อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 368 เผ่าหยก
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 368 เผ่าหยก
พิษที่เหลือของเขายังขจัดไม่หมด เวลานี้อายพิษทะลักขึ้น เนื้อตัวเย่จิ่งหานเย็นเฉียบ หนาวจนสั่นพั่บๆ ตามตัวเขายังคล้ายมีน้ำแข็งหนาๆ ชั้นหนึ่ง บีบให้เขาจำต้องขจัดพิษต่อ
น่าหลันหลิงลั่วรวบพัดเซวียนกู่ พาเหล่าอาวุโสหุบเขาตันหุยที่เพิ่งมาถึงจากไปอย่างด่วนจี๋ ตามกู้ชูหน่วนไป
ภูเขาน้ำเต้าโลหิต เพราะการเข่นฆ่าหลายครั้ง ท่ามกลางสายลมจึงพกพากลิ่นคาวเลือด
การรวมกันของหลายกลุ่มอิทธิพลในตอนแรก บัดนี้เหลือเพียงกลุ่มของเย่จิ่งหาน คนของเผ่าเทียนเฟิ่นและหัวหน้ากองธงโบตั๋นก็ไม่รู้หายไปที่ใดแล้ว
ณ หุบเขาหยกขาว
ที่นี่ตั้งอยู่ท่ามกลางสิบหมื่นบรรพต นอกหุบเขาวางค่ายกลโบราณและม่านอาคมหลายชั้น
มวลผกาในหุบเขาบานสะพรั่ง ผีเสื้อเริงระบำ โชยสายลมอบอุ่น
เรือนหนึ่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของหุบเขาหยกขาว
อาวุโสเจ็ดท่านในหุบเขาประสานมือ ผลาญพลังยุทธ์ทั้งชีวิตรักษาแผลของกู้ชูหน่วน
การรักษาครั้งนี้ผ่านไปสามวันสามคืนเต็มๆ
กู้ชูหน่วนสะลึมสะลือ รู้สึกเพียงในตัวคล้ายมีพลังงานสองชนิดฉีกนางไม่หยุด พลังงานนี้เหมือนห้าม้าแยกร่าง เพียงแต่ห้าม้าแยกร่างเป็นการดึงออกนอก แต่พลังงานสองชนิดนี้กลับกดเข้าข้างใน
รอขณะที่นางค่อยๆ ฟื้นขึ้น เป็นห้องไม้ไผ่งามเรียบง่ายห้องหนึ่ง
ด้านนอกมีเสียงเด็กหยอกล้อเล่นสนุก รวมไปถึงสั่งผ่าฟืนดังเข้ามาเป็นระยะๆ
ภาพก่อนหมดสติแล่นเข้าสมองนาง นางยื่นมือคลำ คลำได้มุกมังกรสีฟ้าใหญ่เท่าไข่นกพิราบจากหน้าอกของตัวเอง
เพื่อช่วยนางปกป้องมุกมังกร เย่เฟิงทุ่มโดยไม่เสียดายชีวิต กระโดดลงทะเลโลหิต พบจุดจบศพกระดูกไม่คงเหลือ
เย่จิ่งหานขจัดพิษครึ่งเดียว สถานการณ์ไม่แน่ชัด
อี้เฉินเฟยบาดเจ็บสาหัสปางตาย เป็นตายไม่รู้
กู้ชูหน่วนลุกขึ้นนั่งพรึบ แม้แต่หายใจยังทรมาน
นางไม่ได้อยู่ที่ภูเขาน้ำเต้าโลหิตหรือ?
หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ล่ะ? ตายแล้วหรือยัง?
นางอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
นางปวดศีรษะมาก ทำไมหลังจากเย่เฟิงตกหน้าผาแล้วนางจำอะไรไม่ได้เลย
“แอ๊ด…”
ประตูใหญ่ถูกเปิดออก ดรุณีวัยใสนามหนึ่งถืออาหารผลักประตูเข้ามา เหตุใดเห็นกู้ชูหน่วนแล้ว ใบหน้าจึงคลี่รอยยิ้มสนิทชิดเชื้อ เดินฮวบฮาบมาข้างตัวกู้ชูหน่วน
“พี่หน่วน ท่านฟื้นสักที ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ข้าจะไปตามเหล่าผู้อาวุโส”
“ที่นี่ที่ไหน แล้วเจ้าเป็นใคร?” กู้ชูหน่วนมองนางอย่างระแวดระวัง
ในความทรงจำของนาง ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย
“ข้าอินเอ๋อร์ อย่างไร ท่านจำข้าไม่ได้แล้วหรือ? แต่เล็กข้าก็ชอบติดตามท่านมากที่สุด”
ดรุณีน้อยตรงหน้าอายุประมาณสิบสามสิบสี่ ตาใสฟันขาว ริมฝีปากแดงหน้าอมชมพู นางสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อน เกล้าจุกสองข้าง ใบหน้ามีความเป็นเด็ก ครั้นแย้มยิ้ม พวงแก้มทั้งสองปรากฏลักยิ้มจางๆ ประหนึ่งเด็กสาวซุกซนน่ารักคนหนึ่ง
กู้ชูหน่วนสืบค้นความทรงจำ ยังไม่พบภาพจำใดที่เกี่ยวข้องกับนาง แต่รอยยิ้มนางสวยหวาน ดวงตาใสแวว ถึงกับไม่มีตำหนิน้อยนิด ชวนให้เห็นแล้วต้องชอบนางจากใจจริงอย่างอดไม่อยู่
“พี่หน่วน ท่านยังจำสิ่งนี้ได้ไหม? ท่านแกะสลักให้ข้าเอง กระต่ายน้อยตัวหนึ่ง เพราะนักษัตรข้าก็คือปีเถาะ แล้วข้าก็ชอบกระต่าย ท่านมอบให้ข้าวันที่ข้าอายุครบสิบขวบ หลายปีขนาดนี้ข้าพกติดตัวตลอด” อินเอ๋อร์แกว่งจี้ตรงลำคอ คล้ายเป็นของรัก ยิ้มได้บริสุทธ์ไร้ราคี
กู้ชูหน่วนเอียงศีรษะดู กระต่ายตัวนี้นางเหมือนคุ้นเคย แต่กลับคิดไม่ออก แต่บนตัวกระต่ายสลักคำว่า ‘อินเอ๋อร์’ สองคำนี้อยู่
ลายมือนี้มิใช่ของนางเองหรอกหรือ?
นางคุ้นเคยกับการเขียนอย่างหวัด แต่ละอักษรล้วนร่ายหงส์มังกรรำ โดยทั่วไปแล้วคนอื่นยากอ่านออก
“พี่หน่วน ตรงนี้ยังมีอักษรสองตัว ท่านบอกว่าสองตัวนี้เป็นชื่อของข้า แต่พวกผู้อาวุโสอ่านไม่ออก ภายหลังข้าจึงบอกกับพวกเขา พวกผู้อาวุโสบอกว่าท่านถูกข้าตื๊อจนจนปัญญา ถึงสลักอักษรสองตัวนี้ลวกๆ ดูสิ พวกผู้อาวุโสยังบอกอีก ‘เอ๋อร์’ ของอินเอ๋อร์ยังเขียนขีดขาดไป”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วงาม
ขาดไปขีดหนึ่งที่ไหน?
นี่เขียนอย่างย่อต่างหาก!
หลังจากนางข้ามมิติมาที่นี่ อย่าว่าแต่แกะสลักกระต่าย แม้แต่นางก็ยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ
อีกอย่าง…
“ปีนี้เจ้าอายุเท่าไร?”
“อินเอ๋อร์สิบสามแล้ว จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
สิบสาม…
หรือก็คือ กระต่ายตัวนี้แกะสลักให้นางเมื่อสามปีที่แล้ว?
กู้ชูหน่วนลูบจี้กระต่าย จี้นี้เรียบลื่น น่าจะเพราะคนที่สวมใส่ลูบคลำเป็นประจำ จึงทำให้เรียบลื่นกระมัง?
หรือว่า…เจ้าของร่างเดิมก็เป็นคนข้ามมิติเหมือนกัน?
ถ้าหากเจ้าของร่างเดิมเป็นคนที่ข้ามมิติมา เช่นนั้นทำไมลายมือถึงเหมือนกับนางเปี๊ยบ?
กู้ชูหน่วนตกอยู่ในภวังค์ ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรกันแน่
“พี่หน่วน ท่านเป็นอะไรไป? ทำไมสีหน้าท่านแย่อย่างนั้นล่ะ?”
“อี้เฉินเฟยล่ะ?”
“พี่เฉินเฟยบาดเจ็บหนักมาก พวกผู้อาวุโสกำลังช่วยเขาอยู่” ทันใดนั้นรอยยิ้มของอินเอ๋อร์ก็เจือนไปหลายส่วน ไม่ตื่นเต้นดีใจเหมือนเมื่อครู่
“บาดเจ็บหนักมาก…พาข้าไปดูเขาหน่อย”
“ไม่ได้ ท่านก็บาดเจ็บหนักมากเหมือนกัน อีกอย่างผู้อาวุโสไม่ให้ผู้ใดเข้าห้องน้ำแข็งถึงเป็นท่านก็ไม่ได้”
“ห้องน้ำแข็งเป็นที่ไหนอีก?”
“ก็ที่รักษาบาดแผลอย่างไรเล่า พี่หน่วน ศีรษะท่านบาดเจ็บด้วยใช่ไหม? ทำไมจำอะไรไม่ได้เลย? ไม่ได้การ! ข้าต้องรีบไปตามผู้อาวุโส”
“เดี๋ยว เจ้าบอกข้าก่อน ทำไมเจ้าเอาแต่เรียกข้าว่าพี่หน่วนล่ะ? เราสองคนสนิทกันมากหรือ? เจ้าเป็นคนของจวนเฉิงเซี่ยงหรือ?”
อินเอ๋อร์ทำหน้างุนงง “จวนเฉิงเซี่ยงอะไร? อินเอ๋อร์ ฟังไม่เข้าใจ เดิมท่านก็เป็นพี่หน่วนของข้าอยู่แล้ว ท่านไม่เพียงแต่เป็นพี่หน่วนของข้า ยังเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยกด้วย”
“หัวหน้าเผ่า…เขาเผ่าหยก?”
เผ่าหยกไม่ใช่กลุ่มอิทธิพลนั้นที่ทำสงครามใหญ่กับเผ่าเทียนเฟิ่นที่ภูเขาน้ำเต้าโลหิตหรือ?
“ใช่สิ หลายปีก่อนอดีตหัวหน้าเผ่าสิ้นใจเพราะคำสาปโลหิตกำเริบ ท่านจึงขึ้นตำแหน่งแทนอดีตหัวหน้าเผ่าเป็นหัวหน้าเผ่าคนใหม่ของเผ่าหยก สืบทอดชะตาตามหามุกมังกรต่อของเผ่าหยก พี่หน่วน อินเอ๋อร์ได้ยินว่าท่านหามุกมังกรสีฟ้าเจอแล้ว จริงหรือเปล่า?”
“เจ้าให้ข้าคิดก่อน ชะตาตามหามุกมังกรของหัวหน้าเผ่าหยก?”
“ถูกต้อง”
“แล้วทำไมต้องตามหามุกมังกร?” เพื่อช่วยอี้เฉินเฟย?
เกรงว่าจะไม่ง่ายเช่นนั้นกระมัง?
อินเอ๋อร์มองกู้ชูหน่วนอย่างงุนงง
หากมิใช่เพราะกลิ่นอายบนตัวของกู้ชูหน่วนเหมือนกับเมื่อก่อน
คนก็หน้าตาเหมือนกัน อินเอ๋อร์ยังเกือบคิดว่านางไม่ใช่พี่หน่วนของตน
“พี่หน่วน ท่านกลับเผ่าครั้งนี้ รู้สึกแปลกจัง หามุกมังกรก็ไม่ใช่เพราะแก้คำสาปโลหิตหรือ? พวกเราเผ่าหยกหลายชั่วอายุคนก็อยากรวบรวมมุกมังกรเจ็ดเม็ดให้ได้มาตลอดนี่”
“รวบรวมมุกมังกรเจ็ดเม็ดทำอะไร?”
ขณะที่อินเอ๋อร์กำลังจะเอื้อนเอ่ย ประตูใหญ่ก็เปิดออกดังแอ๊ด เสียงหนึ่งขัดถ้อยคำของอินเอ๋อร์
“อินเอ๋อร์ พี่หน่วนของเจ้าเพิ่งฟื้น เจ้าก็ไม่รู้จักเด็กจักผู้ใหญ่ ไม่รู้จักหนักเบารบกวนนางพักผ่อน”
อินเอ๋อร์ปั้นหน้าทะเล้น
“ข้าเปล่าสักหน่อย พี่หน่วนถามข้าตั้งหลายคำถามต่างหาก”
“เอาล่ะ เจ้าออกไปต้มยาก่อน อย่ารบกวนพี่หน่วนเจ้าพักผ่อน”
“ก็ได้”
อินเอ๋อร์เดินหนึ่งก้าวหันหลังสามคราจากไปอย่างไม่สมัครใจ