อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 378 ช่วยข้าคลายผนึกออกได้หรือไม่
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่378 ช่วยข้าคลายผนึกออกได้หรือไม่?
ผู้อาวุโสสี่โซเซ เดินออกมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก เขาเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า “คนที่สมควรตายที่สุดคือข้า ข้าควบคุมคำสาปเลือดไม่ได้ ปล่อยคนในเผ่าที่ถูกขังอยู่ในประตูเหล็กปล่อยออกมา ข้าเป็นคนที่สมควรตาย”
ผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสสี่รู้สึกผิดจนอยากฆ่าตัวตาย
ผู้อาวุโสใหญ่รีบเดินมาด้วยสีหน้าที่โกรธจัด ไม้เท้าในมือก็กระแทกลงพื้นแรงๆ
“พวกเจ้าอยากตายก็ไปตายไกลๆหน่อย เผ่าหยกมีคนตายไปเยอะแล้ว พวกเจ้าเป็นถึงผู้อาวุโสไม่เข้ามาช่วยก็ช่างเถอะ ยังมารนหาที่ตายตรงนี้เอง ถ้าทุกคนเป็นเหมือนพวกเจ้า ใครจะไปตามหาไข่มุกมังกร? หัวหน้าเผ่าคนเดียวหรือไง?”
“ผู้อาวุโสใหญ่……”
ผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสสี่ที่ผมขาวหงอกทั้งหัวต่างก็คุกเข่าลง น้ำตาไหลออกมาอย่างรู้สึกผิด
“หัวหน้าเผ่ายังอยู่ในหมู่บ้าน พวกเราเป็น……เป็นเช่นนี้ หากหัวหน้าเผ่าเห็นแล้ว หัวหน้าเผ่าก็เจ็บปวดจิตใจเอาน่ะสิ”
เห็นท่าทางที่เสียใจและรู้สึกผิดของผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสสี่ ถึงแม้ผู้อาวุโสใหญ่จะเจ็บปวดรวดร้าวหัวใจมากแค่ไหน ก็พูดจาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้น
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเจ็บปวดหัวใจ รู้สึกผิดมาก แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ พวกเราก็ต้องสามัคคีร่วมใจกันตามหาไข่มุกมังกร มีเพียงตามหาไข่มุกมังกรได้ คำสาปเลือดของเผ่าหยกถึงจะถูกกำจัดออก ไม่งั้น คำสาปเลือดของเผ่าหยกจะส่งต่อไปสู่รุ่นหลังๆ พวกเจ้าก็รู้ว่าคนที่โดนคำสาปเลือดเจ็บปวดมากแค่ไหน บรรพบุรุษของพวกเราต้องตายอย่างทรมานเพราะคำสาปเลือดมาเท่าไหร่ หรือพวกเจ้าอยากเห็นคนรุ่นหลังของเผ่าหยก ต้องลิ้มลองรสชาติความเจ็บปวดที่พวกเราเผชิญกันอยู่ในตอนนี้?”
น้ำเสียงของผู้อาวุโสใหญ่หนักแน่นเด็ดขาด ผู้อาวุโสสามและสี่เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า ลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก
พวกเขาจะตายไม่ได้
ถึงแม้จะตาย ก็ต้องตามหาไข่มุกมังกรให้ได้ก่อนค่อยตาย
ไม่งั้น คนในเผ่าหยกนับพันหมื่นคนจะทำยังไง?
คนที่โดนคำสาปเลือด เด็กที่เกิดออกมาก็จะได้รับคำสาปไปด้วย ถ้าไม่แก้ออก ถึงจะมีลูกหลานเป็นพันหมื่น คำสาปนี้ก็จะส่งต่อถึงรุ่นหลังๆต่อไป
พวกเขาได้รับความเจ็บปวดจากคำสาปเลือดมาครึ่งค่อนชีวิต จะทนเห็นคนรุ่นหลังแบกรับความเจ็บปวดแบบนี้ได้ยังไง
“ตั้งแต่หัวหน้าเผ่าเกิดมา ก็ฝึกฝนวิชาการต่อสู้อย่างหนัก เพื่อตามหาไข่มุกมังกร นางแบกรับมาเยอะมากแล้ว พวกเจ้าอย่าแสดงความร้อนรนที่จะตามหาไข่มุกมังกรต่อหน้าหัวหน้าเผ่าเด็ดขาด รู้หรือไม่?”
