อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 353 หลอกคนไร้ที่สิ้นสุด
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 353 หลอกคนไร้ที่สิ้นสุด
ทุกคนต่างจ้องกู้ชูหน่วนด้วยโทสะ กู้ชูหน่วนถอยหลังหลายก้าว กล่าวด้วยความระแวดระวัง “อีกครึ่งถูกคนของหุบเขาตันหุยชิงไปแล้ว พวกเจ้ามองข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง ยังมิมอบให้พวกเจ้าแต่โดยดีหรือ?”
“หุบเขาตันหุย?” หัวหน้ากองธงกล้วยไม้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ใช่สิ มิเช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่าคนของหุบเขาตันหุยจะนิ่งอยู่ได้อย่างไร? ดูพวกเจ้าต่อสู้อยู่ข้างนอกนานขนาดนั้น นอกจากเส้นทางลงเขานี้แล้ว คอขวดของภูเขาน้ำเต้าโลหิต ยังมีอีกทางออกหนึ่ง ไปจากภูเขาน้ำเต้าโลหิตโดยตรง ถ้าพวกเขาได้มุกมังกร ก็น่าจะไม่ลงเขาเส้นทางนี้แล้ว”
หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ระแวงในถ้อยคำของนางมาก “ทุกคน ปากนางคนนี้ไม่มีความจริงสักประโยค พวกเจ้าจะเชื่อนางไม่ได้”
ผู้อาวุโสหยุนลังเลเอ่ย “คนของพวกเราเข้าภูเขาน้ำเต้าโลหิตมา เพลี่ยงพล้ำหนัก แต่คนของหุบเขาตันหุย เหมือนจะราบรื่นไร้สิ่งกีดขวาง และไม่พบอุปสรรคอะไรด้วย”
ครั้นผู้อาวุโสหยุนกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจุนก็นึกขึ้นมาได้แล้ว “วาจานี้มิผิด ขณะนั้นข้ายังฉงนใจ เหตุใดคนของหุบเขาตันหุยจึงดวงดีเช่นนั้น ถึงกับไม่เป็นอะไรเลย ตอนนี้ตรองถี่ถ้วนแล้ว บางทีแผนที่อีกส่วนหนึ่ง อาจอยู่ในมือหุบเขาตันหุยก็เป็นได้”
สุดยอดผู้อาวุโสหวงเอ่ยด้วยโทสะ “หุบเขาตันหุยเป็นนักหลอมยาโด่งดัง อัตราการหลอมยาของพวกเขาเป็นอันดับต้นๆ ของใต้หล้า ล่วงเกินพวกเขา ก็ไม่อาจกวาดล้างคนทั้งหมดได้ ต่อไปยังซื้อยาดีได้อีกหรือ?”
“เช่นนั้นพวกเราจะทำอย่างไร?”
“อีกเส้นทางหนึ่งอยู่ที่ไหน?” สุดยอดผู้อาวุโสหวงถาม
กู้ชูหน่วนแบมือ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แผนที่อีกครึ่งซับซ้อนมาก ข้ายังจำไม่ได้ก็ถูกคนของหุบเขาตันหุยแย่งเอาไปแล้ว ถึงข้าจะมีวรยุทธ์อยู่บ้าง แต่วรยุทธ์นั้นของข้า เป็นแค่ของเด็กเล่นเท่านั้น ไหนเลยจะเอาชนะคนของหุบเขาตันหุยได้”
“เหลวไหล!” หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ยิ่งมองกู้ชูหน่วนก็ยิ่งรู้สึกไม่น่าเชื่อถือ
“เช่นนั้นเจ้าดูแผนที่บนกระดิ่งทลายวิญญาณให้ดีๆ เจ้าลองดูมากสักหน่อย จำแผนที่ทั้งหมดได้หรือไม่?”
คนของเผ่าเทียนเฟิ่นกับเผ่าปีศาจมองทางแผนที่บนกระดิ่งทลายวิญญาณ แต่กลับเห็นแผนที่ในกระดิ่งทลายวิญญาณบิดๆ เบี้ยวๆ คล้ายกิ้งกือ ซับซ้อนยากจะเข้าใจ แต่ละเส้นล้วนตัดสลับซับซ้อน อย่าว่าแต่จดจำ แม้ดูก็ยังดูไม่ค่อยเข้าใจ หลายจุดยังต้องผนวกร่วมกับยอดเขาจริง
“หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ ข้ารู้ว่าเจ้ามีอคติกับข้า แต่ส่วนรวมคือส่วนรวม ส่วนตัวคือส่วนตัว เจ้าจะเอาทุกเรื่องมาลงที่ข้าหมดไม่ได้กระมัง?”
