อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 337 ตกหน้าผาไปทั้งคู่ เป็นตายในพริบตา
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 337 ตกหน้าผาไปทั้งคู่ เป็นตายในพริบตา
แล้วในขณะที่ลูกบอลไฟใกล้จะสาดถึงตัวนาง พลังฝ่ามือที่รวดเร็วและดุดันหนึ่งได้สั่นสะเทือนลูกบอลไฟออกไปอย่างฉับพลัน
ต่อจากนั้น เวินเส้าหยีก็เหาะขึ้นบนอากาศ สองมือประกบกัน ใช้กำลังภายในออกมาเป็นแสงโคมสีขาวกระจายคลุมตรงจุดเชื่อมระหว่างทะเลโลหิตและหินหลอมเหลว กั้นการโจมตีอย่างต่อเนื่องของมังกรไฟ
ทันทีที่มังกรไฟแกว่งหาง แสงโคมสีขาวก็สั่นสะเทือนสองสามครั้ง
ตาข่ายขนาดใหญ่ไม่ได้ถูกสั่นคลอนออกไป มังกรไฟวนเวียนอยู่กลางอากาศ โจมตีตาข่ายขนาดใหญ่ทีละครั้งๆ ราวกับว่าต้องการจะกลืนกู้ชูหน่วนและเวินเส้าหยีลงท้องไปเช่นนั้น
“ปังปังปัง…….”
ทุกครั้งที่โจมตี แสงโคมก็อ่อนลงไปเล็กน้อย
เวินเส้าหยีเร่งสร้างความแข็งแกร่งของแสงโคมเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
“ปัง……”
แล้วก็เป็นเสียงการโจมตีครั้งใหญ่อีกรอบ พร้อมด้วยหินหลอมเหลวของทะเลโลหิตอันร้อนระอุที่กระเซ็นขึ้นเต็มฟากฟ้า
มุมปากของเวินเส้าหยีมีเลือดสดไหลออกมาเล็กน้อย
ดวงตาเดิมทีที่อบอุ่นและนิ่งสงบของเขาฉายแววความตกใจเล็กน้อยในพริบตา
สัตว์อสูรระดับเจ็ด…….
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสัตว์อสูรระดับเจ็ด ทั้งยังเป็นมังกรไฟที่มีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเป็นที่สุดอีก
เขากับเย่จิ่งหาน จอมมารเข้าไปสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ถึงกระนั้นพวกเขาสามคนก็เป็นเพียงแค่ขั้นสูงสุดระดับหกเท่านั้น
มังกรไฟเบื้องหน้านี้ไม่เพียงแค่ศักยภาพสูงกว่าเขา แต่ยังได้เปรียบด้านเวลาและสถานที่อีกด้วย ในนี้เป็นศูนย์กลางของทะเลโลหิต อุณหภูมิสูง มังกรไฟก็เหมือนดั่งปลาได้น้ำ แต่พวกเขากับอยู่ในสถานการณ์เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
เมื่อเห็นว่าแสงโคมแทบจะทนไม่ได้แล้ว เวินเส้าหยีขมวดคิ้วกล่าว “เจ้าไปก่อน”
“งั้นเจ้าล่ะ”
แม้กู้ชูหน่วนจะตาบอดก็มองออก ความสามารถของเวินเส้าหยีอ่อนแอกว่ามังกรไฟตัวนี้มาก ที่สำคัญที่สุดคือดูเหมือนว่ามังกรไฟตัวนี้จะเริ่มฉลาดขึ้นแล้วเช่นนั้น รู้ว่าเขากลัวหินหลอมเหลวทะเลโลหิตดังนั้นจึงได้กวนทะเลโลหิตขึ้นไปทั่วท้องฟ้า เหวี่ยงไปทางเวินเส้าหยีต่อเนื่องกันโดยไม่ขาดสาย
ไม่เอ่ยถึงหัวมังกรของมันที่โจมตีแสงโคมอย่างต่อเนื่อง แค่พูดถึงหินหลอมเหลวเหล่านั้น ก็เพียงพอให้เวินเส้าหยีกระอักเลือดแล้ว
พริบตานั้นที่เห็นว่าอันตรายกำลังจะมาถึง เขาไม่ได้ให้นางรับเคราะห์แทน และไม่กลัวว่านางจะฉวยโอกาสหนี แต่ยังให้นางไปก่อนอีก
กู้ชูหน่วนกล่าว “ไม่ใช่ว่าเจ้าสามารถรวมน้ำให้เป็นน้ำแข็งได้หรือ น้ำสยบไฟได้ เจ้าลองโจมตีด้วยน้ำดูสิ”
โจมตีด้วยน้ำ?