“ผู้อาวุโสใหญ่วางใจได้ พวกเรารู้ดี ทุกคนในหมู่บ้านรู้ดีว่าหัวหน้าเผ่าคิดแต่เรื่องตามหาไข่มุกมังกรตลอดเวลา ทุกนาทีที่พวกเรามีชีวิตอยู่ นางก็เพิ่มความรับผิดชอบให้ตัวเองตลอดเวลา”
“ได้ แยกย้ายเถอะ รีบไปดูแลพวกชาวบ้านได้แล้ว อย่าให้หัวหน้าเผ่าต้องเหนื่อยอีก”
“ขอรับ”
“ใช่แล้ว เจ้าสี่ เจ้าห้า พวกเจ้าสองคนไปเตรียมตัวหน่อย อีกสองสามวันออกจากเผ่าหยก ไปตามหาไข่มุกมังกรเถอะ ช่วงหลายปีมานี้ คำสาปเลือดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พวกเราเผ่าหยกเริ่มรอไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่รีบตามหาไข่มังกรอีก เกรงว่าทั้งเผ่าหยกคงจะล่มสลายแล้ว”
“ขอรับ”
ผู้อาวุโสสามพูดอย่างลังเลว่า “งั้นจะบอกเรื่องนี้กับหัวหน้าเผ่าไหมขอรับ?”
ผู้อาวุโสโมโห อยากจะเอาไม้เท้าทุบเขาให้ตายทั้งเป็นไปเลย
“เจ้าอยากให้หัวหน้าเผ่าเหนื่อยเพิ่มหรือไง ยังเจ็บไม่พอหรือไง?”
“ข้า……ข้ารู้แล้ว ผู้อาวุโสใหญ่วางใจได้ พวกเราจะไม่บอกกับหัวหน้าเผ่าเด็ดขาด”
“พวกเจ้ายังไม่รีบสั่งคนให้ไปตามหาหัวหน้าเผ่าอีก อย่าให้หัวหน้าเผ่าเป็นอะไรไปอีก”
“ขอรับๆๆ”
กู้ชูหน่วนหลบอยู่ด้านหลังหินก้อนใหญ่ไม่ไกลมาก ได้ยินคำพูดของพวกเขาอย่างชัดเจน ความกดดันในใจก็หนักเข้าไปอีก
พวกชาวบ้านในเผ่าใกล้มาถึงตรงหน้านางแล้ว
กู้ชูหน่วนรีบจัดการอารมณ์ของตัวเอง นางลุกขึ้น ทำท่าไม่เป็นไรแล้วตะโกนว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ พวกเจ้าอยู่นี่กันเหรอ”
พวกผู้อาวุโสใหญ่ต่างก็ตะลึงกันหมด “หัวหน้าเผ่า ท่านมาอยู่นี่ได้ยังไง……”
นางได้ยินคำพูดของเมื่อกี้ทั้งหมดแล้วเหรอ?
“ข้าอยากไปดูพี่เฉินเฟย ก็เลยมาที่นี่ ทำไมพวกท่านมาอยู่นี่ล่ะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไรๆ……”
“พวกท่านอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว พอดีข้ามีเรื่องอยากคุยกับพวกท่านพอดี เข้าไปคุยกันข้างในไหม?”
“หัวหน้าเผ่าพูดเป็นเล่นไป ท่านเป็นหัวหน้าเผ่าหยก ขอแค่ท่านสั่งมา ใครจะไม่ทำตามล่ะขอรับ”
ผู้อาวุโสใหญ่เชิญกู้ชูหน่วนเข้าห้องอย่างเคารพ
พวกผู้อาวุโสก็ตามเข้าไป
ภายในห้อง กู้ชูหน่วนพูดเข้าประเด็นทันที “ผู้อาวุโสใหญ่ ช่วยข้าคลายผนึกได้หรือไม่”
“คลายผนึก?”
