อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 375 คำสาปโลหิตกำเริบทั้งหมู่บ้าน
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 375 คำสาปโลหิตกำเริบทั้งหมู่บ้าน
ความเร็วของงูยักษ์เก้าหัวไวมาก พุ่งไปไม่กี่ทีก็ถึงละแวกภูเขาลูกนั้นแล้ว
กู้ชูหน่วนมองจากที่สูง เห็นภาพที่ชีวิตนี้ไม่อาจลืมเลือนจวบจนกัลปาวสาน
นางสะดุ้งหนัก
นั่นเป็นโศกนาฏกรรมอะไรในแดนมนุษย์?
บรรดาชาวบ้านถูกขังอยู่ในกรงเหล็กขนาดใหญ่เป็นห้องๆ มือเท้าถูกโซ่ใหญ่เท่าปากชามรัดไว้ อีกปลายด้านหนึ่งของโซ่เหล็กเชื่อมกับหินขนาดใหญ่ลึกๆ พวกเขาแต่ละคนขดตัว ร้องครางด้วยความทรมาน ส่งเสียงร้องประหนึ่งหมาป่า แต่เสียงปอดฉีกหัวใจแหลกลาญ
ไม่รู้เพราะทรมานมากเกินไปหรืออย่างไร บรรดาชาวบ้านสยายผมกระจัดกระจาย นัยน์ตาทั้งคู่แดงฉาน ใบหน้าเดิมที่เรียบง่าย ซื่อสัตย์ สันติเผยจิตสังหารกระหายเลือดและเสียงครวญครางที่ทรมาน
พวกเขาดิ้นไม่หยุด และไม่รู้เอากำลังมาจากไหน โซ่เหล็กหนาขนาดปากชามถูกพวกเขาดิ้นหลุดเสียดื้อๆ
“พลั่กๆๆ…”
หลังจากโซ่เหล็กสะบั้นแล้ว พวกเขาก็ใช้ร่างเลือดเนื้อกระแทกกรงเหล็กไม่หยุด กรงเหล็กแข็งมาก พวกเขากระแทกจนเลือดสดไหลริน แต่ยังคงไม่มีความรู้สึกใดๆ ทั้งตัวราวกับเสียสติ อยากแต่จะกระแทกออกไป
ยังมีบางคนกระทั่งใช้ศีรษะกระแทกพื้นแรงๆ หน้าผากถูกกระแทกจนเลือดไหลราวกับพุ่งแล้วยังไม่รู้สึกตัว
“เร็ว! ขัดขวางพวกเขา!”
ที่ไม่ไกล ผู้อาวุโสหลายคนใช้โซ่เหล็กพันธนาการตัวเองเหมือนกัน ขังตัวเองแยกไว้อีกกรงหนึ่ง สีหน้าพวกเขาทรมานเหมือนกัน คล้ายกำลังอดกลั้นอะไรอยู่ แต่อย่างน้อยยังมีสติ
พระจันทร์คืนวันที่สิบห้าทั้งกลมทั้งสว่าง แต่มันยิ่งกลมยิ่งสว่าง พวกชาวบ้านก็ยิ่งทรมาน
นอกกรง คนต่างเผ่าหลายคนใช้โซ่เหล็กคล้องชาวบ้านในกรง มัดชาวบ้านที่ดิ้นจนหลุดกลับไป แต่ชาวบ้านที่เสียสติดวงตาแดงฉานเหล่านั้น แต่ละคนมีพลังไร้ขอบเขต พวกเขาสี่คนฉุดคนหนึ่งยังฉุดไม่อยู่ ทั้งยังถูกโซ่เหล็กรัดจนเลือดไหล สุดท้ายก็ถูกกระแทกปลิว
คนต่างเผ่าเอ่ยอย่างร้อนรน “ผู้อาวุโส มีคนดิ้นหลุดจากโซ่มากเกินไป คนพวกเราไม่พอ ห้ามไว้ไม่ได้ขอรับ!”
“พลั่กๆๆ…”
เพราะทรมานมากเกินไป ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยจึงกระแทกศีรษะแตกแรงๆ ตายอนาถทันที น้ำสมองไหลออก ในดวงตาพวกเขาหลั่งน้ำตา แต่ใบหน้าพวกเขากลับเผยรอยยิ้มแห่งการหลุดพ้น
เป็นเสียงกระแทกปังๆๆๆ อีก
พวกชาวบ้านที่คลุ้มคลั่งพากันพุ่งเข้าชนประตูเหล็กเป็นครั้งๆ ประตูเหล็กสั่นคลอนไม่หยุด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ประตูเหล็กก็จะถูกพวกเขาเปิดออกได้ทุกเมื่อ
“ห้ามไม่อยู่ก็ต้องห้าม เร็วหน่อย!”
“ขอรับ ผู้อาวุโส!”
