อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 413 สำนึกผิดบ้างไหม
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 413 สำนึกผิดบ้างไหม
เย่จิ่งหานโยนภาพวาดใบหนึ่งไปตรงหน้ากู้ชูหน่วน สีหน้าแฝงไปด้วยความโกรธ รอคอยคำอธิบายจากนาง
กู้ชูหน่วนเก็บขึ้นมา ตั้งใจจ้องมองดูรูปภาพที่วาบหวิวนั่น
นางพูดขึ้นอย่างตกตะลึงว่า “ท่านอ๋อง ท่านชอบอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่นเช่นนี้หรือ ‘สาวงามอย่างที่สุด’เช่นนี้ เจ้าก็ชอบ ดูท่าทีสิ น่าเพลิดเพลินขนาดนี้ โถๆ เจ้ายังอยู่ข้างล่าง เจ้าปฏิเสธสาวงามมากมายขนาดนั้น คงไม่ใช่เพราะนางใช่ไหม”
ชิวเอ๋อร์อดไม่ได้อยากที่จะมุดรูหนี
คุณหนูหาที่ตายจริงๆ
นางมองไม่เห็นสีหน้าท่านอ๋องย่ำแย่หรือ?
“เจ้าไม่มีอะไรต้องอธิบายให้ข้าฟังหรือ?” เย่จิ่งหานคิดว่าตนเองอดทนอย่างที่สุดแล้ว
“ข้าเป็นพระชายาของเจ้า เจ้าไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นยังไม่อธิบายอะไรกับข้า แล้วข้าต้องอธิบายอะไรให้เจ้าฟัง? หรือว่าเจ้าอยากปลดข้าออกจากตำแหน่งพระชายา แล้วแต่งงานกับคนอื่น?”
“กู้ชูหน่วน ข้าอดทนเจ้ามานานมากแล้วนะ อย่าคิดว่าเจ้าตั้งครรภ์ลูกของข้า แล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้า” เย่จิ่งหานกัดฟันพูด
กู้ชูหน่วนจัดเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของตนเองอย่างเกียจคร้าน พร้อมหัวเราะพูดขึ้นว่า “งั้นท่านอ๋องอยากทำยังไง? ฆ่าข้า หรือจะทุบตีข้า? หรือให้ข้าอดข้าวอดน้ำ?”
เห็นท่าทีไม่แยแส และมุมปากที่หัวเราะเย้ยของนาง เย่จิ่งหานโกรธจัดจนเอื้อมมือขึ้นมาจะตบนาง แต่เขาตบไม่ลง ไม่ว่าจะสาเหตุอะไร เขาก็ไม่สามารถลงมือกับผู้หญิงได้ลงคอ โดยเฉพาะเป็นผู้หญิงที่เขารัก
ความโกรธโมโหนี้ เขาทำได้เพียงโกรธโมโหอยู่ในใจ ทำอะไรกู้ชูหน่วนไม่ได้เลย
ผู้หญิงคนนี้จะต้องรู้แน่แล้วว่า เขาไม่กล้าทำอะไรนางแน่ ถึงได้กล้าไม่เกรงกลัวอะไรเลยขนาดนี้
กู้ชูหน่วนหหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง โกรธมากๆจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ยังส่งผลให้มีลูกยาก ก่อนที่เจ้าจะลงมือ ให้คิดถึงสุขภาพของตนเองก่อน ขาทั้งสองข้างเพิ่งหาย ขาข้างที่สามก็จะพิการอีก”
“ทหาร ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กักบริเวณพระชายา ไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามนางออกจากจวนแม้เพียงก้าวเดียว”
“ขอรับ…..”
“กู้ชูหน่วน เจ้าคิดสำนึกชั่งใจดูให้ดี”
เย่จิ่งหานสะบัดแขนเสื้อ เดินออกไปด้วยสีหน้าเยือกเย็น
ประโยคสุดท้ายของเขา เต็มไปด้วยความข่มขู่อย่างรุนแรง ทั่วทั้งจวนอ๋องไม่มีใครไม่รู้สึก
หลังจากเย่จิ่งหานไปแล้ว ชิวเอ๋อร์รีบมาพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “คุณหนู ทำไมท่านจะต้องขัดใจท่านอ๋องด้วย? ตอนนี้ท่านอ๋องโกรธโมโหอยู่ จะทำอย่างไรดี หากต่อไปท่านอ๋องไม่รักใคร่ท่านอีก งั้นชีวิตต่อจากนี้จะทำอย่างไร?”