“ใช่” นางอยากฟื้นฟูพลังในตัว อยากจะตามหาไข่มังกรทั้งหมดให้เจอ เรื่องนี้จะชักช้าอีกไม่ได้แล้ว
ผู้อาวุโสใหญ่ตอบปฏิเสธโดยไม่คิดทันที “ไม่ได้”
“ทำไมล่ะ” กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
ผู้อาวุโสหกรีบแย่งตอบทันที “อาหน่วน……ไม่สิ หัวหน้าเผ่า ผู้อาวุโสใหญ่ทำเพื่อท่านนะ หลังจากผ่านเรื่องเมื่อวานแล้ว เกรงว่าท่านคงจะรู้แล้ว พวกเราเผ่าหยกต่างก็ต้องคำสาปเลือดกันหมด ผู้ชายที่โดนคำสาปเลือด ร่างกายจะค่อยๆเน่าเปื่อยจากในสู่นอก สุดท้ายจะตายทั้งเป็น ท่านดูคนในเผ่าของเราสิ มีเหลือแค่ไม่ถึงสี่สิบคน ทุกคนต่างก็ผมขาวกันหมดแล้ว นั่นเป็นเพราะร่างกายเริ่มเน่าจนจะไม่มีที่จะเน่าแล้ว พวกเราในนี้ยังมีกำลังภายในคอยช่วยควบคุมไว้ ถึงมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ได้”
“แต่พวกผู้หญิงล่ะ ทุกครั้งที่คำสาปเลือดกำเริบ กระดูกทั้งร่างกายแตกหัก ก็ไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น อยากรอให้กระดูกเชื่อมต่อกันให้ดี ก็ต้องใช้เวลาประมาณยี่สิบวัน ท่านก็เป็นคนของเผ่าหยก ที่คำสาปเลือดของเจ้ายังไม่กำเริบ นั่นเป็นเพราะสุดยอดผู้อาวุโสเห็นใจเจ้า ยอมแลกชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยท่านบีบคำสาปเลือดในตัวท่านไปผนึกไว้ในตันเถียน”
“ต่อมา พลังผนึกของสุดยอดผู้อาวุโสเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ ท่านจึงใช้พลังทั้งหมดของตัวเองผนึกตัวเองเอาไว้ คำสาปเลือดจึงไม่กำเริบ ถ้าตอนนี้เจ้าคลายผนึกออก ไม่เพียงแต่จะเปิดเผยตัวตนคนเผ่าหยกของท่าน คำสาปเลือดที่ท่านตั้งใจควบคุมไว้ก็จะระเบิดออกมาด้วยเหมือนกัน”
กู้ชูหน่วนเริ่มเข้าใจแล้ว
ทำไมคนในเผ่าหยก ยอมให้หัวหน้าเผ่าของพวกเขาเสียพลังไปทั้งหมด ก็ไม่มีทางยอมคลายผนึกให้นาง และยอมใช้ทุกอย่างเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของผนึก ที่แท้ก็กลัวว่าคำสาปเลือดในร่างกายของนางจะกำเริบนี่เอง
นางหัวเราะแล้วพูดว่า “ก็แค่คำสาปเลือดเอง คนในหมู่บ้านยังทนได้ ข้าจะทนไม่ไหวได้ยังไง หนึ่งเดือนมีเวลาสิบวันที่พลังจะสามารถไต่ถึงระดับเจ็ดได้ ถือว่าคุ้มค่าแล้วล่ะ”
สุดยอดผู้อาวุโสที่เป็นคนพูดง่ายมาตลอด ครั้งนี้กลับดื้อรั้นมาก ขนาดคำพูดของหัวหน้าเผ่าก็ไม่ยอมทำตามแล้ว
“ไม่ได้ ผนึกของท่านจะยังเปิดออกไม่ได้ หัวหน้าเผ่า ท่านพูดอะไร พวกเราก็ฟังท่านทั้งหมด มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ไม่ได้”
“นั่นสิ สุดยอดผู้อาวุโสหลายท่านยอมสละชีวิต ถึงจะผนึกคำสาปเลือดในตัวของเจ้าไปที่ตันเถียนได้ ถ้าคลายผนึกของเจ้าออก สุดยอดผู้อาวุโสหลายท่านก็ตายเปล่าน่ะสิ”
ไม่ว่ากู้ชูหน่วนจะพูดยังไง พวกผู้อาวุโสก็ไม่ยอมอยู่ดี
กู้ชูหน่วนกำหมัดแน่น “ได้ ในเมื่อพวกท่านไม่ยอมช่วยข้า งั้นข้าจะฝึกฝนใหม่ ก็แค่ระดับเจ็ด ข้าไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำไม่ได้”
“หัวหน้าเผ่า……”
“ทำไมเผ่าเทียนเฟิ่นถึงสาปคำสาปเลือดที่ชั่วร้ายกับเผ่าหยกได้ เรื่องนี้พวกเจ้าต้องบอกข้า”
พวกผู้อาวุโสสบตากัน ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี