจที่หนักอึ้งก็โล่งอกสักที
กู้ชูหน่วนทำให้เขาหน้าแตกหลายต่อหลายครั้ง เขาควรจะเกลียดนางสิ แต่ทุกครั้งก็อดไม่ได้เป็นห่วงนาง
กู้ชูหน่วนชี้กระสอบที่พื้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเจ้ามีใครอยากช่วยข้าแบกกระสอบไหม ข้าให้คนละหนึ่งร้อยตำลึง”
คนที่เข้ามาเรียนในราชวิทยาลัยได้ มีใครบ้างที่ยากจน
มีคนเยอะแยะมากมาย แต่กลับไม่มีใครเข้ามาช่วยเลย
กู้ชูหน่วนเปลี่ยนคำพูด “ใครช่วยข้าแบกออกจากภูเขาสืบมังกรสามกระสอบขึ้นไป ข้าจะให้หญ้าอำพันคนละต้น”
นางพูดแล้ว ก็เอาหญ้าอำพันออกมาหนึ่งกำใหญ่
แหวนมิติที่อี้เฉินเฟยให้มาก็ยังเล็กไปอยู่ดี นางยัดเต็มหมดแล้ว เลยใส่เข้าไปไม่ได้อีก
สมุนไพรพวกนี้เป็นสมุนไพรชั้นดีระดับเซียน มีประโยชน์สำหรับการหลอมยามาก นางไม่เอาออกไปก็รู้สึกเสียดาย เลยต้องให้สิงโตเพลิงมาช่วยนางเด็ดแล้วแบกออกมา
นึกถึงภาพตอนที่สิงโตเพลิงตกใจกลัวเพราะเจอเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ กู้ชูหน่วนก็หัวเราะออกมา
นางแกล้งเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่กำลังนอนหลับอยู่ ถ้าไม่มีมัน นางคงไม่ได้สมุนไพรชั้นดีมาอย่างง่ายดายแบบนี้
ทุกคนต่างก็หวั่นไหวขึ้นมา “หญ้าอำพันงั้นเหรอ คุณพระ เจ้าไปเอาหญ้าอำพันมากมายพวกนั้นมาจากไหนกัน? นี่เป็นสมุนไพรชั้นดีระดับเซียนเลยนะ?”
กู้ชูหน่วนเบะปาก
ก็แค่หญ้าอำพันต้องตื่นเต้นขนาดนี้ไหม ด้านในมีเต็มไปหมดเลย นางขี้เกียจเด็ดมากแค่นั้นเอง
กู้ชูหยุนส่งสัญญาณทางสายตาให้จางเชา
จางเชาตอบรับ ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “กู้ชูหน่วนต้องมีสมบัติอีกเยอะแน่ แทนที่จะรอให้นางบริจาคให้พวกเรา สู้พวกเราร่วมมือกันฆ่านางดีกว่าอีก”
มีคนหวั่นไหว มีคนตกใจ มีคนหวาดกลัว
“จางเชา เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง นางเป็นถึงพระชายาหานเชียวนะ ถ้านางเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่ เทพสงครามไม่มีทางปล่อยพวกเราไปแน่”
“เทพสงครามแต่งงานกับนางเพราะถูกบังคับ เกรงว่าเทพสงครามคงอยากจัดการนางทิ้งมากกว่าพวกเราเสียอีก เขาจะมาหาเรื่องพวกเราได้ยังไง และที่นี่มีสัตว์ร้ายเยอะแยะ ถึงพวกเราจะฆ่านาง ก็โยนความผิดให้สัตว์ร้ายได้”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่ภาพที่เทพสงครามปกป้องกู้ชูหน่วน กลับประทับอยู่ในสมองของพวกเขา พวกเขาเดิมพันไม่ไหว และไม่อยากเดิมพันด้วย
หลิวเยว่อวี่ฮุยพูดอย่างโมโห “ใครกล้าแตะต้องลูกพี่ของพวกเรา ก็ผ่านด่านของพวกเราไปก่อนแล้วกัน”
เซียวอวี่เซวียนส่ายหน้า
เจ้าโง่นี่
ถึงไม่ตายอยู่ที่นี่ ออกไปก็ต้องโดนเทพสงครามฆ่าอยู่ดี
กู้ชูหน่วนแสยะยิ้ม “จะฆ่าข้างั้นเหรอ สิงโตเพลิงออกมา!”
นางเพิ่งพูดจบ ไม่ไกลมากก็มีเสียงโครงครางดังขึ้น ขนาดพื้นดินยังสั่นสะเทือนไปด้วยเลย
ทุกคนเงยหน้าขึ้น กลับเห็นสิงโตเพลิงทั้งหมดพุ่งออกมา
สัตว์ร้ายพวกนี้ออกมา ก็ล้อมพวกเขาไว้ทั้งหมด รอคำสั่งของกู้ชูหน่วนเงียบๆ พวกมันเคารพนางเป็นเจ้านายตัวเอง รอคำสั่งจากนางตลอดเวลา
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไป ต่างก็ถอยหลังไปเรื่อยๆ มองดูภาพตรงหน้าอย่างหวาดกลัว
กู้ชูหน่วนลูบหัวสิงโตเพลิงตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้นาง มองดูจางเชาแล้วพูดว่า “จะฆ่าข้างั้นเหรอ? เจ้าพูดมาสิ เจ้ามีแค่ตัวคนเดียว ข้ากลับมีลูกน้องมากมายขนาดนี้ จะเอาตัวเจ้าให้ตัวไหนดีนะ?”