เขาก็เคยคิด
เพียงแต่น่าเสียดาย ในนี้มีเพียงทะเลโลหิต ไม่มีน้ำ แม้ว่าเขาจะมีความคิดก็ไร้กำลัง
กู้ชูหน่วนเหวี่ยงน้ำออกมาถังหนึ่งจากแหวนมิติ ร่างกายเหมือนดั่งปลาไหลเช่นนั้น หนีออกไปทางที่มาด้วยความรวดเร็ว
“นี่คือน้ำสะอาดทั้งหมดที่ข้าสะสมไว้ เจ้าดูว่าสามารถช่วยเจ้าได้หรือไม่ สถานการณ์คับขัน ข้าไปก่อนแล้วนะ”
ไม่ใช่ว่านางไม่อยากอยู่ต่อ แต่สงครามใหญ่ระดับนี้ แม้ว่านางจะอยู่ต่อ ก็ไม่มีความหมายใดๆ
ระดับสองนางยังสู้ไม่ได้ นับประสาอะไรกับระดับเจ็ด
ล้อเล่นอะไรกัน เวินเส้าหยีร่วมมือกับเย่จิ่งหานก็ไม่แน่อาจจะสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
พริบตานั้นที่นางกำลังจะเริ่มหนี แสงโคมแตกสลาย
เวินเส้าหยีเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว ดึงพิณหยกขาวออกมาจากช่วงเอวทันที และไม่รู้ว่าทำอย่างไร พิณหยกขาวอันเล็กๆได้เปลี่ยนเป็นใหญ่ขึ้นในทันที
“ตึ้งตึ้งตึ้ง…….”
เสียงไพเราะรื่นหูของพิณดังขึ้น บางเวลาฮึกเหิม บางเวลาอ้อยอิ่ง และบางเวลาก็ทุ้มต่ำ แต่ละเสียงวนเวียนอยู่ในทะเลโลหิตแห่งภูเขาน้ำเต้า
ตามด้วยเสียงของพิณที่ดังขึ้น ลมเมฆระหว่างท้องฟ้าและพื้นดินก็เปลี่ยนสี แม้แต่ท้องฟ้าที่ครอบปฐพีก็ล้วนเป็นสายพิณที่เป็นสายขาดๆตีเข้าหากัน
“โครม…….”
ยอดเขาที่อยู่ไม่ไกลออกไปถูกระเบิดออกเป็นชั้นๆ กู้ชูหน่วนแทบจะถูกก้อนหินขนาดใหญ่กระแทกบนตัว ยังดีที่วิชาตัวเบาของนางว่องไว หลบได้ทันเวลา
“ซืด…….”
ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์ถูกลูกบอลไฟปกคลุมเข้า เพลิงลุกไหม้ขึ้นในพริบตา ทันทีที่ปล่อยออกไปก็ลุกลามจนไม่สามารถจัดการได้ คอขวดน้ำเต้ามหึมาก็เป็นทะเลเพลิงทั้งผืน
สถานการณ์เพลิงไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็วเกินไป เส้นทางด้านหน้าของกู้ชูหน่วนถูกขวางกั้นไว้อีกครั้ง
นางกัดฟัน ยกวิชาตัวเบาไปถึงขั้นสุดยอด ไม่แยแสต่อเพลิงที่ลุกโหมกระหน่ำ ทะลุผ่านไปโดยตรง
“ตึ้งตึ้งตึ้ง……”
เสียงพิณฮึกเหิมขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งก็คลอไปด้วยเสียงร้องของมังกร
กู้ชูหน่วนที่สาวเท้าด้วยความรวดเร็วฟังออกแล้ว
แม้ว่าจะยังคงดีดเสียงพิณสบายๆรื่นหูอยู่ แต่กลับค่อยๆตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เห็นได้ว่าพลังหล่อเลี้ยงร่างกายไม่เพียงพอเล็กน้อย
เวินเส้าหยีได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว……
ขณะที่กู้ชูหน่วนลังเลว่าจะต้องย้อนกลับไปช่วยเวินเส้าหยีหรือไม่ อุณหภูมิในอากาศก็ลดลงมามากอย่างฉับพลัน ถึงกระทั่งยังมีหิมะตกลงมาช้าๆอีกด้วย
ฤดูนี้จะมีหิมะได้อย่างไร?
ในนี้มีน้ำอยู่ไม่มาก แล้วจะรวมเป็นหิมะได้อย่างไรกัน?
หรือว่า เวินเส้าหยีใช้กำลังภายในทำออกมา
ความรู้สึกนึกคิดยังหมุนวนไม่ชัดเจน ก็ไม่รู้ว่าเวินเส้าหยีใช้วิธีการใดในการปลีกตัว ไล่ตามนางได้แล้ว
เสียงของเขารีบร้อนเล็กน้อย “รีบไป”
“ข้าขุดพลังทั้งหมดของตัวเองออกมาใช้แล้ว”
ทั้งสองเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กัน ความรวดเร็วราวกับสายฟ้า
ทะเลโลหิตทั่วทั้งท้องฟ้าตกลงมาจากฟากฟ้าราวกับฝนเลือด เพียงแค่หินหลอมเหลวหรือหญ้าไฟที่ถูกฝนเลือดตกโดน ก็ไม่มีที่ไม่หลอมละลายหรือเผาไหม้ไปด้วยความราวเร็ว
เวินเส้าหยีเดินไปพลาง ใช้ฝ่ามือสั่นสะเทือนเลือดฝนออกไปพลาง
ภูเขาหินหลอมเหลวที่อยู่ดีๆนั่น แตกออกเป็นถ้ำขนาดใหญ่ถ้ำหนึ่งโดยฉับพลันอย่างเหนือความคาดหมาย
ชั่วนาทีนั้นทั้งสองคนไม่ทันได้ระวัง เท้าเหยียบอากาศ
“อ้า…….”
เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้น
กู้ชูหน่วนและเวินเส้าหยีตกหน้าผาไปโดยตรง เสียงร้องด้วยหวาดกลัวสะท้อนอยู่ในยอดเขา
สีหน้าของเวินเส้าหยีเปลี่ยนไปทันที เขาใช้ลูกตุ้มพันชั่งถ่วงลงไปด้วยความรวดเร็ว มือหนึ่งโอบเอวกู้ชูหน่วนไว้ มือหนึ่งจับกำแพงหินไว้ พยายามใช้กำแพงทำให้ความเร็วในการตกลงไปของตัวเองลดลง
“ซือ……”
มือคู่นั้นที่เรียวยาวงดงามดั่งหยก ถูกหินที่นูนออกมาทำให้ได้รับบาดเจ็บ เลือดสดหลั่งริน
แต่เขายังคงจับกำแพงหินไว้ตลอด ไม่ยอมปล่อยโอกาสใดๆไปสักน้อย
เบื้องล่างเป็นทะเลโลหิตอันร้อนระอุ ตกลงไปก็ต้องตายโดยไร้ข้อกังขา
แต่เขา ยังมีภารกิจมากมายเกินไปที่ยังทำไม่สำเร็จ เขาจะตายไม่ได้…….
