อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 335 ดื้อรั้นไม่ฟังการตักเตือน
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 335 ดื้อรั้นไม่ฟังการตักเตือน
“ข้ารู้ว่าผิดไปแล้ว นายน้อยหัวหน้าเผ่าอภัยให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่”
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างบริสุทธิ์ไร้พิษภัย ทันทีที่ยกมือ ฉึบทันใดนั้นเข็มเงินสิบเล่มในมือ ปล่อยไปทางเวินเส้าหยีด้วยความรวดเร็วดั่งสายฟ้า
เวินเส้าหยีหัวเราะอย่างเย็นชาทีหนึ่ง แค่ยกมือขึ้นเบาๆ อาวุธลับสิบเล่มนั่นก็ร่วงกริ้งๆๆลงพื้นแล้ว
แม้แต่ดาวกระจายสามแฉกที่กู้ชูหน่วนปล่อยออกไปตอนหลังก็หยุดชะงักกลางอากาศ จากนั้นก็หยุดชะงักโค้งงอด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยสายตา สุดท้ายเคล้งเสียงหนึ่งก็ทยอยร่วงลงพื้นหมด
“ยังมีอุบายอะไรอีก ใช้ออกมาเลย”
สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็เป็นรอยยิ้มอันสดใสทันที
“ใช้อุบายต่อหน้าเจ้า เช่นนั้นก็ไม่ใช่รนหาความเดือดร้อนใส่ตัวหรือ? แต่ว่าที่ข้านี้มีของล้ำค่าอันหนึ่ง กลับอยากจะมอบให้เจ้า”
คำว่ามอบออกมา กู้ชูหน่วนก็ยกมือขึ้นอีก ลูกบอลรูปกลมๆจำนวนหลายสิบลูกก็ระเบิดออกทันที หลังจากที่ลูกบอลเล็กๆระเบิดแล้ว ผงพริกก็กระจายไปทุกทาง สำลักจนทำให้คนน้ำตาไหล ที่ยอดเขายังปรากฏหมอกเป็นชั้นๆอีกด้วย
กู้ชูหน่วนถอนเท้าได้ก็วิ่ง ทว่าวิ่งได้ไม่กี่ก้าว ข้อเท้าของนางก็ถูกจับไว้แล้ว
นางพลิกมือสะบัดโจมตีเข้าไป แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามคุมไว้แน่น
“ปังปังปัง……”
ทั้งสองแลกเปลี่ยนฝ่ามือกันหลายครั้ง แต่ท้ายที่สุดกู้ชูหน่วนก็เป็นผู้นั้นที่ถูกควบคุมไว้
ดึงเบาๆครั้งหนึ่ง
ข้อเท้าของกู้ชูหน่วนก็ถูกดึงขึ้น ร่างกายยืนได้ไม่มั่นคง ล้มหน้าทิ่มไปทีหนึ่ง
เจ็บ……นางเจ็บจะตายแล้ว
“นายน้อยหัวหน้าเผ่า เจ้าก็ช่างไม่รู้จักดูแลเอาใจใส่ผู้หญิงเกินไปแล้วละมั้ง” นางปัดฝุ่นบนตัว แล้วก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าทั้งตัวนี้ขัดหูขัดตา จึงถอดออกโดยตรง เผยให้เห็นเสื้อผ้าสีเหลืองอ่อนแบบขนห่านในเดิมที
เวินเส้าหยีมองดูนางจากบนลงล่างด้วยความเฉยเมย ในแววตามีความทนไม่ได้เล็กน้อย
“ไปเถอะ ยังไม่ไปอีก ระวังมุกมังกรจะถูกแย่ง”
กู้ชูหน่วนนำทางไปด้านหน้าต่อ
เวินเส้าหยีตามอยู่ด้านหลัง เพียงแต่เขาได้สังเกตดูรอบๆอย่างละเอียดด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ สำหรับกู้ชูหน่วนก็มีการป้องกันอย่างแข็งแกร่งเป็นที่สุด
อ้อมผ่านเส้นทางหินที่ราบเรียบ กู้ชูหน่วนนำเขาทะลุผ่านถ้ำเล็กๆถ้ำแล้วถ้ำเล่า มาถึงสถานที่ที่มีต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีที่หนึ่ง
“น่าแปลก อุณหภูมิที่นี่สูงขนาดนี้ ต้นไม้เหล่านี้เติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ได้อย่างไร?”
“ในนี้คือม่านอาคม ต้นไม้ในม่านอาคมจะไม่ได้รับผลกระทบจากทะเลโลหิต”
เช่นนั้นนางเข้ามาสู่ม่านอาคมได้อย่างไร?
บนแผนที่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ทำสัญลักษณ์ว่าที่นี่คือม่านอาคมนี่นา?
“ด้านหน้าไม่มีทางแล้ว” เวินเส้าหยีกล่าว
กู้ชูหน่วนเหลือบตาขึ้น เวลานี้พวกเขายืนอยู่ตรงสถานที่คอขวดที่น่าจะเป็นปากปล่องภูเขาน้ำเต้า และไม่ได้ไปถึงส่วนยอดของปากปล่องภูเขาน้ำเต้าอย่างแท้จริง
เดินตามแผนที่ ผ่านแม่น้ำสายนี้ก็จะสามารถถึงได้โดยตรงถึงจะถูก
“ไปยังไง?”
“เครื่องหมายบนแผนที่ เดินไปทางด้านใน?”
กู้ชูหน่วนชี้ไปทางบนขอบของทะเลโลหิต
ที่คอขวดที่พวกเขายืนอยู่ รอบๆมีเพียงสามเส้นทาง
เส้นหนึ่งคือทะเลโลหิตที่เดือดพลุ่งพล่าน
เส้นหนึ่งคือหน้าผาสูงชันกว่าหมื่นจั้ง
ยังมีอีกทางหนึ่งก็คือสถานที่ที่พวกเขาเดินผ่านมาเมื่อครู่
นอกจากนี้ ก็ไม่มีทางที่สี่ให้เลือกเดิน
แต่ที่กู้ชูหน่วนชี้กลับเป็นทะเลโลหิตที่เดือนพลุ่งพล่าน
อุณหภูมิของทะเลโลหิตมีอยู่หลายพันองศาเต็มๆ ทั้งยังเป็นทะเลโลหิตที่กว้างใหญ่เส้นหนึ่ง ไม่ด้อยไปกว่าแม่น้ำ มองคร่าวๆแล้ว น่าจะทะเลโลหิตที่ใหญ่ที่สุดของภูเขาน้ำเต้า
คิดจะข้ามผ่านทะเลโลหิตไปยังฝั่งตรงข้าม ยากกว่าการปีนขึ้นสวรรค์โดยแท้จริง
“พระชายาหาน เจ้าคิดว่าการล้อเล่นนี้น่าขันมากหรือไม่?”
“โธ่โว้ย ข้าพูดโกหกเจ้าไม่เชื่อ ข้าพูดจริงเจ้าก็ไม่เชื่อ เครื่องหมายบนแผนที่ คือต้องข้ามทะเลโลหิตไปจริงๆนี่”
ฟ้าดินเป็นพยาน ครั้งนี้ นางไม่ได้โกหกเขาจริงๆ
ตัวนางเองก็สงสัยว่า ตัวเองถูกแผนที่บนกระดิ่งทลายวิญญาณหลอกแล้วหรือไม่
นางวัดด้วยสายตา คิดจะข้ามผ่านทะเลโลหิตเส้นนี้ อย่างน้อยก็ต้องทะลุผ่านความกว้างหลายร้อยเมตรไป