อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 333 เถียงข้างๆคูๆ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 333 เถียงข้างๆคูๆ
คำโกหกถูกเปิดโปง กู้ชูหน่วนไม่มีความเคอะเขินแม้แต่น้อย กลับมีรอยยิ้มมากขึ้น แต่ละคำจริงใจ
“ฟ้าดินเป็นพยาน ข้าคิดจะทำให้เย่เฟิงมอบแผนที่ออกมาจริงๆ แล้วมอบให้เจ้าอย่างเชื่อฟัง จะทำอย่างไรได้เดิมทีในมือของเขาก็ไม่มีแผนที่ ข้าทำได้เพียงมาขออภัยต่อท่านเป็นการชดเชย”
“ในมือเขาไม่มีแผนที่ เช่นนั้นแผนที่จะต้องอยู่ในมือของเจ้าแน่”
“หากว่าแผนที่อยู่ในมือของข้า ข้าก็ไปหามุกมังกรเองแล้ว ยังจะต้องรอเจ้าอยู่ที่นี่อีกเหรอ”
ดวงตาอันอ่อนโยนของเวินเส้าหยีกวาดมองเล็กน้อย ยิ้มบางๆแล้วกล่าว “เย่จิ่งหานล่ะ ไม่ได้มากับเจ้าหรือ?”
“สถานที่นี้ทั้งเย็นทั้งห่างไกล เขาท่านอ๋องผู้หนึ่งที่งามหยาดเยิ้ม จะมาได้อย่างไร”
เวินเส้าหยีไม่ได้พูดจา แต่ในตากลับเขียนว่าไม่เชื่อเต็มไปหมด
ราวกับว่าไม่อยากพูดจาไร้สาระกับกู้ชูหน่วน เวินเส้าหยีพูดตรงไปตรงมาโดยไม่อ้อมค้อม “ให้ทางเลือกเจ้าสองทาง อย่างหนึ่งตาย อย่างหนึ่งมอบกระดิ่งทลายวิญญาณออกมา”
“เพียงแค่กระดิ่งทลายวิญญาณเท่านั้น แม้ว่าเจ้าจะได้ไป แล้วจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับที่นี่?” กู้ชูหน่วนผายมือออก
“บนภูเขาสืบมังกร แสงอาทิตย์ที่สีสันสวยสดใสส่องผ่านกลุ่มเมฆปรากฏขึ้นบนฟากฟ้าอย่างฉับพลัน ในแสงที่ส่องผ่านกลุ่มเมฆปรากฏกระดิ่งอันหนึ่งขึ้นรางๆ คนที่ดูด้วยความตั้งใจเล็กน้อยล้วนรู้ว่า นั่นคือเศษที่แตกของกระดิ่งทลายวิญญาณหลังจากที่ได้รวมตัวกันขึ้นใหม่แล้วก็ส่องแสงสว่างสุกใส”
กู้ชูหน่วนลูบคาง
ในแสงอาทิตย์ที่สีสันสวยสดใสส่องผ่านกลุ่มเมฆมีเงาของกระดิ่งหรือ? ทำไมนางถึงมองไม่เห็น?
“ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด พระชายาหานอย่าได้ทดสอบความอดทนของข้าเลย”
เวินเส้าหยีเดินไปข้างหน้าทีละก้าว แม้กำลังยิ้มอยู่ แต่ในรอยยิ้มกลับมีแววความหนาวเหน็บแทรกซึมเข้ากระดูกทะลุออกมาเล็กน้อย ทำให้คนรู้สึกเย็นยะเยือกโดยไร้เหตุผล
“เอาเถอะ เรื่องราวถึงตอนนี้ ข้าบอกเจ้าอย่างเปิดเผยก็ได้ กระดิ่งทลายวิญญาณถูกหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ของเผ่าปีศาจแย่งไปแล้ว บนตัวข้าอะไรก็ไม่มี หากว่าเจ้าไม่เชื่อ ก็ค้นตัวข้าได้”
นางยืดอกตรง เตรียมให้ค้นตัวอย่างดี
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเวินเส้าหยีก็เย็นชาไปอีกเล็กน้อย
“ไม่บังเอิญก็คือ ข้าเพิ่งจะเผชิญหน้ากับหัวหน้ากองธงกล้วยไม้มา เขาไม่รู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ และได้จับตัวเย่เฟิงได้ด้วยความบังเอิญ จะเอากระดิ่งทลายวิญญาณมาจากไหน?”