เวินเส้าหยีร้อนใจ ยิ่งร้อนใจ เขาก็ยิ่งคว้าหินไว้ไม่ได้
มือ……
ความเจ็บปวดเหมือนฉีกขาดเช่นนั้น เวินเส้าหยีล้วนสงสัยแล้วว่ามือคู่นั้นได้พิการไปแล้ว ไม่ได้เป็นมือของเขาอีกแล้ว
แล้วในขณะที่เขาสิ้นหวัง ในที่สุดเวินเส้าหยีก็คว้าหินไว้ได้ ฝืนหยุดความเร็วในการร่วงตกหน้าผาไว้
“ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่” เขาเอ่ยปากอย่างกะทันหัน
สิ้นสุดคำพูด เขาเองก็ตะลึงงันแล้ว
กู้ชูหน่วนจะกลัวหรือไม่กลัว เกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?
จิตใจของกู้ชูหน่วนดุจดั่งหินหลอมเหลวในทะเลโลหิตเช่นนั้น พลุ่งพล่านอย่างต่อเนื่อง
แต่ละฉากทั้งหมดนั่นล้วนอยู่ในสายตา ระหว่างความเป็นความตาย เวินเส้าหยีก็ไม่ได้ละทิ้งนาง กลับพยายามสุดความสามารถของตัวเองเพื่อช่วยนาง
แล้วมองไปที่มือของเขาที่จับหินไว้ เลือดสดหยดติ๋งๆ ย้อมมือของเขาเป็นสีแดง และย้อมเสื้อผ้าสีขาวดั่งหิมะของเขาเป็นสีแดงด้วย แดงทิ่มแทงตาของนาง
“ปล่อยข้า เจ้ายังอาจจะมีโอกาสรอดชีวิต พาข้าไป น้ำหนักของคนสองคนหนักเกินไป ไม่ว่าใครก็ไม่รอด” เสียงของกู้ชูหน่วนทุ้มต่ำ ดวงตาสีดําขาวที่แยกอย่างชัดเจนอึมครึมยากที่จะเข้าใจ
“ไม่มีเจ้า ข้าจะหามุกมังกรเจอได้อย่างไร”
เวินเส้าหยีพ่นคำพูดออกมาอย่างเย็นชา กู้ชูหน่วนแคลงใจว่าทุกอย่างเมื่อครู่นี้เป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่
เวินเส้าหยีช่วยนางเพราะสัญชาตญาณ หรือว่าเพื่อเบาะแสของมุกมังกรถึงได้ช่วยนางกันแน่?
เมื่อก้มหน้ามอง เบื้องล่างคือทะเลโลหิตที่ร้อนระอุ คลื่นความร้อนอันร้อนผ่าวที่ลงไปทีละชั้นถาโถมขึ้นมา
นางรู้สึกหนาวจับใจอย่างฉับพลัน “ด้านข้างมีหินก้อนหนึ่ง เจ้าเหวี่ยงข้าไปก่อน แล้วตัวเองค่อยกระโดดขึ้นมา เร็วเข้า” ช้าไปแล้ว รอจนเขาหมดแรงกำลัง ทั้งสองคนล้วนต้องตาย
“ได้……”
คำว่าได้ของเวินเส้าหยีเพิ่งจะออกมา มือที่คว้าหินไว้รับน้ำหนักถ่วงรั้งของคนสองคนไม่ได้ ปึงเสียงหนึ่งแตกสลาย ทั้งสองร่างร่วงตกลงไปอย่างรุนแรงอีกครั้ง ตกลงไปทางเหวลึก
“เหี้ย……”
กู้ชูหน่วนอดไม่ได้ระเบิดคำหยาบแล้ว
หรือว่าวันนี้จะต้องตายอยู่ในนี้แล้วงั้นหรือ?
ในใจของเวินเส้าหยีก็มีความรู้สึกไร้แรงกำลังขึ้นมาทีละชั้นแล้ว
เขาคิดแล้วคิดอีก ก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะจบชีวิตอยู่ในทะเลโลหิตแห่งนี้