อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 370 ผนึกจะปิดไม่อยู่แล้ว
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 370 ผนึกจะปิดไม่อยู่แล้ว
“พี่หน่วน! ใช่ท่านจริงหรือ? ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไร? ข้าคิดถึงท่านจะตายอยู่แล้ว!” เสียงหนึ่งที่มีความเป็นเด็กอย่างเห็นได้ชัดดังขึ้นกะทันหัน
จากนั้นจู่ๆ เด็กชายเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งก็กอดต้นขานางไว้
ไม่นาน เด็กที่เล่นกับเด็กชายก็มองนาง ทั้งหมดถาโถมเข้ามา กอดต้นขานางอย่างแย่งกันนำหน้ากลัวรั้งท้าย เรียกอย่างตื่นเต้น “พี่หน่วน ข้านึกว่าข้าตาฝาดไป ทำไมท่านหายไปนานขนาดนี้ ท่านพ่อท่านแม่ข้าเอาแต่บ่นคิดถึงท่าน”
“พี่หน่วน ครั้งที่แล้วท่านบอกว่า เที่ยวหน้ากลับมาจะซื้อว่าวให้ข้าตัวหนึ่ง ว่าวข้าล่ะ?”
“ไปๆๆ เจ้าเด็กนี่ วันๆ เอาแต่คิดถึงว่าวของพี่หน่วน พี่หน่วนเพิ่งกลับมา ต้องเหนื่อยมากแน่ ควรให้นางพักผ่อนให้ดีก่อน”
กู้ชูหน่วนก้มหน้ามองเด็กชายหญิงสิบกว่าคนที่ห้อมล้อมตัวนางส่งเสียงเจื้อยแจ้ว แต่ละคนสีตัวกับนางอย่างสนิทสนม ราวกับนางเป็นพี่สาวแท้ๆ ของพวกเขามิปาน
ความเคลื่อนไหวตรงนี้ดึงดูดคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน ทั้งหมู่บ้านตกตะลึง บุรุษสตรีชราเยาว์วัยทั้งหมดต่างเข้าล้อมมา
“ไอ้หยา สวรรค์ อาหน่วนจริงๆ ข้ายังคิดว่าข้าเกิดจิตหลอนไปแล้ว อาหน่วน เรา…เราคิดถึงเจ้าจนจะบ้าอยู่แล้ว”
ป้าวัยกลางคนคนหนึ่งจับมือนางอย่างตื่นเต้น กล่าวพลางน้ำตาไหลนองหน้า สะอึกสะอื้นแทบไม่เป็นคำ
ด้านข้างป้าวัยกลางคนยังมีลุงวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง เขาเหมือนกับชาวบ้านคนอื่นๆ ดวงตาเป็นประกาย ตื่นเต้นสุดประมาณ ในดวงตาอันเร่าร้อนคู่นั้น กลับสะท้อนเงาของนางทั้งหมด
ลุงวัยกลางคนตื่นเต้นจนได้แต่ตวาดภรรยาของตนเอง “เดี๋ยวเถอะๆ ต้องเรียกท่านหัวหน้าเผ่า เจ้าพวกนี้นี่ เอาแต่เรียกไปเรื่อย ไม่รู้จักผู้ใหญ่ผู้น้อย ถ้ายังเรียกไปเรื่อยอย่างนี้อีก ระวังข้าจะฟ้องพวกผู้อาวุโสนะ!”