“นั่นเพราะเขาโกหกเจ้า”
“เจ้าคิดว่าข้าตาบอดหรือ? แยกแยะไม่ได้แม้แต่ความถูกผิด?”
“ข้าก็บอกหมดแล้ว หากว่าเจ้าไม่เชื่อ ก็เชิญมาค้นได้เต็มที่”
เวินเส้าหยีเข้ามาอีกสองสามก้าว บนร่างแผ่ไอเย็นยะเยือกอย่างฉับพลัน
กู้ชูหน่วนสัมผัสได้ถึงแรงสังหารแฉลบตัวผ่านไป
หากว่าคำตอบของนางไม่สอดคล้องกับเวินเส้าหยี กลัวเพียงแค่เขาจะฆ่านางจริงๆ
กู้ชูหน่วนถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างกะทันหัน กุมหน้าอกของตัวเองไว้แน่น “ชายหญิงแตะเนื้อต้องตัวกันไม่ได้ เจ้ายังคิดจะค้นตัวข้าจริงๆอีกแน่ะ”
“คนตายแล้วก็จะไม่พูดจาเพ้อเจ้อมากมายแล้ว”
เวินเส้าหยีหยิบขลุ่ยหยกขาวขึ้นมาชื่นชมอย่างเบื่อหน่าย ในรอยยิ้มของการใคร่ครวญแฝงไปด้วยการเตือนเล็กน้อย
ดวงตาขาวดำที่แยกกันชัดเจนคู่นั้นของกู้ชูหน่วนกลอกวนไปมา คิดวิธีการหลบหนีนับไม่ถ้วน ทว่าทุกวิธีล้วนถูกนางปฏิเสธแล้ว
ความแตกต่างของความสามารถมีมากเกินไป นางหนีไม่รอดโดยสิ้นเชิง
เพียงแค่นางมีความคิดจะวิ่งหนี เวินเส้าหยีกระดิกนิ้วก็สามารถฆ่านางได้แล้ว
“กระดิ่งทลายวิญญาณข้าให้เย่จิ่งหานไปแล้ว เจ้าอยากได้กระดิ่งทลายวิญญาณ งั้นก็ต้องไปเอาที่เย่จิ่งหานด้วยตัวเอง แต่แผนที่บนกระดิ่งทลายวิญญาณ ข้าเคยเห็น ข้าสามารถพาเจ้าเข้าไปที่ปากปล่องภูเขาน้ำเต้าไปหามุกมังกรได้”
ดวงตาที่อ่อนโยนของเวินเส้าหยีหรี่ลงอย่างฉับพลัน
กู้ชูหน่วนแย่งพูดก่อน “ครั้งนี้ ข้าไม่ได้โกหกเจ้า ของสำคัญเช่นกระดิ่งทลายวิญญาณนั่น ข้าจะพกติดตัวตลอดได้อย่างไร ถ้าเจ้ายังไม่เชื่ออีก เช่นนั้นเจ้าก็ฆ่าข้าเถอะ ยังไงซะข้าก็หนีเจ้าไม่พ้น หากว่าเจ้าวิปริตเหมือนหัวหน้ากองธงกล้วยไม้เช่นนั้น งั้นข้ารีบตายแล้วรีบไปผุดไปเกิดก่อนยังจะดีซะกว่า”
“……”