อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 430 หลอกล่อ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 430 หลอกล่อ
“……”
ชิงเฟิงหมดคำจะพูด
เขายังไม่ได้พูดอะไรสักคำ พระชายาก็พูดพร่ำอย่างมากมายก่ายกอง
เขาสลบไปอย่างไม่รู้ตัว นี่ไม่ควรที่จะสงสัยหรือ?
ไม่ว่าพระชายาทำอะไร เขาล้วนต้องรายงานท่านอ๋อง ดีที่สุดคือให้ท่านอ๋องหย่ากับพระชายา ในจวนออกจะได้ไม่มีเรื่องอลม่านวุ่นวายทุกวัน
ไม่รอให้เขาได้เปิดปากพูด กู้ชูหน่วนก็พูดขู่ก่อนแล้ว
“อ้อ….ใช่ ข้าจำได้ว่า ช่วงนี้เจ้าสนิทสนมกับชิวเอ๋อร์ของข้าใช่ไหม เจ้าคงไม่ได้คิดที่จะตีสนิทชิวเอ๋อร์ใช่ไหม? ชิงเฟิง เจ้าเป็นองครักษ์ที่จงรักภักดีท่านอ๋องที่สุด จะคิดหลอกล่อชิวเอ๋อร์ได้อย่างไร วันนี้เจ้าหลอกล่อชิวเอ๋อร์ พรุ่งนี้คิดอยากจะหลอกล่อข้าหรือเปล่า?”
ชิงเฟิงพูดขึ้นอย่างตกตะลึงว่า “พระชายา นี่ท่านพูดอะไร ข้าจะกล้าหลอกล่อท่านได้อย่างไร ท่านเป็นเมียของท่านอ๋อง เป็นพระชายาจวนอ๋องหาน”
“พูดแบบนี้ เจ้ายอมรับแล้วว่าเจ้าหลอกล่อชิวเอ๋อร์?”
“ไม่….ไม่มีเรื่องแบบนี้ ข้าน้อยจงรักภักดีซื่อสัตย์กับท่านอ๋อง จะไม่ทำอะไรไปเรื่อยเด็ดขาด”
“อ้อ….งั้นข้าคงเข้าใจผิด ช่วงนี้ข้ามักจะเห็นเจ้าแอบไปหาชิวเอ๋อร์ ข้ายังนึกว่าเจ้าชอบชิวเอ๋อร์ ในเมื่อไม่ใช่ งั้นก็ดีที่สุด เพราะข้าอยากที่จะยกชิวเอ๋อร์ให้แต่งงานกับอวี่ฮุยน้องชายของข้า”
ชิงเฟิงขนพองขึ้นมาทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “อะไรนะ ยกชิวเอ๋อร์ให้แต่งงานกับอวี่ฮุย? ทำแบบนี้ได้อย่างไร อวี่ฮุยเป็นคุณชายเสเพล และสถานะของเขาก็ร่ำรวย ไม่มีทางแต่งงานยกให้ชิวเอ๋อร์เป็นเมียแน่ มากสุดก็แค่ให้ชิวเอ๋อร์เป็นสนม ด้วยอุปนิสัยของชิวเอ๋อร์ ให้นางเป็นสนม นางไม่ยินยอมอย่างแน่นอน”
“น่าแปลก ในเมื่อเจ้ากับชิวเอ๋อร์ไม่เป็นอะไรกัน แล้วเจ้าจะตื่นเต้นทำไม? ชิวเอ๋อร์เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง ได้เป็นสนมของอวี่ฮุย ก็ไม่ได้ทำให้นางเสียหายอะไร ในทางกลับกัน ถือเป็นการยกสถานะของนางให้มีค่ายิ่งขึ้น ต่อไปได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย”
“พระชายา ชิวเอ๋อร์จงรักภักดีต่อท่าน ท่านทำเช่นนี้กับนางได้ลงคอหรือ ข้าน้อยขอร้องให้ท่านถอนคำสั่ง”
กู้ชูหน่วนเอามือไขว่หลัง มองดูชิงเฟิงพี่คุกเข่าขอร้องอ้อนวอนอยู่อย่างสูงส่ง มุมปากเผยรอยอมยิ้ม
“ไม่ให้ชิวเอ๋อร์แต่งงานกับอวี่ฮุยก็ได้ งั้นเจ้าพูดมา วันนี้ข้าทำอะไรไปบ้าง?”