“ชิวเอ๋อร์ เจ้าต้องจำไว้ประโยคหนึ่งว่า บนโลกนี้สิ่งที่ไม่ควรหลงเชื่อมากที่สุดก็คือผู้ชาย สิ่งที่พึ่งไม่ได้ที่สุดก็คือผู้ชาย ผู้หญิงเรามีชีวิตอยู่ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ชายมารักใคร่ สิ่งที่เราสามารถพึ่งพาได้มีเพียงตนเอง”
“คุณหนู คำพูดนี้ลึกซึ้งเกินไป ชิวเอ๋อร์ฟังไม่เข้าใจ”
กู้ชูหน่วนจับมือของนางไว้ พร้อมหัวเราะพูดขึ้นว่า “เด็กโง่ เดี๋ยวต่อไปเจ้าก็จะเข้าใจเอง”
“งั้นตอนนี้เราจะทำอย่างไรดี?”
“ข้าามีสูตรยา สั่งให้คนใช้ไปซื้อมาตามรายการที่ต้องการ นี่คือเงิน”
“นี่จะสามารถมัดใจท่านอ๋องกลับคืนมาได้ไหม?”
“เจ้าไปทำตามที่ข้าสั่งก็พอ”
“ได้ ชิวเอ๋อร์จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ประตูใหญ่ตำหนักถูกปิดอีกครั้ง
รอยยิ้มกู้ชูหน่วนเมื่อกี้ที่เรียบเฉยเกียจคร้านค่อยๆเคร่งขรึม สิ่งที่มาแทนที่คือความกังวลที่ไม่อาจยับยั้งได้
เกิดเรื่องกับเผ่าหยกใหญ่ขนาดนี้ นางจะยังนอนหลับได้อย่างไร
ก่อนที่เย่จิ่งหานจะมาถึง นางกำลังครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าต่อไปจะทำอย่างไร
เรื่องม้วนหนังแกะโบราณ ทำให้เย่จิ่งหานไหวตัวแล้ว เย่จิ่งหานจะต้องไปวิเคราะห์ดูม้วนหนังแกะโบราณแน่ และก็ไม่ยกให้นางง่ายๆแน่
หากนางยังบีบบังคับอีก กลับจะยิ่งแย่ ปล่อยเขาไปสักพัก ค่อยคิดหาวิธี
อาศัยช่วงเวลานี้ นางต้องรีบเพิ่มพลังความสามารถ
เมื่อก่อนนางสามารถไปถึงระดับเจ็ด ตอนนี้นางก็สามารถทำได้
อีกอย่าง นางต้องใช้เวลาอย่างสั้นที่สุด แล้วมีความสามารถถึงระดับเจ็ด
คิดถึงคำสาปโลหิตของเผ่าหยก กู้ชูหน่วนเจ็บปวดจนกุมหัวใจตนเองไว้ จากนั้นก็ลุกขึ้นมา เริ่มลงมือกลั่นยา
ช่วงบ่ายวันนี้นั้น
จู่ห้องหลอมยาจวนอ๋องก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น ควันไฟฟุ้งกระจาย ตกตะลึงกันไปทั่วทั้งจวนอ๋อง
ในห้องหนังสือ ชิงเฟิงรายงานอย่างละเอียด
“ท่านอ๋อง พระชายาหลอมยาอยู่ในห้องหลอมยา จนเบ้าหลอมยาระเบิดแล้ว”
เย่จิ่งหานขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาเป็นอะไรไหม?”
“พระชายาไม่เป็นไร เพียงแค่สำลักควันนิดหน่อย”
“ให้คนเอาน้ำแร่ไปให้พระชายาดื่ม อย่าให้คอของนางเป็นอะไร”
“ขอรับ”
ชิงเฟิงเม้นริมฝีปาก
เบ้าหลอมยาของห้องหลอมยาเป็นถึงของศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม ท่านอ๋องได้มาอย่างยากลำบากมาก ตอนนี้ถูกพระชายาทำระเบิดไปแล้ว น่าเสียดายมากเลย แต่ท่านอ๋องกลับไม่พูดถึงเบ้าหลอมยาสักคำ
“ปัง….”