“อาหน่วน…ท่านหัวหน้าเผ่า…หลายปีนี้ท่านไปไหนมา ทำไมไม่ส่งข่าวคราวกลับมาเลยล่ะ? เราถามกับพวกผู้อาวุโสตั้งหลายครั้งว่าท่านไปไหน แต่ผู้อาวุโสเอาแต่บอกว่าท่านทำธุระอยู่ข้างนอก อีกระยะหนึ่งก็กลับมา เราก็รอแล้วรอเล่า รอทีก็หลายปี”
“มุกมังกรหายากใช่ไหม? ถ้าหาไม่ได้จริงๆ เราก็ไม่หาแล้ว ถึงอย่างไรเราก็ชินแล้ว ท่านไม่ต้องลำบากตัวเองเพราะพวกเราหรอก ความหวังสูงสุดของพวกเราทั้งเผ่าก็คือท่านสามารถมีความสุข ใช้ชีวิตอย่างไม่มีภาระสักนิดตลอดชีวิต”
ทั้งหมู่บ้านไม่รู้ว่าเข้าล้อมมาเท่าไร ในสามชั้น นอกสามชั้น กระทั่งยังมีคนจำนวนมากได้ข่าวก็วิ่งออกมาจากในเรือนอย่างแย่งนำหน้ากลัวรั้งท้าย
กู้ชูหน่วนมองคร่าวๆ ตรงนี่อย่างน้อยมีคนมุงล้อมหลายร้อยคน
ชราเยาว์วัย บุรุษสตรี แต่ละคนต่างร้องเปรมปรีดิ์ น้ำตานองหน้า แต่ละคนเอ่ยถ้อยคำเสียงเซ็งแซ่
มองแววตาคาดหวังและกังวลของพวกเขา รวมถึงภาพใบหน้าเหล่านี้ที่คุ้นเคยแต่แปลกหน้า ทันใดนั้นศีรษะกู้ชูหน่วนก็ปวดขึ้น
ในสมองราวกับมีความทรงจำประปรายและขาดพร่องทะลักขึ้นมา
ทุกภาพมีชาวบ้านเหล่านี้
มีชาวบ้านมอบอาหารและน้ำดื่มแก่นาง เย็บปะเสื้อผ้า สนทนาไร้สิ้นสุด
มีนางเล่นว่าวเป็นเพื่อนเด็กๆ ในหมู่บ้าน แกะสลักกระต่าย เล่นซ่อนหา สุดท้ายผู้อาวุโสหลายท่านตามมา ตำหนิเด็กเหล่านั้นหนักยกหนึ่ง
ยังมีคนในหมู่บ้านป่วยหนัก นางต้มยารักษาโรคให้พวกเขาอย่างสุดความสามารถ
ซี้ด…
เมื่อนั้นสมองก็เจ็บปวดราวกับจะฉีกขาด
ภาพแต่ละภาพแล่นปราดขึ้นอีกครั้ง
บรรดาชาวบ้านไม่รู้เพราะเหตุใด แต่ละคนทรมานสุดประมาณ มีบางคนรับกับความทรมานไม่ได้ จบชีวิตตัวเอง ยังมีบางคนตกอยู่ในความคลุ้มคลั่ง ชูดาบฆ่ากราด ฟาดฟันครอบครัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากคาวเลือดผ่านไป ในหมู่บ้านเป็นเสียงร่ำไห้ดังระงม แขวนผ้าขาวทุกหนแห่ง
เลือดสีแดงสดกับหลุมฝังศพสร้างมิหยุดหย่อน
เหงื่อ…ไหลหลั่ง
กู้ชูหน่วนกุมทรวงอกตัวเองฉับพลัน ปวดจนแม้แต่หายใจยังลำบาก
บรรดาชาวบ้านที่ห้อมล้อมข้างตัวนางสีหน้าเปลี่ยนพลัน ในปากกล่าวถ้อยคำอะไรจ้อกแจ้กจอแจ นางกลับไม่ได้ยินสักคำ ได้แต่มองแววตาเป็นห่วงกังวลของพวกเขา
นางตบศีรษะตัวเองแรงๆ
นางเหมือนลืมอะไรบางอย่าง แต่นางลืมอะไรกันแน่ ทำไมนางคิดอะไรไม่ออกเลย
“อาหน่วน…”
ชายชราเส้นผมขาวโพลนสองสามคนรีบรุดมา ประคองนาง จี้จุดนาง อุ้มนางกลับห้องรักษา
ถัดจากนั้นนางก็หมดสติไป
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ นางคล้ายได้ยินถ้อยคำหลายประโยค
“ไม่เช่นนั้นก็เปิดผนึกพลังในร่างของหัวหน้าเผ่าให้สมบูรณ์เถอะ ตอนนี้ผนึกของนางหลุดแล้วครึ่งหนึ่ง ลมปราณหลายสายในร่างผุดขึ้นมา พุ่งชนกันไม่หยุด รุกจนห้าอวัยวะตันหกอวัยวะกลวงของนาง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างของนางจะรับไม่ไหว”
“ไม่ได้ ยังหามุกมังกรไม่ได้ครบ ถ้าคลายพลังที่ปิดผนึกเอาไว้ ไม่นานเผ่าเทียนเฟิ่นก็จะรู้ฐานะของหัวหน้าเผ่า ถึงตอนนั้นเผ่าเทียนเฟิ่นก็จะใช้กำลังทั้งเผ่าตามฆ่าหัวหน้าเผ่า เช่นนั้น…”
“เผ่าเทียนเฟิ่นมีอะไรน่ากลัว? ถ้าพวกเขากล้าใช้กำลังทั้งเผ่าตามฆ่าหัวหน้าเผ่า เราก็ใช้กำลังทั้งเผ่าเชือดพวกมัน!”