สีหน้ากู้ชูหน่วนซีดไปทีละน้อย
เบือนหน้าไป ไม่ใช่หมู่บ้านนับสิบที่เป็นเช่นนี้ แต่ทั้งยอดเขาล้วนเป็นชาวบ้านเนืองแน่นที่ทรมานโหยหวน
ไม่…ไม่ใช่ทั้งยอดเขา แต่หลายยอดเขาก็เป็นเช่นนี้
แต่ละยอดเขามีผู้อาวุโสสองสามคนคุมอยู่
แต่ชาวบ้านที่คลุ้มคลั่งมีมากเกินไป ผู้อาวุโสเหล่านั้นก็ทรมานเหลือแสน จะไปคุมบรรดาชาวบ้านเหล่านั้นได้อย่างไร?
นี่…หรือก็คือคำสาปโลหิต?
นางเพิ่งดูอยู่ที่นี่ไม่นาน ก็มีชาวบ้านหลายสิบคนรับทุกขเวทนาจนทำตัวเองตายทั้งอย่างนั้นแล้ว
ระหว่างที่ตะลึง กลับเห็นยอดเขาลูกหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล
เนื่องจากรักษาอี้เฉินเฟย ผู้อาวุโสสามจึงเสียลมปราณไปมาก ทำให้ควบคุมความทรมานของคำสาปโลหิตไม่ได้ เสียสติไปทันที
วรยุทธ์ผู้อาวุโสสามสูงส่ง เขาเพียงออกแรง โซ่เหล็กบนร่างก็สะบั้นไปเป็นนิ้วๆ
“พลั่ก…”
ซัดฝ่ามือไป ประตูเหล็กอันแข็งแกร่งกลับถูกเขาทำเป็นช่องได้เสียดื้อๆ
“แย่แล้ว แย่แล้ว! ผู้อาวุโสสามเสียสติแล้ว ทำลายประตูออกมาแล้ว!”
“อะไรนะ…พี่สาม เจ้ารีบไปควบคุมเร็ว อย่าถูกคำสาปโลหิตทำให้หลงลืมตัวเองเด็ดขาด!” ผู้อาวุโสสี่ตะโกนเสียงดัง เขาอยากไปห้ามผู้อาวุโสสาม แต่เพราะเนื้อตัวมีโซ่เหล็กรัดมากเกินไป ดิ้นไม่หลุด
ได้แต่ใช้ฝ่ามือบีบให้เขาหยุด
แต่ผู้อาวุโสสามเสียสติโดยสมบูรณ์ไปนานแล้ว เข้าสู่ภาวะคลุ้มคลั่ง อยากสังหารคนอย่างเดียว วรยุทธ์ก็ทะยานขึ้นสูง ผู้อาวุโสสี่จะบีบให้หยุดได้อย่างไร?
กู้ชูหน่วนรีบเอ่ย “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์! เร็ว! ไปทางนั้น!”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ซี่เสียงหนึ่ง มุ่งหน้าไปอย่างเร็วรี่
ความเร็วมันไวมาก ทว่าผู้อาวุโสสามเร็วยิ่งกว่า
ชาวบ้านนอกเผ่าถูกผู้อาวุโสสามซัดฝ่ามือหนึ่ง ดับทันที
ไปอีกฝ่ามือใหญ่ ประตูเหล็กที่ขังชาวบ้านจำนวนหนึ่งอยู่ถูกเขาทำลาย
ครั้นประตูเหล็กเปิดออก เหล่าชาวบ้านที่ต้องคำสาปโลหิตก็ราวกับฉีดยากระตุ้น ออกแรงดิ้นมากกว่าเดิม
“แค่กๆๆ…”
พวกชาวบ้านดิ้นหลุดออกจากโซ่เหล็ก แต่ละคนเฉกเช่นมารที่คืบคลานจากนรกอเวจี เห็นคนเป็นฆ่า เห็นกรงเป็นชน
สถานการณ์เสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง
ยอดเขาลูกนี้ ราวกับกลายเป็นแดนชำระ เข่นฆ่ากันเองทุกหนแห่ง
ผู้อาวุโสสี่เห็นดังนั้น เส้นเลือดฝอยดวงตาแตก เขาไม่อาจสนใจเรื่องอื่น พลั่กเสียงหนึ่ง ออกแรงให้ร่างหลุดจากการพันธนาการ ให้คนเปิดประตูเหล็ก เหินทีหนึ่ง ขวางผู้อาวุโสสามที่สังหารคนดุจมดปลวก
“โครม…”
วรยุทธ์ของผู้อาวุโสทั้งสองล้วนสูงส่ง ทุกครั้งที่ขึ้นมือลงหมัด ล้วนพกพาศิลาทรายบิน
เดิมวรยุทธ์ของผู้อาวุโสสี่ก็ไม่ด้อยไปกว่าผู้อาวุโสสาม แต่ผู้อาวุโสสามหลังจาก เข้าสู่ภาวะคลุ้มคลั่งแล้ว วรยุทธ์ก็เพิ่มฮวบ คำสาปโลหิตในร่างของผู้อาวุโสสี่พลุ่งพล่านระลอกแล้วระลอกเล่า โจมตีเขาไม่หยุด เขาต้องระวังคำสาปโลหิตของตัวเองพลางขวางผู้อาวุโสสาม ด้วยสองทิศสองทาง ผู้อาวุโสสี่จึงถูกทำให้บาดเจ็บเนืองๆ กระอักเลือดออกมา
