อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 336 สัตว์อสูรระดับเจ็ด
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 336 สัตว์อสูรระดับเจ็ด
ล้อเล่นอะไร แม้ว่านางจะมีผลึกเกล็ดหิมะอยู่กับตัว เผชิญหน้ากับทะเลโลหิตปริมาตรกว้างใหญ่ขนาดนี้ก็รับไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการไหลผ่านไปตรงๆแล้ว
แม้คิดจะสร้างสะพานเส้นหนึ่งที่ทะเลโลหิต ในโลกก็ไม่มีสะพานที่ยาวเช่นนี้ แม้ว่าจะมี สะพานที่ดีเพียงใดก็จะถูกละลายด้วยอุณหภูมิไปโดยตรง
“หากเจ้าไม่เชื่อ ข้าจะวาดแผนที่ทั้งหมดให้เจ้าดู ในสมองของข้ายังมีความทรงจำรางๆเล็กน้อย”
กู้ชูหน่วนเอ่ยพลาง หยิบกิ่งไม้แห้งขึ้นมาอันหนึ่ง วาดๆถูๆลงบนพื้นดิน
นางลบพวกสัญลักษณ์ลูกศรทั้งหมดออก และไม่ได้วาดแผนที่ทั้งหมดของภูเขาน้ำเต้าออกมา วาดเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้น
เวินเส้าหยีมองดูนางวาดแผนที่อยู่ตลอด
กู้ชูหน่วนอาจจะไม่รู้ แต่เขาสามารถมองออกได้ สถานที่ไม่กี่ที่ที่พวกเขาเดินผ่าน ไม่ได้มีเพียงม่านอาคม ยังมีค่ายกลโบราณอีกมากมาย เพียงเพราะมีแผนที่ พวกเขามาตามแผนที่ดังนั้นจึงผ่านมาได้อย่างปลอดภัย
หากเป็นคนที่ไม่มีแผนที่ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับความบาดเจ็บเสียหาย แล้วมองดูสายตาที่สับสนยั่วยวนของนาง เวินเส้าหยีมั่นใจ ครั้งนี้นางไม่ได้โกหกเขา
ดูแผนที่อยู่เป็นเวลานาน เวินเส้าหยีก็ทำให้กระจ่างไม่ได้ ทำไมบนแผนที่ถึงให้พวกเขาข้ามผ่านทะเลโลหิตที่เดือนพลุ่งพล่านไป
หรือว่า หลายพันปีก่อน เดิมทีที่นี่นั้นไม่ได้มีทะเลโลหิตงั้นหรือ?
“นี่ ข้าไม่ได้โกหกเจ้าใช่ไหมล่ะ ครั้งนี้ไม่ใช่ว่าข้าไม่พาเจ้าไป แต่ตัวข้าเองก็ข้ามไปไม่ได้ หากว่าเจ้าสามารถพาข้าข้ามไปได้อย่างปลอดภัย ข้ายังจะสามารถคิดแผนที่ด้านหลังไปพลางได้ แล้วพาเจ้าเข้าไป”
“เจ้าวาดแผนที่ด้านหลังออกมาพร้อมกัน”
“ในนี้อุณหภูมิสูงเกินไป อบจนข้าปวดหัว สมองของข้าว่างเปล่าไปหมด อะไรก็คิดไม่ออกเลย”
“ครืน…….”
ปลายอีกด้านหนึ่งของคอขวด มีเสียงการสั่นไหวดังขึ้นเป็นระยะๆอย่างฉับพลัน แม้แต่ทะเลโลหิตแห่งภูเขาน้ำเต้าทั้งลูกก็สั่นสะเทือนตามด้วยเช่นกัน
“โฮก……”
ก็ไม่รู้ว่าเป็นสัตว์ป่าอะไรส่งเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว เสียงสะท้อนพุ่งกระทบยอดเขาทั้งลูกโดยตรง
“อ้า…….”
“ฟู่ว……”
จากนั้นก็ตามด้วยเสียงร้องอันน่าเวทนาทันที
แววตาของกู้ชูหน่วนเฉียบคมทันใด
“เสียงอะไร เหมือนจะอยู่ตรงข้ามพวกเรา”
“เป็นสัตว์อสูรชั้นกลางระดับหก น่าแปลก ในนี้จะมีสัตว์อสูรระดับสูงเช่นนี้ได้ยังไง” เวินเส้าหยีพึมพำกับตัวเอง ในใจค่อนข้างมีความกังวลอยู่ไม่มากก็น้อย
ผู้อาวุโสไม่กี่ท่านคงไม่ได้อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยหรอกนะ?
หากว่าพวกเขาอยู่ฝั่งตรงข้าม กลัวเพียงแค่พวกเขาจะไม่ใช่คู่ต่อกรของสัตว์อสูรระดับหก
“โฮก……”
ฟ้าดินเปลี่ยนสี เสียงมีดดาบต่อสู้ปะทะกันดังขึ้นในขณะนี้ ยอดเขาสั่นไหวครั้งแล้วครั้งเล่า
แม้แต่ทะเลโลหิตที่เดือดระอุก็สั่นไหวไม่หยุด
“โฮกโฮกโฮก…….”
เสียงคำรามของสัตว์ป่า ตัวหนึ่งรับกับอีกตัวหนึ่ง
ในที่สุดสีหน้าของเวินเส้าหยีก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ไม่ได้มีเพียงสัตว์อสูรระดับหกตัวเดียว กู้ชูหน่วน เจ้านำทางเดี๋ยวนี้ พาข้าไปฝั่งตรงข้าม”
“พี่ชาย ที่นี่มีเพียงสามเส้นทาง ข้าจะพาไปยังไง เดินไปทางที่มาเถอะ”
“ทางที่มาไกลเกินไป พวกเขาต้านทานไม่ไหว”
“เช่นนั้นข้าก็จนปัญญา ข้าก็มาเป็นครั้งแรก ไม่คุ้นเคยต่อที่นี่เป็นอย่างมาก”
กู้ชูหน่วนแทบอยากจะให้คนพวกนั้นถูกกัดตายให้หมดให้แล้วๆกันไป
ยังไงซะก็ไม่ใช่คนดีสักคน
“ปังปัง……”
ไม่รู้ว่าการต่อสู้ตรงนั้นรุนแรงเกินไปหรือไม่ กวนให้ทะเลโลหิตสั่นไหวไม่หยุด
ในทันในนั้น มังกรยักษ์ตัวหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากทะเลโลหิตเบื้องหน้าของพวกเขา เหาะพุ่งตรงไปยังขอบฟ้า
การโจมตีของลูกบอลไฟยักษ์ม้วนกลิ้งพ่นมาทางพวกเขา
ม่านตาของกู้ชูหน่วนหดลงมาก
คิดไม่ถึงว่ามังกรยักษ์ตัวนี้จะยาวเกือบร้อยเมตร สีเหลืองทองทั้งตัว แล้วก็หลบซ่อนอยู่ภายใต้ทะเลโลหิต
นี่คือมังกรอะไร?
ดำรงชีวิตได้ด้วยทะเลโลหิตงั้นหรือ?
และดูลูกบอลไฟนั่นอีก ไม่ได้เป็นหินหลอมเหลวของทะเลโลหิตหรือ?
พระเจ้า
หากว่าถูกพ่นโดน นางยังจะมีชีวิตรอดอีกหรือ?
กระดูกจะต้องถูกหลอมละลายจนไม่เหลือไปโดยตรงเลยสินะ
ขอบเขตการโจมตีของลูกบอลไฟนั้นใหญ่เกินไป กู้ชูหน่วนไม่มีทางจะหลบเลี่ยงได้