“คือ…. ข้าน้อยจะรู้ได้อย่างไรว่าพระชายาทำอะไรไปบ้าง ข้าน้อยสลบไปแล้ว” และมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าพระชายาตั้งใจให้เขาสลบไป
กู้ชูหน่วนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีว่า “หลังจากกลับจวนแล้ว ข้าจะรีบยกชิวเอ๋อร์ให้กับอวี่ฮุยทันที เจ้าอวี่ฮุยคนนั้น ชอบอวี่ฮุยอย่างที่สุดเลยเชียว”
ชิงเฟิงค่อยได้สติกลับมา เขาแทบอยากที่จะตบหน้าตนเอง แล้วรีบพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยผิดไปแล้ว เมื่อกี้พระชายาอยู่ในห้องส่วนตัวมาตลอด ไม่ได้ออกไปไหนเลย และก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ข้าน้อยก็ไม่ได้สลบไป”
“เชื่อฟัง อย่างนี้ถูกต้องแล้ว เติมข้าก็ไม่ได้ทำอะไร เจ้าสิจะตื่นเต้นอะไรกัน ท่านอ๋องทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยทุกวัน เรื่องแค่นี้ เจ้าจะทำให้เขาต้องคิดมากทำไม?”
“พระชายา ท่านไม่ได้ทำอะไรจริงๆหรือ?”
“งั้นเจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรได้ ข้างนอกไม่ใช่ล้วนเป็นคนของเย่จิ่งหานหรือ? เจ้าสลบไปคนหนึ่ง แล้วพวกเขาก็สลบไปด้วยหรือ?”
ประโยคนี้ ทำให้ในใจชิงเฟิงค่อยโล่งอกไปมาก
อาจจะเป็นเพราะว่าเขาคิดมากไปแล้วจริงๆ ท่านอ๋องสั่งคนเฝ้าอยู่ด้านนอกมากมายขนาดนั้น ขอเพียงมีคนเข้าออกภายในห้องนี้ ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะพระชายากลั่นแกล้งเขาอีกแล้ว
ช่วงนี้ที่อยู่ในจวนอ๋อง เขาถูกพระชายากลั่นแกล้งนับครั้งไม่ถ้วน
“พระชายา งั้นท่านไม่ยกชิวเอ๋อร์ให้กับอวี่ฮุยใช่ไหม”
“ก็ต้องดูการปฏิบัติตัวของเจ้า หากเจ้าฟ้องความผิดของข้าต่อหน้าท่านอ๋องตลอด บางทีข้าอาจจะยกชิวเอ๋อร์ให้เป็นสนมอวี่ฮุยจริงๆ ยังไงก็แค่คนใช้ ไม่มีแล้วก็หาใหม่แค่นั้นเอง คนใช้เพียงแค่สั่งสอนเสียหน่อย มีคนไหนจะไม่จงรักภักดีบ้าง”
คำพูดนี้ชิงเฟิงฟังยังไม่พอใจอย่างยิ่ง
ยิ่งรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนชิวเอ๋อร์ ในใจในสายตาของชิวเอ๋อร์ ล้วนมีแต่พระชายา คอยคิดเผื่อนางทุกอย่าง นางกลับเห็นเป็นแค่สิ่งของอย่างหนึ่ง อยากยกให้ใครก็ยกให้ อยากทิ้งก็ทิ้งไป ไม่มีความเมตตาเลยสักนิด
เสียงประตูใหญ่ถูกเปิดออก
เย่จิ่งหานกลับมาแล้ว
เขาสวมสื้อคลุมผ้าแพรสีม่วง สวมหน้ากากบนใบหน้า มองไม่เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง ทว่าทั้งร่างองอาจสง่าผ่าเผยแผ่ซ่านไปทั่ว ทำให้เพียงแค่มองแวบเดียว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกด้อยกว่า ราวกับอยู่ตรงหน้าเขา พวกเขาเป็นเพียงมดที่ต่ำต้อยเท่านั้น
เย่จิ่งหานเข้ามา กู้ชูหน่วนก็พูดฟ้องยังไม่พอใจว่า
“ท่านอ๋อง เจ้าดูสินี่คืองานประมูลอะไร สิ่งของที่นำมาประมูลไม่มีที่ข้าชอบสักอย่างเลย ข้าอยู่ในนี้จนเบื่อจะแย่แล้ว ทำไมเจ้าไปตั้งนานถึงค่อยกลับมา หรือว่าไปหาสาวอื่นข้างนอก”
เย่จิ่งหานมองดูชิงเฟิง
ชิงเฟิงก้มหน้าก้มตา พูดขึ้นอย่างค่อนข้างรู้สึกผิดว่า “สินค้าประมูลล้วนเป็นสิ่งของที่ดี แต่พระชายาไม่รู้ทำไม ถึงไม่ชอบเลยสักอย่าง”
ไม่รู้ทำไม ชิงเฟิงรู้สึกเหมือนหัวใจของตนเองเต้นรุนแรง
อยู่ข้างกายท่านอ๋องมาตั้งนานหลายปีขนาดนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดโกหก
เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหลงเชื่อพระชายาหรือเปล่า
ความเยือกเย็นรอบกายเย่จิ่งหานผ่อนลงบ้าง กลัวกู้ชูหน่วนจะหวาดกลัว
“ข้าออกไปทำธุระอย่างหนึ่งแค่นั้นเอง เจ้าคิดไปถึงไหนแล้ว ในเมื่อไม่ชอบสิ่งของที่นี่ งั้นเจ้าชอบอะไร ข้ายกให้เจ้า”
“จริงๆหรือ? ไม่ว่าข้าอยากได้อะไร เจ้าก็จะให้?”