สีหน้าหัวหน้ากองธงกล้วยไม้แย่ไปทุกที
คนของเผ่าปีศาจมากน้อยต่างคิด
หัวหน้ากองธงกล้วยไม้โปรดปรานเย่เฟิง เห็นเย่เฟิงเป็นของส่วนตัว แต่กู้ชูหน่วนกลับช่วยเย่เฟิงไป แล้วยังชิงตัวเย่เฟิง หัวหน้ากองธงกล้วยไม้จะปล่อยไปได้อย่างไร?
“เจ้าแน่ใจว่าเจ้าไม่รู้ว่าอีกเส้นทางหนึ่งอยู่ที่ไหน?”
“หากข้ารู้ ข้ายังต้องเดินเส้นทางอันตรายนี้หรือ? ข้าก็หนีไปตามทางลัดนานแล้ว ยังรอถึงตอนนี้อีก?” กู้ชูหน่วนเบ้ปาก เหลือกตาใส่พวกเขา แล้วเอ่ยต่อ
“เห็นหรือยัง? อสูรมังกรระดับเจ็ดถูกคนของหุบเขาตันหุยสยบได้แล้ว หากพวกเจ้าไม่รีบไปอีก คนของหุบเขาตันหุยจะชิงมุกมังกรแล้ว ก็จะจากไปทางลัดแล้ว”
ไม่รู้ศึกใหญ่กลางเวหายุติไปเมื่อใด พวกเขาเอาแต่สนทนากับกู้ชูหน่วน ลืมสถานการณ์ศึกทางนั้น
เห็นเพียงอสูรมังกรถูกขังอยู่ค่ายกล ขยับไม่ได้
ทุกคนต่างตะลึงงัน
คนของหุบเขาตันหุยถึงกับขังอสูรมังกรได้ เช่นนั้นพวกเขาก็เข้ายอดเขาภูเขาน้ำเต้าไปแล้วนะสิ?
ผู้อาวุโสจุนเอ่ยอย่างรีบร้อน “สุดยอดผู้อาวุโส มิเช่นนั้นเรารีบเข้าไปดูกันเถอะ พวกเขาจะได้ไม่หนีไปเส้นทางลัด”
เหล่าสุดยอดผู้อาวุโสคำนึงถึงบางอย่าง
ยามนี้พวกเขาต่างเจ็บหนัก ฝืนตามไปก็ไม่แน่ว่าจะได้ประโยชน์ เพราะแต่ละคนล้วนบาดเจ็บในจุดตาย
แต่หากไม่ไป เกิดมุกมังกรถูกชิงไปจริงๆ คิดกลับมาชิงอีกครั้งก็ยากแล้ว
พวกเขาเสาะหาหลายปีขนาดนี้ หลายชั่วอายุคนขนาดนี้ ถึงได้พบเบาะแสของมุกมังกร ไม่ว่าอย่างไรจะล้มเลิกไม่ได้เด็ดขาด
กู้ชูหน่วนพิงอยู่กับโขดหิน มองท่าทางพวกเขาคิดหนัก มุมปากเกี่ยวรอยยิ้มเล็กน้อยที่ไม่อาจเห็น
มุกมังกรเป็นแรงยั่วยวนขนาดนี้ พวกเขาจะไม่ติดกับได้อย่างไร?
เป็นดั่งที่นางคิด คนเหล่านั้นกัดฟัน เค้นคำพูดหนึ่งออกมา “ไป ไปดูบนเขา เจ้าไปกับพวกเราด้วย”
กู้ชูหน่วนปั้นหน้าตกใจ “เมื่อครู่พวกเจ้าเพิ่งรับปากให้ข้าไปอย่างปลอดภัยมิใช่หรือ? หรือว่าพวกเจ้าจะกลับคำ?”
“แผนที่ที่เจ้าให้มีแค่ครึ่งเดียว นอกเสียจากช่วยเราตามหาอีกครึ่ง หรือหามุกมังกรพบ มิเช่นนั้นเจ้าจะไปไหนไม่ได้!”
“นี่เจ้ามิใช่ไม่ทำตามคำพูดหรือ?”
“เช่นนั้นเจ้าอยากฝังร่างไว้ที่นี่?”
