อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 431 ความทะเยอทะยาน
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 431 ความทะเยอทะยาน
“ไปตอนนี้? รีบร้อนขนาดนั้นเชียว?”
“ยังเช้าอยู่เลย กลับไปก็ไม่มีอะไรทำ ข้าอุดอู้อยู่ในจวนอ๋องหานขนาดนี้ แถมวันนี้ข้าก็อารมณ์ดีด้วย ได้เงินเยอะขนาดนั้น”
“ได้” เย่จิ่งหานยิ้มอย่างเอาใจ
และไม่ตามถามว่านางเรียนวิชาหลอมยามาจากไหน แล้วหาตัวยามาจากไหนถึงหลอมยาดีขนาดนั้นได้
นับแต่กู้ชูหน่วนข้ามมิติมา ยังเป็นครั้งแรกที่เข้าวังอย่างเป็นทางการ
ที่นี่ขื่อสลักคานวาด ทองอร่ามวาววับ ตำหนักหนึ่งเชื่อมกับอีกตำหนักหนึ่ง สลับซอกแซกชวนมอง
นางเดินเคียงไหล่กับเย่จิ่งหาน คนสัญจรต่างคุกเข่าทำความเคารพ ตกใจจนสั่นสะท้านทั้งตัว
พระราชวังกว้างใหญ่ สถานที่ที่พวกเขาผ่าน ราวกับดินแดนไร้คน ไม่มีผู้ใดกล้าขวาง
กู้ชูหน่วนคิดหาวิธีควรสลัดเย่จิ่งหานอย่างไร
เขาห้องเก็บสมบัติอย่างไรนางก็เอาหัวใจของเข็มทิศเปิดฟ้าต่อหน้าเย่จิ่งหานโดยตรงไม่ได้
นางลองหลายครั้งหากเย่จิ่งหานมีธุระให้ไปจัดการเสียก่อน นางจะไปห้องเก็บสมบัติเอง แล้วเดินชมพระราชวังด้วย
แต่ไม่รู้ว่าเส้นเอ็นเส้นไหนของเย่จิ่งหานเชื่อมต่อผิดพลาด กลับไม่ยอมจากไป จะตามไปห้องเก็บสมบัติให้ได้
ไม่รู้อ้อมเส้นทางในวังกี่สาย ในที่สุดก็ถึงห้องเก็บสมบัติ
การเฝ้ายามห้องเก็บสมบัติแน่นหนา หลังจากเข้าไปแล้วมีคนเปิดกลไกโดยเฉพาะ พวกเขาถึงเข้าไปได้
ข้างในมีประตูหินทั้งหมดห้าบาน
ครั้นเข้าประตูหินบานสุดท้ายแล้ว แม้นางเคยพบของล้ำค่าไม่น้อย ก็ยังอดตะลึงเป็นไม่ได้
ที่นี่มีชั้นเป็นแถบๆ ชั้นแรกล้วนวางของล้ำค่าหายาก วิบวับแวววาวด้วยประกายที่ต่างกัน
มีไข่มุกราตรีที่หนาใหญ่เท่าปากชาม มีไข่มุกทะเลตงไห่ที่ใหญ่พอๆ กับไข่นกพิราบ ขนาดเท่ากันทุกเม็ด เม็ดอวบอิ่มมีน้ำมีนวล ไม่ว่าเม็ดไหนก็มีมูลค่ามหาศาล
ยังมีอักษรภาพ ของโบราณ อัญมณีโมราและอื่นๆ จำนวนมากที่สืบแต่โบราณ
กู้ชูหน่วนตะลึง “ของล้ำค่ามากมายขนาดนี้?”
“ชอบอะไร ไปเลือกเอง”
อะไรเรียกว่าชอบอะไร? นางอยากได้ทุกชิ้นในนี้!