จางเชากลืนน้ำลายเอื๊อกๆ ไม่คิดเลยว่าเรื่องราวจะกลับตาลปัตรแบบนี้
เขาแค่อยากได้ใจสาวงามเท่านั้นเอง
แค่อยากได้สมบัติบนตัวกู้ชูหน่วนเท่านั้นเอง
ตรงหน้านักเรียนทุกคน เขาไม่อยากเสียหน้า และไม่อยากเสียชีวิตด้วย จึงต้องพูดว่า “กู้ชูหน่วน เจ้าใช้สัตว์ข่มเหงผู้อื่น”
“ข้าใช้สัตว์ข่มเหงผู้อื่นแล้วยังไง? ถ้าแน่จริง เจ้าก็เอาสัตว์เลี้ยงออกมาด้วยสิ”
“เจ้า……” จางเชาพูดไม่ออก
กู้ชูหน่วนน้ำเสียงอ่อนหวาน ไพเราะน่าฟัง แต่คำพูดที่พูดออกมานั้น กลับทำให้คนขนลุกซู่ “ข้าให้เจ้าสามตัวเลือก หนึ่งหักแขนหนึ่งข้างด้วยตัวเอง สองหักแขนสองข้างของคนที่สั่งเจ้ามาทำเช่นนี้ สามกลายเป็นอาหารจานเด็ดของสิงโตเพลิง สิงโตเพลิงของข้าไม่ได้กินเนื้อมนุษย์มานานมากแล้ว พวกมันคิดถึงรสชาตินี้มากเลยล่ะ”
สีหน้าจางเชาแย่ลงเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกไหน เขาก็ไม่อยากเลือกทั้งนั้น
แล้วมองดูสิงโตเพลิงที่จ้องเขา ขอแค่คำสั่งเดียวของกู้ชูหน่วน ก็สามารถเขมือบเขาได้ทุกครั้ง ทำให้เขารู้สึกลนลานขึ้นมา
กู้ชูหยุนพูดโน้มน้าว “น้องสาม ทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ใยต้องทำถึงขั้นนี้ด้วยล่ะ”
“งั้นเจ้าก็หักแขนหนึ่งข้างแทนเขาแล้วกัน”
“น้องสาม เจ้า……เจ้ากำลังโทษข้าเหรอ?”
“เก็บน้ำตาที่ไร้ค่าของเจ้าไว้ ระวังข้าอารมณ์ไม่ดี สิงโตเพลิงยิ่งรักเจ้านายมันอยู่ด้วย เดี๋ยวจะเขมือบเจ้าเข้าไปโดยไม่รู้ตัวล่ะ”
น้ำตาเม็ดใหญ่ของกู้ชูหยุนไหลอาบแก้มลงมา นางน้อยใจอย่างมาก แค่จะระบายออกมายังไม่ได้
ทุกคนอดไม่ได้เห็นใจกู้ชูหยุน
โชคร้ายจริงๆที่มีน้องสาวแบบนี้
กู้ชูหน่วนพูดอย่างเย็นชา “ข้านับถอยหลังสามครั้ง ถ้าเจ้าไม่เลือก งั้นข้าจะคิดเสียว่าเจ้าเลือกอย่างที่สามแล้วกัน หนึ่ง……”
“เจ้าบีบบังคับข้าเช่นนี้ ไม่กลัวเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป แล้วโดนหาว่าฆ่าเพื่อนร่วมชั้นเหรอ?”
“เมื่อกี้เจ้ายังชักชวนให้ทุกคนร่วมมือกันฆ่าข้าอยู่เลยนี่? ข้าก็แค่ตอบโต้ด้วยวิธีเดียวกันเท่านั้นเอง? เจ้าไม่กลัว ข้าจะกลัวไปใย? สอง……เจ้าเหลือแค่โอกาสครั้งสุดท้ายแล้วนะ”
จางเชาลนลาน ในตอนที่กำลังจะบอกชื่อกู้ชูหยุนออกไป ทันใดนั้นเฉินเจิ้นก็ชักดาบออกมา ฟันแขนของเขาข้างหนึ่งทิ้ง
เลือดพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องทรมานดังขึ้น ทุกคนต่างก็ตกใจอย่างมาก
เฉินเจิ้นฟันแขนของเขาขาดงั้นเหรอ
กลับได้ยินเฉินเจิ้นพูดอย่างมั่นใจว่า “ลูกผู้ชายอกสามศอก ก็แค่ฟันแขนหนึ่งข้าง มีอะไรให้กลัวกัน ครั้งนี้ให้เจ้าจำเอาไว้ ครั้งหน้าอย่าคิดทำร้ายคนอื่นอีก”
กู้ชูหน่วนกวาดตามองกู้ชูหยุนกับเฉินเจิ้นอย่างมีเลศนัย
นางต้องนับถือกู้ชูหยุนจริงๆ
ไม่รู้ว่านางใช้วิธีไหน ถึงทำให้ผู้ชายมากมายยอมทำเรื่องให้นางอย่างจริงใจ
ฝีมือแบบนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะทำได้
ในหมู่ผู้คนไม่รู้ว่าใครเริ่มแบกสามกระสอบก่อน
กู้ชูหน่วนให้หญ้าอำพันเขาหนึ่งต้น
คนอื่นๆเห็นดังนี้แล้ว ต่างก็ช่วยแบกหญ้าอำพันขึ้นมา
“โครม……”
ประตูเขตแดนเปิดออก มีแสงเปล่งประกายออกมาดูดพวกเขาออกไป
เส้นเขตแดนของภูเขาสืบมังกรได้ปิดลงอย่างเป็นทางการ
ไม่ว่าคนที่หาสมบัติเจอหรือไม่เจอ การชุมนุมสวินหลงก็ได้จบลงเพียงเท่านี้