คนของเผ่าเทียนเฟิ่นผลักนางไปข้างหน้า กู้ชูหน่วนได้แต่ตามพวกเขาไปคอขวดอย่างไม่สมัครใจ
คนของเผ่าเทียนเฟิ่นกับเผ่าปีศาจบาดเจ็บหนักเกินไป แม้เร่งเดินทางไม่หยุด ก็ยังมีคนแตกกลุ่มจำนวนไม่น้อย กระทั่งมีคนเจ็บหนักล้มกับพื้น ลุกขึ้นไม่ไหวอีก
ในที่สุด พวกเขาก็ถึงปากขวด หากอยากขึ้นไปถึงจุดยอด ต้องข้างทะเลโลหิต
ทะเลโลหิตใหญ่เกินไป อุณหภูมิก็สูง คนที่อยู่ใกล้หน่อยต่างถูกลวกจนอยากเป็นลมตาย
ทะเลโลหิตใหญ่ขนาดนี้ จะข้ามอย่างไร?
“นังหนู บอกพวกเรา พวกเขาข้ามไปได้อย่างไร?”
“ข้าก็ไม่รู้ แผนที่ซับซ้อนขนาดนั้น พวกเจ้าดูไม่เข้าใจ แล้วข้าจะจำได้อย่างไรเล่า?”
สุดยอดผู้อาวุโสหวงชี้จุดหนึ่งบนแผนที่ “ไปจากตรงนี้ใช่ไหม? ข้าเห็นตรงนี้มีอุโมงค์ลับ เหมือนจะข้ามทะเลโลหิตไปฝั่งตรงข้ามได้”
“เช่นนั้นยังทื่ออยู่ทำไม? ไปเถอะ”
ตำแหน่งอุโมงค์ลับซ่อนเร้นยิ่งนัก ยากจะค้นหา
พวกเขาใช้เวลานานถึงหาพบ แต่พอเข้าไป ข้างในกลับมีแมงมุมยักษ์ดุร้ายตัวหน้าพุ่งออกมา โจมตีกัดพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
พวกเขาไม่ทันระวัง ศิษย์จำนวนมากตกตายอยู่ในอุโมงค์ลับ
สุดท้ายผู้อาวุโสสองสามคนของเผ่าเทียนเฟิ่นเป็นคนจัดการ
แมงมุมยักษ์เป็นเพียงการเรียกน้ำย่อย ถัดมายังมีตะขาบยักษ์ แมงป่องยักษ์ ผึ้งพิษยักษ์ คนของเผ่าเทียนเฟิ่นและเผ่าปีศาจมุ่งออกอุโมงค์ลับอย่างราบรื่น แต่เสียคนของพวกเขาไปสองในสามส่วนเต็มๆ พวกเขาบาดเจ็บหนักอีกครั้ง
สีหน้าทุกคนตึงเครียดจัด
สิ่งที่แลกกับครั้งนี้หนักหน่วงเกินไป
“แผนที่นี้ของเจ้าเป็นของจริงหรือปลอมกันแน่?” หัวหน้ากองธงกล้วยไม้เดือดดาลควันพุ่ง
กู้ชูหน่วนถอยหลายก้าว ยืนอยู่หลังสุดยอดผู้อาวุโสหวง เอ่ยด้วยความน้อยใจสั่นพั่บ “กระดิ่งทลายวิญญาณก็ให้เจ้าแล้วมิใช่หรือ? หรือว่าเจ้ายังคิดว่าข้าให้กระดิ่งทลายวิญญาณของปลอมกับเจ้า? ที่นี่ข้าก็ไม่เคยมา จะรู้ได้อย่างไรว่ามีสัตว์พิษดุร้ายมากมายเช่นนั้น เมื่อครู่ชีวิตน้อยๆ ของตัวข้าเองก็เกือบจบเห่ไปแล้ว แถมเราก็มิใช่ออกมากจากปากขวด เข้ายอดเขาแล้วหรือ?”
พวกสุดยอดผู้อาวุโสหวงใจอ่อน “ช่างเถอะ ก็แค่นังเด็กตัวเล็กๆ คนเดียว อภัยที่นางก็ไม่รู้ว่าที่นี่อันตรายขนาดนี้ ต่อไประวังหน่อยก็พอ”
ทุกคนเดินขึ้นหน้าไปอีกครั้ง แต่ที่พบกลับมิใช่มุกมังกร แต่เป็นค่ายกลปลิดชีพโบราณ
พวกเขาไม่ทันตั้งตัว กอปรกับค่ายกลยากทำลาย ศิษย์ของเผ่าเทียนเฟิ่นและเผ่าปีศาจแทบตายอนาถอยู่ที่นี่ทั้งหมด ศพกองพะเนินเป็นภูเขา กลิ่นคาวเลือดระคนกลิ่นวาโยคละคลุ้งทั่วทั้งภูเขาน้ำเต้าโลหิต