อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 350 ลาก่อน
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 350 ลาก่อน
เย่จิ่งหานรวบรวมสมาธิและลมหายใจ พยายามปรับลมปราณของตัวเอง ทำให้ตัวเองรักษาสภาพที่ดีที่สุดไว้ พยายามถอนพิษร้ายที่เหลืออยู่น้อยนิดตรงส่วนขาออกไปให้หมดโดยเร็ว รีบฟื้นวิทยายุทธคืนมาให้เร็วที่สุด
มุกมังกร เขาก็ตั้งใจจะเอามาให้ได้
ในที่ราบระหว่างภูเขาทางทิศตะวันตก
สถานการณ์ของอี้เฉินเฟยแย่ลงเรื่อยๆ
กู้ชูหน่วนใช้ความสามารถทั้งตัวอย่างสุดความสามารถ ก็ไม่สามารถตรวจหาต้นเหตุที่มาอาการป่วยของเขาได้ ยิ่งไม่สามารถรักษาร่างกายที่ค่อยๆทรุดโทรมย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆของเขาได้
นางกระวนกระวายใจแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกถึงความจนปัญญาอย่างลึกซึ้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ฝูกวงยืนรออยู่ข้างๆตั้งแต่ต้น บนใบหน้าอันอ่อนเยาว์สง่างามสะอาดสะอ้านไม่มีความรู้สึกใดๆ ราวกับชินชาต่อทุกอย่างแล้ว
กู้ชูหน่วนสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของเขา เอ่ยถาม “เจ้ารู้ว่าเขาเป็นโรคอะไรหรือไม่?”
“ข้าน้อยไม่รู้”
“อดีตเจ้าเคยเป็นคนของเขา ข้าจึงถามเจ้า ก่อนหน้านี้โรคของเขากำเริบบ่อยใช่หรือไม่?”
“เคยกำเริบขอรับ แต่หมอเทพผู้หนึ่งได้ยับยั้งเลือด……บาดแผลของเขาไว้ เจ้าสำนักไม่ได้อาการกำเริบนานมากแล้วขอรับ”
“หมอเทพคนไหน? เขาอยู่ที่ไหน ข้าไปหาเขา” ดวงตาของกู้ชูหน่วนเปล่งประกาย
แต่ดวงตาของฝูกวงกลับสลัวลง
หมอเทพที่ไหน?
แน่นอนว่าเป็นนาง
ก่อนหน้านี้นางใช้กำลังภายในสูงสุด ทั้งยังได้ชดใช้อะไรไม่มากมาย จึงสามารถยับยั้งคุมเจ้าสำนักชิงไว้ได้
ในเผ่าของพวกเขา เจ้าสำนักชิงไม่ได้อาการกำเริบมาปีกว่าแล้ว เป็นคนที่ทุกคนต่างอิจฉา
สถานการณ์เช่นนี้ ในเผ่าล้วนมีการแสดงอยู่ทุกวัน
เมื่อคิดถึงภาพคนในเผ่าแต่ละคนที่อาการคำสาปโลหิตกำเริบท่าทางเหมือนตายทั้งเป็น รวมทั้งภาพคนสูญเสียความทรงจำที่เปลี่ยนไปจนโหดเหี้ยมทารุณกลายเป็นเครื่องมือของนักฆ่าสังหารญาติพี่น้องคนสนิทของตัวเองแล้วก็เสียใจโทษตัวเอง ทำให้ฝูกวงกำหมัดแน่นจนเสียงดังกึกโดยตรง
“ทำไมไม่พูดจา?”
“นายหญิง หาหมอเทพผู้นั้นเจอก็ช่วยไม่ได้ ตอนนั้นนางใช้ทุกวิถีทางแล้ว ก็ทำได้เพียงฝืนยับยั้งบาดแผลของเจ้าสำนักชิงเท่านั้น คิดจะรักษาให้หายขาดมีเพียงรวมมุกมังกรให้ได้เจ็ดเม็ดเท่านั้น สำนักอสุราสิ้นเปลืองคนไปแล้วหลายรุ่น หาได้เพียงสี่เม็ด ยังมีอีกสามเม็ดที่ยังหาไม่เจอ”
มุกมังกรเจ็ดเม็ด?
ไม่ใช่ว่าทะเลโลหิตแห่งภูเขาน้ำเต้ามีอยู่เม็ดหนึ่งหรือ?
หากว่าหาพบแล้ว ก็รวมครบสี่เม็ดแล้ว
กู้ชูหน่วนชำเลืองมองไปยังปากปล่องของภูเขาน้ำเต้า
หากมีเพียงมุกมังกรที่สามารถช่วยเขาได้ เช่นนั้นไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องเอามุกมังกรมาให้ได้
กู้ชูหน่วนคลุมเสื้อตัวหนึ่งให้อี้เฉินเฟยที่ยังหมดสติอยู่ ตัวเองถูๆวาดๆอะไรบางอย่างบนพื้นดิน ในตาฉายแววการคำนวณอยู่บ่อยๆ
ฝูกวงรู้ นายหญิงกำลังวางแผน นางต้องการจะแย่งชิงมุกมังกรเม็ดนั้น
“ครั้งนี้สำนักอสุราของพวกเจ้ามากันกี่คน?”
“เจ้าสำนักเคยมอบหมายไว้ สำนักอสุราไม่เข้าร่วมในการแย่งชิงมุกมังกร ดังนั้นสำนักอสุรานอกจากเจ้าสำนักชิงแล้ว ก็ไม่มีใครมาสักคน”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วแน่น
“สักคนก็ไม่มา?”
“ใช่ขอรับ แต่มียอดฝีมือมากมายที่มาจากเผ่าหยกขอรับ”
“เผ่าหยก? นั่นเป็นเผ่าอะไรอีก?” ทำไมนางไม่เคยได้ยินมาก่อน
“เผ่าหยกเป็นเผ่าโบราณเผ่าหนึ่ง เหมือนกับเผ่าเทียนเฟิ่น มีประวัติศาสตร์นับพันปี เผ่าหยกและเผ่าเทียนเฟิ่นไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ แต่กลับมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับสำนักอสุราของพวกเรา พูดให้ถูกเจ้าสำนักชิงก็คือคนของเผ่าหยก สำนักอสุราเป็นเพียงแค่ที่ปิดบังตัวตนในโลกมนุษย์ของเขาที่หนึ่งเท่านั้นขอรับ”
“ดังนั้น คุณชายสามแห่งสำนักหรูเจีย ทำเพื่อปิดบังตัวตนว่าเขาเป็นเจ้าสำนักชิงแห่งสำนักอสุรา และเจ้าสำนักชิงแห่งสำนักอสุรากลับเป็นเพราะซ่อนตัวตนเผ่าหยกของเขา”
“ทำนองนั้นล่ะขอรับ”
“แล้วทำไมเขาถึงไม่สามารถเปิดเผยตัวตนเผ่าหยกไปตรงๆได้? หรือกลัวคนของเผ่าเทียนเฟิ่นจะไล่ฆ่างั้นหรือ?”
แต่สำนักอสุรากับเผ่าเทียนเฟิ่นก็เหมือนดั่งน้ำกับไฟ แม้ว่าจะไม่เปิดเผยออกมา คนของเผ่าเทียนเฟิ่นก็จะไม่ปล่อยเขาไปเช่นกัน
“นายหญิง เรื่องราวเหล่านี้ซับซ้อนมาก เวลาสั้นๆข้าน้อยก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ข้าน้อย……ข้าน้อยก็ไม่ใช่คนของเผ่าหยกจริงๆ ข้าน้อยเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่เจ้าสำนักเก็บกลับมาเท่านั้นขอรับ”
“ข้าถามเจ้าคำสุดท้าย หากว่าข้าสามารถช่วยเผ่าหยกหามุกมังกรได้ การกระทำนี้ เผ่าหยกจะฟังคำสั่งของข้าหรือไม่?”
“ได้แน่นอนขอรับ” นายหญิงคือหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยก ทุกคนในเผ่าหยกไม่มีผู้ใดไม่กล้าฟังคำสั่งของนาง
“ได้” กู้ชูหน่วนยกยิ้มขึ้น ในใจมีความมุ่งมั่นต้องทำให้ได้
แม้จะลิขิตไว้ว่าจะต้องเกิดพายุลมฝนขึ้น เช่นนั้นก็ให้พายุลมฝนมาแบบดุดันยิ่งขึ้นอีกหน่อยละกัน
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่เย่เฟิงมอบขนมกลีบดอกไม้สองสามชิ้นให้ฮองเฮาฉู่ ทันทีที่เขายิ้ม แม้ว่าจะเหงาหงอยแต่ก็แฝงด้วยความสุขเล็กน้อย
“ฮูหยิน ตรงนี้เป็นก้อนหินทั้งหมด หญ้าเล็กเติบโตยาก แต่พื้นที่ราบระหว่างภูเขาทางนั้นกลับมีต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี ทั้งยังมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ไม่น้อย ข้าจึงทำขนมกลีบดอกไม้นิดหน่อย ท่านลองชิมดูว่ารสชาติถูกปากหรือไม่ แฮ่มแฮ่ม……”
“เจ้าบาดเจ็บสาหัสเพียงนี้ ยังยุ่งอยู่กับการทำสิ่งเหล่านี้อีก”
“ไม่เป็นไร” นางไม่กินไม่ได้ดื่มมาสองสามวันแล้ว คิดว่าจะต้องหิวสุดๆเป็นแน่
ขนมกลีบดอกไม้ไม่ได้มาก คิดว่าเพราะกลีบดอกไม้มีจำกัด ทว่าแต่ละชิ้นทำได้อย่างประณีตมาก และรูปร่างของขนมกลีบดอกไม้ทุกชิ้นก็ไม่เหมือนกัน ดูออกได้ว่า เขาตั้งใจทำจริงๆ
