อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 401 สับสน
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 401 สับสน
ในห้องหนังสือ
หลีโล่ เฉินชิง ชิงเฟิง เจี่ยงเสวียต่างยืนอยู่ด้านข้าง ฟังคำสั่งอยู่อย่างเคารพนอบน้อม
เย่จิ่งหานเอามือไขว่หลัง สีหน้าเคร่งขรึม พูดสั่งออกมาทีละคำทีละประโยค
“เฉินชิง หยุดงานทุกอย่างในมือ รีบระดมกำลังเครือข่ายข่าวกรองสำนักรู้ฟ้า ออกตามหาเบาะแสมุกมังกร ใช้เวลาที่รวดเร็วที่สุด ตามหาเบาะแสมุกมังกรที่เหลืออีกสองลูกให้เจอ”
“ขอรับ”
“หลีโล่ เตรียมม้าเร็ว คัดองครักษ์ลับที่ฝีมือดีที่สุดยี่สิบคน ข้าจะไปหาเผ่าหยกด้วยตัวเอง”
ชิงเฟิงแย่งพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ถึงแม้พวกเราจะพอรู้ที่ซ่อนของเผ่าหยก แต่ครั้งก่อนพวกเราหานานขนาดนั้น ก็ยังไม่สามารถเข้าไปในเผ่าหยกได้จริงๆ ที่ซ่อนของเผ่าหยก เกรงว่าคงจะเข้าไม่ได้ง่ายๆ”
“โง่ ถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังดูไม่ออกหรือ? สำนักอสุราก็คือหนึ่งในอำนาจเผ่าหยกที่อยู่ข้างนอก เข้าไปในเผ่าหยกไม่ได้ ก็เข้าสำนักอสุรา”
“ขอรับ” ชิงเฟิงก้มหัวอย่างรู้สึกผิด รู้แบบนี้แต่แรก เมื่อกี้เขาก็จะไม่พูดอะไรแล้ว
“ชิงเฟิง เจี่ยงเสวีย ข้ามีภารกิจอื่นมอบหมายให้กับพวกเจ้า”
ป้าบ…..
เอกสารหนึ่งม้วนโยนมาในมือเจี่ยงเสวีย
เจี่ยงเสวียเปิดอ่านดู ก็อดไม่ได้ที่จะสะดุ้ง
ชิงเฟิงมึนงงกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเจี่ยงเสวีย จึงหันไปมองดู เมื่อเห็นแล้ว ชิงเฟิงแทบล้มลง
“ท่านอ๋อง นี่เราจะเผชิญหน้าต่อสู้กับเผ่าเทียนเฟิ่นแล้วหรือ?”
เย่จิ่งหานหัวเราะเยาะ ความอาฆาตในสายตาฉายแววผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“เผ่าเทียนเฟิ่นทำร้ายเสด็จแม่ของข้า และทำร้ายลูกเมียของข้า แค้นเก่าแค้นใหม่ ถึงเวลาต้องชำระแล้ว”
“ขอรับ…..”
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียรับคำสั่งแล้วจากไปอย่างตื่นตระหนก
เมื่อท่านอ๋องโกรธ เกรงว่าใต้หล้าจะเกิดการนองเลือดแล้ว
แต่เผ่าเทียนเฟิ่นกระทำเรื่องชั่วมากมายขนาดนั้น ควรที่จะได้รับการสั่งสอนแต่แรกแล้ว
เมื่อก่อนขาท่านอ๋องพิการทั้งสองข้าง ยังถูกพิษแปลกประหลาด ไม่สามารถตอบโต้พวกเขาได้
ตอนนี้ขาของท่านอ๋องหายดีแล้ว พิษในกายก็ถูกระงับไว้ได้ชั่วคราว พวกเขาจะไม่ตอบโต้ได้อย่างไร
ท้องฟ้าแคว้นเย่เต็มไปด้วยหมอก คนที่อยู่ภายในห้องต่างก็รู้ สงครามกำลังจะเริ่มต้น
ทุกคนออกไปหมดแล้ว ภายในห้องเหลือเพียงเย่จิ่งหานกับซูมู่ที่กระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง
ซูมู่สวมชุดเขียว รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาแฝงไปด้วยความอ่อนโยนที่มองไม่เห็น
หลังจากเขาเข้ามาแล้ว ก็รินน้ำชาให้กับตนเอง ยกขึ้นมาดื่มอย่างสง่างาม เอามือข้างหนึ่งเท้าคาง มองดูเย่จิ่งหานอย่างเกียจคร้าน
“เจ้ามั่นใจว่านางต้องคำสาปโลหิตหรือ?”
“ไม่ผิดแน่ มีแสงสีแดงอยู่ข้างหลังหูของนาง เหมือนดั่งเพลิงเลือด จากสีสว่างเป็นสีเขียว แล้วก็เป็นสีเหลืองอมขาว สุดท้ายหายไปหมด คนที่ต้องคำสาปโลหิต ถึงมีอาการแบบนี้”
ซูมู่สนับมือกำแน่นจนเสียงดัง อย่างเบื่อหน่าย
เสียงนุ่มของเขาดังขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “จากสีสว่างเป็นสีเขียว แล้วก็เป็นสีเหลืองอมขาว คนที่มีอาการแบบนี้ แสดงว่าคำสาปโลหิตกำเริบหลายครั้งมากแล้ว อย่างน้อยก็มีแล้วหนึ่งครั้ง แต่หลายวันก่อนเพิ่งวันที่สิบห้า หากนางต้องคำสาปโลหิตจริงๆ กระดูกทั้งร่างกายล้วนหักหมดแล้วถึงจะถูก แต่นางไม่มีอาการใดๆเลย รวมทั้งหลายเดือนก่อน นางก็ไม่มีอาการไม่สบายใดๆ”
“นี่ก็เป็นสิ่งที่ข้าสงสัย แต่นางต้องคำสาปโลหิตจริงๆ ข้าคาดเดาว่า เผ่าหยกมีเรื่องอะไรบังเอิญเป็นพิเศษหรือเปล่า หรือคนของเผ่าหยกใช้วิธีพิเศษอะไร เพื่อแก้การทุกข์ทรมานจากคำสาปโลหิต”
“เจ้าคิดว่าเป็นไปได้หรือ? หากเป็นเช่นนี้จริง กลุ่มชาติพันธุ์เผ่าหยกนับพันหมื่น ทำไมต้องทนเจ็บปวดทรมานแบบนี้ทุกๆเดือน”
คำพูดประโยคเดียว ทำให้บรรยากาศภายในห้องเคร่งเครียดขึ้นมา
เย่จิ่งหานกำหมัดแน่น ขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ว่ายังไง ข้าต้องหามุกมังกรอีกสองลูกสุดท้ายให้ได้เร็วที่สุด แล้วยืมมุกมังกรอีกเจ็ดลูกของเผ่าหยก”