ในใจเย่จิ่งหานกระตุก
แววตาแบบนี้ ทำไมเขารู้สึก เหมือนถูกนางหลอกล่อเอาอะไรบางอย่างอีกอย่าง
“ขอเพียงเป็นสิ่งของที่ข้าสามารถหามาได้ ข้าให้แน่นอน ยกเว้นมุกมังกร”
“ต่อให้ข้าอยากขอมุกมังกรจากเจ้า แล้วเจ้ามีมุกมังกรให้ข้าหรือ? วางใจเถอะ ข้าไม่สนใจมุกมังกร”
กู้ชูหน่วนขยับเข้าใกล้เย่จิ่งหาน ดึงเสื้อผ้าของเขา ยิ้มแย้มอย่างเอาใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ได้ยินว่าในพระราชวังมีห้องเก็บสมบัติราชวงศ์ ในนั้นมีเป็นของล้ำค่ามากมาย เจ้าพาข้าไปดูได้ไหม?”
“แค่ก….. ความโลภของเจ้ามีไม่น้อยเลยจริงๆ สิ่งของในนั้น ทุกชิ้นล้วนเป็นสิ่งของล้ำค่าแคว้นเย่ มูลค่ามหาศาล”
“ท่านอ๋องทำใจไม่ได้หรือเปล่า? ข้าก็รู้อยู่แล้ว พวกผู้ชายพูดอย่างทำอย่าง ความจริงแล้วก็เป็นคนที่ตระหนี่ถี่เหนียว”
คิ้วดกดำของเย่จิ่งหานขมวดเล็กน้อย
กำลังคิดอยู่ว่า จู่ๆทำไมนางถึงอยากไปทำอะไรที่ห้องเก็บสมบัติราชวงศ์
ถึงแม้ในนั้นจะมีสิ่งของล้ำค่าไม่น้อย แต่ก็เป็นเพียงพวกอักษรภาพวาดโบราณ ตลอดจนมุกนิลจินดาเท่านั้น ไม่มีสิ่งของพิเศษอะไร
นางไปในนั้น เพื่ออยากหาอะไรกันแน่
ราวกับดูออกถึงความสงสัยของเย่จิ่งหาน
กู้ชูหน่วนเม้นริมฝีปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดกับข้าไปถึงไหนแล้ว ข้าก็แค่อยากไปดูทรัพย์สมบัติในนั้น หากมีที่ถูกใจ ค่อยขอจากท่านอ๋องสักอย่างสองอย่าง ในเมื่อเจ้าไม่ยินยอม งั้นก็ช่างเถอะ ถือว่าข้าไม่เคยพูด ยังไงข้าก็รู้อยู่แล้ว พวกผู้ชายอย่างพวกเจ้าล้วนไม่ใช่คนดีอะไร”
“พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ข้าพาเจ้าไปห้องเก็บสมบัติราชวงศ์”
“จริงๆหรือ? เจ้าไม่เสียดายสมบัติพวกนั้นแล้วหรือ?”
เย่จิ่งหานไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
นี่ท่าทีอะไร?
ราวกับเขาหวงแหนทรัพย์สมบัติพวกนั้น?
ทรัพย์สมบัติมากมายขนาดไหน สำหรับในใจเขา ล้วนสู้เส้นผมเส้นเดียวของนางก็ไม่ได้
“ไม่เสียดาย”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราไปตอนนี้เลย”