ขนมกลีบดอกไม้ไม่เพียงมีกลิ่นหอม แต่ยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้จางๆ ไม่ต้องเอ่ยถึงกิน แค่มองสองสามทีก็รู้สึกสบายใจ
“สวยจริงๆ ข้ายังไม่เคยเห็นขนมกลีบดอกไม้ที่สวยงามเช่นนี้มาก่อน”
“หากฮูหยินชอบ ต่อไปข้าจะทำให้ท่านกินทุกวัน” เย่เฟิงเก็บไว้ให้พวกกู้ชูหน่วนสองสามชิ้น ที่เหลือล้วนเอาให้ฮองเฮาฉู่ทั้งหมด
สีหน้าของเขาซีดเผือด เท้าทั้งคู่เลื่อนลอย แต่เขายังฝืนบีบยิ้มออกมา
“เด็กดี เจ้าบาดเจ็บอยู่ ต่อไปอย่าทำเรื่องเหล่านี้อีก ข้าไม่หิว เชื่อว่าแม่นางกู้ก็คงไม่อยากเห็นเจ้าลำบากเหน็ดเหนื่อยทั้งที่ยังบาดเจ็บอยู่เช่นกัน”
“อื้ม”
เย่เฟิงเหลือบมองกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆอย่างเป็นห่วง
นางถูๆวาดๆอะไรบางอย่างบนพื้นดินอยู่ตลอด และไม่รู้ว่ากำลังคิดจะรักษาอาการป่วยของเจ้าสำนักชิงหรือไม่
น่าเสียดาย เขาช่วยอะไรไม่ได้สักอย่าง ทั้งยังเป็นตัวถ่วงนางอยู่ตลอดอีก
“มา เจ้าก็กินสักหน่อยเถอะ”
ฮองเฮาฉู่หยิบขนมกลีบดอกไม้ส่งให้เขาชิ้นหนึ่ง
ป่าเขาทุรกันดาร แม่ลูกคู่หนึ่งมองหน้ากันและยิ้ม แม้ว่าจะเป็นขนมกลีบดอกไม้ที่ธรรมดามากๆ แต่สำหรับพวกเขากลับเป็นอาหารอันโอชะ
“ดูเสื้อผ้าเจ้าขาดซะ ข้าไม่ได้มอบเสื้อผ้าให้เจ้าชุดหนึ่งแล้วหรือ? ทำไมไม่ใส่”
เย่เฟิงจัดเสื้อผ้าให้เข้ารูป เสื้อผ้าเขาถูกแทงทะลุหมดแล้ว เสื้อผ้าทั้งตัวกลายเป็นผ้าเลือด ฝืนๆก็พอจะปิดบังร่างกายได้เท่านั้น
“รอจนออกจากที่นี่แล้ว ข้าค่อยใส่” เสื้อผ้าสวยงามขนาดนั้น เขาจะทำใจใส่ได้ลงได้อย่างไร
“ดี รอให้ออกจากที่นี่แล้ว ข้าค่อยทำให้เจ้าอีกสองสามชุด”
“ขอบพระทัยฮูหยินขอรับ”
“เด็กน้อย เจ้า…….ให้ข้าดูไหล่ด้านหลังของเจ้าได้หรือไม่”
ฮองเฮาฉู่พูดพลาง ก็อดไม่ได้ยื่นมือออกไปโดยควบคุมไม่ได้
เย่เฟิงตระหนกทันที ถอยหลังไปสองสามก้าว “ฮูหยิน เย่เฟิงเป็นเพียงคนที่ร่างกายไม่สมประกอบคนหนึ่ง ทำให้ฮูหยินตกใจแล้วก็ไม่ดีแล้วขอรับ”
“ข้าดูเพียงแวบเดียว…….ช่างเถอะ เช่นนั้นเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้ามีปานอะไรที่ไหล่ด้านหลังหรือไม่?”
เขาเป็นเพียงทาสบำเรอ คิดว่าคงกลัวคนแตะต้องเขาเป็นที่สุด
ครั้งก่อนที่สัมผัสเขา การตอบสนองของเขาก็แรงมาก
“ฮูหยิน ท่านถามข้าหลายครั้งแล้ว หลังไล่ของข้าไม่มีปานอะไรเลยจริงๆขอรับ”
“ใช่หรือ……” ฮองเฮาฉู่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง กินขนมกลีบดอกไม้ก็กลับไร้รสชาติแล้ว
ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนปรากฏตัวขึ้นเมื่อไหร่ กล่าวว่า “พวกท่านทั้งสองบาดเจ็บสาหัสเกินไป อากาศของที่นี่ก็โหดร้าย ขืนอยู่ต่อไป เกรงว่าแม้แต่ชีวิตของพวกท่านก็คงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว ข้าให้คนส่งพวกท่านออกไปจากที่นี่ก่อน”
“แล้วเจ้าล่ะ”
“ข้าออกไปช้ากว่านี้หน่อย” ขณะที่กู้ชูหน่วนพูด ก็กวาดมองไปทางปากปล่องน้ำเต้าบ่อยๆ
เย่เฟิงตกใจ เข้าใจอะไรบางอย่างในทันทีแล้ว