อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 357 ข้าคุ้มครองเจ้า
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 357 ข้าคุ้มครองเจ้า
ห่างจากแท่นดอกบัวหลายร้อยเมตร จะข้ามไปอย่างไร?
ถึงจะให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มาช่วย แต่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตัวยาวร้อยกว่าเมตร ในสถานการณ์ที่ไม่มีกำลังเสริมใดๆ ก็ไม่อาจไปถึงแท่นดอกบัวได้
กู้ชูหน่วนคิดวิธีมากมาย แต่ก็คิดไม่ออก
ถึงจะเป็นผู้มีวรยุทธ์สูงเพียงไร ก็ไม่อาจเอาของที่อยู่ห่างหลายร้อยเมตรได้ อีกอย่าง สระโลหิตนั้นยังมีหินหลอมเหลวเดือดพล่านอยู่ แค่อุณหภูมิก็ร้อนตายได้แล้ว
กู้ชูหน่วนปาดเหงื่อทีหนึ่ง มีผลึกเกล็ดหิมะอยู่ในมือมากขนาดนี้ นางยังรู้สึกร้อน
ครั้นมองน่าหลันหลิงลั่ว โบกพัดอย่างสง่างาม ระหว่างคิ้วเผยรอยยิ้มจางๆ มองนางอยู่ คล้ายกำลังรอนางคิดหาวิธีอะไรได้
กู้ชูหน่วนฉงนฉงาย
เจ้านี่กลับไม่รีบร้อนสักนิด นางไม่เชื่อว่าเขาไม่อยากได้มุกมังกร
ครั้นคิดไปมาหลายตลบ กู้ชูหน่วนก็แวบความคิดหนึ่ง มุมปากนางคลี่รอบยิ้มสดใส
ของสำคัญขนาดนี้อย่างมุกมังกร คนที่วางไว้แต่แรก คงไม่ใช่ไม่อยากให้อนุชนเอาไม่ได้กระมัง?
ถ้าไม่อยากให้อนุชนได้ไป ก็คงไม่ทิ้งหยกเสี้ยวจันทร์ ทิ้งกระดิ่งทลายวิญญาณ แล้วยังแกะสลักแผนที่ในนั้นอย่างทุ่มเทกายใจ จัดตาข่ายฟ้าขนาดมโหฬารไว้ที่ภูเขาน้ำเต้าโลหิตแล้ว
ที่นี่ ต้องมีกลไกแน่ สามารถให้น้ำในสระโลหิตไปที่อื่น
เมื่อคิดเช่นนี้ กู้ชูหน่วนก็เริ่มค้นหากลไกรอบๆ
ความชื่นชมในดวงตาของน่าหลันหลิงลั่วมากอีกหลายส่วน “นังหนู สมองเจ้าไหวพริบดีนี่”
“ว่าง่ายๆ เจ้าก็พบแล้วมิใช่หรือ? มิเช่นนั้นไหนเลยจะมีความมั่นใจยิ้มระรื่นเช่นนี้?”
กู้ชูหน่วนสำรวจรอบหนึ่ง แต่ก็ไม่พบกลไกที่ควบคุมหินหลอมเหลวได้
น่าหลันหลิงลั่วชะโงกหน้าที่สวมหน้ากากเข้ามา ยิ้มเอ่ย “อย่างไร…หาไม่เจอ?”
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด ของสำคัญที่ได้จะมุกมังกร ยังเป็นกระดิ่งทลายวิญญาณละสิ?”
กู้ชูหน่วนจดจ่อมองหนุ่มน้อย นัยน์ตาดำขาวตัดกันชัดยากหยั่งถึง
นางหาไม่เจอว่ากลไกอยู่ที่ไหน
แต่นางรู้ กระดิ่งทลายวิญญาณต้องไม่ใช่แค่แผนที่เด็ดขาด
มุมปากหนุ่มน้อยยิ้มยก พัดคลี่ออกอย่างงดงาม ยิ้มอย่างเนือยๆ ต่อ “เจ้าฉลาดมาก หากเป็นสหาย กลับไม่เป็นอะไร หาเป็นศัตรู เช่นนั้นก็เป็นคู่ปรับที่น่ากลัวมากยิ่ง”
“เช่นนั้นเราก็มาเป็นเพื่อนกันสิ ต่อไปข้าคุ้มครองเจ้า”
หนุ่มน้อยเกี่ยวยิ้ม จิตใจชื่นบานนัก “ได้สิ”
“คนเหล่านั้นที่เจ้าพามา เอาชนะคนของเผ่าเทียนเฟิ่นกับเผ่าปีศาจได้หรือไม่?”
“หากเป็นแต่ก่อน ไม่ได้ แต่พวกเขาในยามนี้แต่ละคนบาดเจ็บสาหัส ไม่เพียงพอให้กลัว”
“ดีมาก”
“ถ้าเจ้าอยากได้มุกมังกร ข้าจะเอามาแล้วมอบให้เจ้าเองก็มิเป็นไร”
“พูดง่ายขนาดนั้นเลย?” กู้ชูหน่วนแคลงใจเล็กน้อย
“ใช่ แต่มันจะเป็นสินสอดให้เจ้า” น่าหลันหลิงลั่วกำลังยิ้ม นัยน์ตาทั้งคู่เป็นประกายวับ มองกู้ชูหน่วนไม่หยุด ไม่อยากพลาดทุกอารมณ์ของนาง
กู้ชูหน่วนเบ้ปาก “สายไปแล้ว ข้าแต่งงานแล้ว”
“ข้าไม่รังเกียจ”
“ข้ากลัวจะถูกตีตาย”
“หุบเขาตันหุยไม่กลัวเทพสงคราม”
“เจ้าไม่กลัว ข้ากลัว”
“เช่นนั้นข้าปกป้องเจ้า”
“ข้ายอมเชื่อว่าโลกนี้มีผี ก็ไม่เชื่อปากพล่อยๆ นั้นของเจ้า”
“…”
ในเวลานี้เอง อาวุโสคนหนึ่งของหุบเขาตันหุยกลับมาพร้อมบาดแผล ในมือของเขากอบกระดิ่งทลายวิญญาณอยู่ สีหน้าตื่นเต้น “เจ้าหุบเขา ชิงกระดิ่งทลายวิญญาณมาได้แล้ว”
“เหตุใดจึงเจ็บหนักเช่นนี้?”
“เผ่าเทียนเฟิ่นมีกำลังเสริมมามาก เวลานี้ข้างนอกยังปะทะกันอยู่ อาวุโสหลายท่านคุ้มครองข้ากลับมาก่อน”
อาวุโสคนนั้นมองกู้ชูหน่วนอย่างระแวดระวัง ในดวงตาแวบจิตสังหาร
น่าหลันหลิงลั่วเอ่ย “คนกันเอง มิต้องกังวล”
กู้ชูหน่วนฉงนใจ
นางคุ้นเคยกับเขามากหรือ?
คนกันเอง?
ใครเป็นคนกันเองกับเขา?