“โครม…”
ผู้อาวุโสสามยังกัดไม่ปล่อย ฝ่ามือหนึ่งหนักกว่าอีกฝ่ามือหนึ่ง ฝ่ามือหนึ่งเร็วกว่าอีกฝ่ามือหนึ่ง ราวกับมีเพียงเอาชีวิตผู้อาวุโสสี่ จิตใจเขาถึงสบายขึ้นเล็กน้อย
“พี่สาม ข้าเจ้าสี่ ท่านมีสติหน่อย พี่สาม …อั๊ก…”
เห็นผู้อาวุโสสามซัดฝ่ามือมาอีก รูม่านตาผู้อาวุโสสี่หดเล็ก อยากทัดทาน แต่กลับไร้ซึ่งกำลัง ตะลึงในใจอย่างห้ามไม่อยู่
ก็ในชั่ววิกฤตการณ์ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เหวี่ยงหางใหญ่ สะบัดผู้อาวุโสสามออกไป
“พลั่ก…”
ผู้อาวุโสสามไม่ทันรู้ตัว กระแทกลงพื้นหนัก กู้ชูหน่วนผายมือขวา อาวุธลับหลายสิบชิ้นพุ่งใส่จุดชาและจุดหลับของเขา
เข็มทองเข้ากายเขาไม่ได้ ซ้ำยังเด้งออกมา
กู้ชูหน่วนกระโดดลงจากตัวงู ขวางผู้อาวุโสสามที่ฆ่าคนอย่างบ้าคลั่ง
ด้วยต่างในความสามารถยิ่ง กู้ชูหน่วนจึงได้แต่ใช้อ่อนชนะแข็ง ขวางผู้อาวุโสสามในเวลาอันสั้น
“เร็ว…บีบผู้อาวุโสสามกับชาวบ้านที่เสียสติเข้าไปอยู่ในกรงเหล็กนิล” ท่ามกลางกลุ่มคนไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้น
กู้ชูหน่วนกวาดตามองประตูเหล็กนิลสองจุดที่อยู่ไม่ไกล รู้ในทันใด นางล่อให้ผู้อาวุโสสามไล่นาง คิด บีบให้ผู้อาวุโสสามเข้าประตูเหล็กนิล
“ปัง…”
ผู้อาวุโสสามสู้กับกู้ชูหน่วนนานก็ไม่โดนตัว อารมณ์เดือดพล่านอาละวาด ซัดแต่ละกระบวนท่าใส่กู้ชูหน่วนตรง
กู้ชูหน่วนถูกบีบจนจนใจ รับกระบวนท่าเขาแบบดาดๆ
เจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด นั่นใช่หมัดที่ไหน? กำแพงทองแดงผนังเหล็กต่างหาก!
กู้ชูหน่วนใช้ท่าหลอก ล่อผู้อาวุโสสามเข้าประตูเหล็กนิลได้ในที่สุด นางตาเร็วมือไว้ ล็อกประตูด้วยความรวดเร็ว
ในประตูเหล็กนิล ผู้อาวุโสสามกับชาวบ้านหลายคนระเบิดความคลั่ง กระแทกจนดังปังๆ ไม่หยุด แต่ก็กระแทกประตูเหล็กออกไม่ได้
จัดการผู้อาวุโสสามเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านจำนวนมากที่นี่ก็ทำลายประตูออกมาเช่นกัน ฆ่ากราดทางอื่นราวกับหุ่นยนต์สังหาร
กู้ชูหน่วน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์และคนอื่นๆ สกัดพวกเขาไม่หยุดหย่อน
แต่ประตูเหล็กนิลมีเพียงสองบานเท่านั้น ไหนเลยจะขังชาวบ้านมากขนาดนั้นได้?
แม้พวกเขาใช้โซ่เหล็กรัดพวกเขาอีก สถานการณ์ก็อลม่านหมดแล้ว
ตรงนี้หลุดจากการควบคุม ยอดเขาอื่นอีกหลายยอดเขาก็คล้ายจะควบคุมไม่อยู่แล้ว
ผู้อาวุโสสี่เอ่ยอย่างร้อนรน “แย่แล้ว! พวกเขาไปทางยอดเขาหิมะแล้ว ที่นั่นล้วนเป็นหญิงชาวบ้านที่ไร้กำลัง เร็ว! ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไร ก็ให้พวกเขาไปที่นั่นไม่ได้ มิเช่นนี้เผ่าหยกต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่!”
“ผู้…ผู้อาวุโสสี่ ! ยอดเขาท้อควบคุมไม่ได้ยิ่งกว่าเราอีก พวกเขา…พวกเขาบุกเข้ายอดเขาหิมะไปแล้วขอรับ! ”