ผ่านไปไม่นาน ห้องหลอมยาก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นอีกหลายครั้ง
ชิงเฟิงกลับมารายงานอีกว่า “ท่านอ๋อง พระชายาทำเบ้าหลอมยาในห้องหลอมยาอีกหลายอันระเบิดหมดแล้ว”
“พระชายาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“พระชายาวิ่งเร็ว ไม่เป็นอะไร แต่เบ้าหลอมยาที่ท่านหามาได้อย่างยากลำบากเสียหมดแล้ว” ชิงเฟิงพูดเตือน ให้ท่านอ๋องของตนเองสนใจเบ้าหลอมยา
หากปล่อยพระชายาทำเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าแม้แต่ห้องหลอมยา ก็คงจะระเบิดแล้ว
“นางหลอมยาอะไร? ทำไมถึงระเบิดตลอด นักหลอมยาในจวนไม่คอยช่วยเหลือหรือ?”
“เรียนท่านอ๋อง พระชายาไม่ให้ใครเข้าไปใกล้ บอกว่ากลัวสูตรยาของตนเองถูกขโมย ข้าน้อยก็ไม่รู้ว่าพระชายาหลอมยาอะไร”
ที่สำคัญที่สุดคือ วิชาหลอมยาใช่ว่าจะสามารถฝึกได้ในวันสองวัน พระชายาไม่เคยเรียนรู้มาก่อน นางจะสามารถหลอมยาอะไร น่าเสียดายเบ้าหลอมยาอันนั้น
นิ้วมือเย่จิ่งหานเคาะบนโต๊ะอยู่ตลอดทีละที
ผ่านไปเนิ่นนาน ก็พูดขึ้นเพียงว่า “สั่งคนเฝ้าไว้ให้ดี อย่าให้พระชายาเป็นอะไร”
“ขอรับ”
ชิงเฟิงออกมาด้วยสีหน้าเศร้า
เบ้าหลอมยาระเบิดไปตั้งหลายอันแล้ว ท่านอ๋องก็ยังไม่ห้ามพระชายา ต่อให้จวนอ๋องมีตังค์แค่ไหน แต่ก็ไม่ควรสิ้นเปลืองขนาดนี้
รุ่งเช้าอีกวัน ฟ้ายังไม่สว่าง ในจวนอ๋องมีเสียงระเบิดดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง เสียงดังสะนั่นนั้น ได้ยินไปกว่าครึ่งเมืองหลวง
เย่จิ่งหานก็ตกใจตื่นเพราะเสียงดัง
ชิงเฟิงรีบมารายงานอย่างร้อนรน
“ท่านอ๋อง พระชายาทำห้องหลอมยาระเบิดแล้ว”
“ห้องหลอมยาระเบิดแล้ว? แล้วพระชายาล่ะ?”
“พระชายาวิ่งหนีได้เร็ว นางไม่เป็นไร แต่เส้นผมถูกระเบิดจนหงิกงอแล้ว ใบหน้าก็ถูกควันไฟเผาดำ แต่ห้องหลอมยาไม่มีแล้ว” ชิงเฟิงพูดเตือนอีกครั้ง
เย่จิ่งหานหยิบเสื้อคลุมมาสวม อยากไปดูกู้ชูหน่วน
แต่คิดถึงท่าทีของนาง ตลอดจนสิ่งที่นางทำ ฝีเท้าเย่จิ่งหานเหมือนถูกล่ามไว้
ไปดูนางตอนนี้ เท่ากับว่าเขาให้อภัยนางแล้ว
กู้ชูหน่วนมีแต่จะเหิมเกริม ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
“ยังไงลูกในท้องของนางก็เป็นลูกของข้า ให้หมอหลวงไปดูนางด้วย อย่าให้นางเป็นอะไรไป”
“ขอรับ…..”
ชิงเฟิงจากไปอย่างเศร้าสร้อย
เขาคิดว่า ท่านอ๋องจะลงโทษพระชายา สุดท้ายไม่ทำอะไรเลย ท่านอ๋องไม่สนใจ ถึงที่ห้องหลอมยาที่หวงแหนที่สุดถูกทำลาย
จู่ๆเย่จิ่งหานร้องเรียกเขา ดวงตาชิงเฟิงเป็นประกาย นึกว่าในที่สุดท่านอ๋องก็คิดที่จะลงโทษพระชายาแล้ว
“ช่วงที่พระชายาถูกกักบริเวณนี้ สำนึกผิดบ้างไหม?”