“เจ้าก็รู้แต่การฆ่าแกง อิทธิพลของเผ่าเทียนเฟิ่นมากเช่นนั้น เจ้าฆ่าหมดหรือ? ถ้าพวกมันขัดขวางการหามุกมังกรพวกเราลับหลังล่ะ?”
“อย่างมากก็ไม่หามุกมังกรแล้ว หลายปีมานี้เห็นหัวหน้าเผ่าลำบากขนาดนั้น ข้าสุดจะทนนานแล้ว อย่างมากทุกคนจะตายก็ตายด้วยกัน!”
“เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไร? แก่ๆ อย่างเราตายก็ตายสิ แต่เผ่าหยกยังมีชาวบ้านอีกนับพันนับหมื่น เจ้ามีสิทธิ์อะไรฉกชิงชีวิตของพวกเขา? รีบช่วยหัวหน้าเผ่าเร็ว พลังปิดผนึกของนางหากไม่ผนึกให้สมบูรณ์ ร่างกายนางจะต้องระเบิดตายเพราะรับลมปราณมหาศาลไม่ได้แน่”
กระทั่งขณะที่นางตื่นขึ้นอีกครั้ง ตกใจตื่น
นางฝันถึงชาวบ้านจำนวนมากกำลังรอนางรักษา แต่วิชาการแพทย์นางไม่ดี รักษาพวกเขาไม่ได้ ได้แต่มองพวกเขาทรมานจนตายไป
กู้ชูหน่วนลุกขึ้นนั่งพรวด หายใจหอบใหญ่
“อาหน่วน รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง? ยังมีตรงไหนไม่สบายหรือไม่?”
กู้ชูหน่วนส่ายหน้า
นอกจากผู้อาวุโสไป๋เฉ่า ที่นี่ยังมีชายชราอายุประมาณห้าสิบกว่าอีกสองท่าน แต่ละคนผมขาวหนวดขาวเหมือนกับคนชราอายุเจ็บสิบ
เห็นดังนั้น ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าจึงถอนลมหายใจยาวเฮือกหนึ่ง
ผู้อาวุโสอีกสองท่านก็โล่งอกด้วย จิตใจที่ตึงเครียดผ่อนคลายลงทันที
ผู้อาวุโสเจ็ดรูปร่างหลังกำยำล่ำสัน สูงใหญ่ น้ำเสียงดัง อ้าปากหนได้ยินทั้งหมู่บ้าน
เขาเอ่ยอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง “เจ้าเด็กนี่ พลังปิดผนึกเกือบทลายสองครั้งติดๆ เกือบทำพวกเราหัวใจวายตายแล้ว ถ้าเจ้าไม่อยากปิดผนึกจริงๆ…”
“แฮ่มๆ…”
ผู้อาวุโสห้ากระแอมเบาสองครั้ง ส่งสัญญาญให้เขาหยุดปาก
ผู้อาวุโสเจ็ดยังอยากพูดบางสิ่ง ครั้นเห็นสายตาตักเตือนของผู้อาวุโสห้าจึงได้แต่หยุดปาก
เสียงผู้อาวุโสห้าอ่อนโยน มีเมตตาเป็นมิตร “ท่านหัวหน้าเผ่า ร่างกายท่านอ่อนแรง ข้าสั่งให้พวกเขาอย่ามารบกวนท่าน ส่วนท่านก็พักผ่อนที่นี่หลายวันเถอะ อะไรก็ไม่สำคัญเท่าสุขภาพท่าน”
กู้ชูหน่วนเอ่ยทีละคำ ทีละประโยค “ร่างกายข้าผนึกอะไรกันแน่?”
นางมิใช่คนโง่
ที่แท้แล้วฐานะไหนกันแน่ถึงจะเป็นฐานะที่แท้จริงของร่างนี้?