แต่ถ้าเทียบกับหัวใจของเข็มทิศเปิดฟ้า นางยังอยากได้หัวใจของเข็มทิศเปิดฟ้ามากกว่า
“ได้ ข้าไปเลือกเดี๋ยวนี้”
ในใจกู้ชูหน่วนบังเกิดความหวัง
นางคิดไม่ถึง ว่าจะได้หัวใจของเข็มทิศเปิดฟ้าไว้ในมือง่ายดายเพียงนี้
เปิดกล่องออกใบแล้วใบเล่า ข้างในมีทุกสิ่ง แต่กลับไม่มีหัวใจของเข็มทิศเปิดฟ้า
บางชิ้นก็เป็นเพียงสร้อยคอรูปหัวใจกับหยก
แต่ขนาดไม่เหมือนกับลักษณะรูปหัวใจของเข็มทิศเปิดฟ้าเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นหัวใจของเข็มทิศเปิดฟ้า
กู้ชูหน่วนกลัวเย่จิ่งหานสงสัย เริ่มแรกยังพอปั้นหน้าเล่นละครได้ แต่ยิ่งหา นางก็ยิ่งหนักใจ
หลังจากค้นหารอบหนึ่งแล้ว กลับไม่พบหัวใจของเข็มทิศเปิดฟ้าเลย
“เป็นอย่างไร มีที่ชอบไหม?” เย่จิ่งหานนั่งอยู่ด้านข้าง จิบชาไปก็มองนางไป
“ท่านอ๋อง ของดีที่นี่มีมากเกินไป ข้าดูจนตาลายไปหมดแล้ว รู้สึกชอบไปหมดทุกชิ้น ท่านให้เวลาข้าอีกหน่อยเถอะ ข้าจะเทียบเคียงอีก”
กู้ชูหน่วนเพิ่มความเร็ว ค้นหาอีกครั้ง แม้แต่ตามซอกตามมุมก็ยังค้นหาโดยละเอียด กระทั่งตรวจสอบว่ามีช่องลับหรือไม่อย่างทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ แต่น่าเสียดาย นางผิดหวังอีกครั้ง
ที่นี่ยังคงไม่มีอะไรทั้งสิ้น
“เจ้ากำลังหาอะไร?”
“ก็แน่ล่ะ ท่านเจ้าเล่ห์ขนาดนั้น เกิดมีของดีอะไรเก็บซ่อนไว้มุมไหน จงใจไม่ให้ข้าเห็น เช่นนั้นข้ามิต้องเสียเปรียบหรือ?” กู้ชูหน่วนยิ้มแห้ง
“ห้องเก็บสมบัติไม่จำเป็นต้องมีช่องลับ หากไม่มีคำสั่งของข้า ใครก็เข้าห้องนี้ไม่ได้” ถ้อยคำนี้เขาเอ่ยได้อย่างมั่นใจ
กู้ชูหน่วนหารอบที่สามก็ยังหาไม่เจอ ไปตรงหน้าเย่จิ่งหานอย่างอดไม่ได้ ถามแบบหยั่งเชิง “สมบัติล้ำค่าอยู่ที่นี่หมดแล้วหรือ? คงมิใช่เพราะข้าจะมา ท่านก็เลยเอาของบางอย่างไปซ่อนหรอกนะ?”
“เจ้าคิดว่าข้าต้องซ่อนอะไร? ใต้หล้านี้ข้าต้องการอะไรก็ได้ ต้องซุกซ่อนหรือ? กลับเป็นเจ้า คงมิใช่ดื่มสุราโดยไม่ได้มุ่งเสพรสชาติของสุรากระมัง?”
“เพ้อเจ้ออะไร ข้ากลัวว่าท่านจะเอาของดีไปซ่อนไว้ เนี่ย ข้าเอาอันนี้แหละ”
กู้ชูหน่วนเลือกไข่มุกราตรีที่ใหญ่เท่าปากชามเม็ดนั้น
ยามราตรีไข่มุกราตรีนี้ทอประกายแวววาว ส่องสว่างรอบบริเวณได้ มีมัน ต่อไปยังใช้เป็นไฟฉายได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไข่มุกราตรีเม็ดนี้มีราคาไม่ด้อยไปกว่าของสิ่งอื่นในนี้
เพียงแต่กู้ชูหน่วนไม่ดีใจสักนิด
หัวใจของเข็มทิศเปิดฟ้าไม่อยู่ที่นี่ แล้วจะอยู่ที่ไหน?
หรือว่า…
ข่าวของเสี่ยวลู่ผิดพลาด?
“ได้ เช่นนั้นก็ขอมอบไข่มุกราตรีเม็ดนี้ให้เจ้า”
“ให้หลายเม็ดหน่อยได้ไหม?”
“ไม่ได้”
“อีกเม็ดก็พอ”
“เม็ดเดียวก็ไม่ได้”
“ขี้เหนียว!”
“เห็นว่าในวังมีงานเลี้ยง หากเจ้าชอบเข้าร่วมงานเลี้ยง ก็ไปดูได้”
กู้ชูหน่วนคิดปฏิเสธแบบอัตโนมัติ แต่นึกถึงเนตรเข็มทิศเปิดฟ้า วาจาที่ปากนางจึงเปลี่ยน “ได้สิ ข้ายังไม่เคยเห็นงานเลี้ยงในวังเลย ข้าอยากเปิดหูเปิดตาเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเป็นงานเลี้ยงอะไรสินะ?”
“งานเลี้ยงวันเกิดองค์หญิงตังตัง ผ่านวันนี้ไป นางก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว”
“สิบแปด?”
“สิบห้า” เย่จิ่งหานกรอกตาขาวใส่นาง
สตรีแคว้นเย่ไม่เป็นผู้ใหญ่ตอนอายุสิบหกก็เป็นสิบห้า แม้แต่เรื่องนี้นางก็ไม่รู้ แล้วยังกล้าพูดว่าสิบแปดอีก?
สตรีอายุสิบแปด กระทั่งออกเรือนแล้วกระมัง?
คิดว่าใครก็ออกเรือนช้าเหมือนนางหรืออย่างไร?
“อ๋อ…ก็ได้ เปิดหูเปิดตาก็พอ” กู้ชูหน่วนคิดว่าจะสลัดเย่จิ่งหานอย่างไร
คิดไม่ถึงเย่จิ่งหานกลับเอ่ยขึ้นก่อน “กลางคืนข้ายังมีธุระ เจ้าไปร่วมงานเลี้ยงเองเถอะ ชิงเฟิงจะไปเป็นเพื่อนเจ้า”
“ได้สิ”
นางอยากอยู่แล้วล่ะ
หลังจากกู้ชูหน่วนแยกกับเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนก็ศอกใส่หน้าอกของชิงเฟิง “นี่ ช่วงนี้ท่านอ๋องของเจ้าทำอะไรน่ะ ทำไมข้ารู้สึกว่าเขายุ่งทั้งวัน คงไม่ได้คิดเรื่องชั่วร้ายวางแผนอะไรกระมัง?”
“ข้าน้อยเป็นเพียงบ่าวรับใช้ เรื่องของท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่แน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ”
เขารู้แต่เพียง เขาไม่อยากปรนนิบัติพระชายาเป็นที่สุด!
แต่ต้องเป็นเขาคุ้มครองพระชายาทุกทีสิน่า!
“งานเลี้ยงอยู่ที่ไหน พาข้าไป”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ชิงเฟิงนำนางเดินในพระราชวัง
กู้ชูหน่วนให้เขาเดินอยู่ข้างหน้า แนะนำทัศนียภาพของวังหลวง ความสนใจ งานอดิเรกและอื่นๆ ของเจ้านายแต่ละคนในวังหลวง
ชิงเฟิงทำตามที่นางประสงค์ แต่พูดไปเดินไป ครั้นหันกลับไปดูอีกที ไม่รู้กู้ชูหน่วนหายไปตั้งแต่เมื่อใดแล้ว
ชิงเฟิงแทบอยากตายเสียเดี๋ยวนี้
ถูกพระชายาสลัดทิ้งอีกแล้ว!
พระชายาแกล้งเขาอยู่เรื่อย!
หากนางเกิดเรื่องอะไรในวังหลวง เช่นนั้นเขาจะรายงานกับท่านอ๋องอย่างไร?
ครั้นคิดเช่นนี้ ชิงเฟิงก็เริ่มตามหาพระชายา
ณ อุทยานหลวง
กู้ชูหน่วนเดินพลางสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ
หาหัวใจของเข็มทิศเปิดฟ้าไม่พบ นางไม่ยอม!
ทันใดนั้นเอง เบื้องหน้าก็มีเสียงตวาดด้วยความเดือดดาลดังขึ้น
“อะไรนะ แพ้อีกแล้ว?! เป็นไปได้อย่างไร? ข้าเลี้ยงพวกเจ้ามานานขนาดนี้ เลี้ยงพวกกินเสียข้าวสุกหรือ?”
“ฝ่าบาทโปรดอย่างทรงกริ้ว แม่ทัพของแคว้นฮั่วร้ายกาจมากเกินไปจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ พวกเราที่นี่ไม่มีแม่ทัพ ก็เลย…”
“ฝ่าบาท มิเช่นนั้นก็เชิญเทพสงครามกลับมาเถอะพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงเทพสงครามไปออกศึก หรือว่าคนของเขาไปออกศึก แคว้นเย่เราต้องชนะแน่พ่ะย่ะค่ะ”
“ชนะอะไร? ถึงจะชนะ เช่นนั้นบัลลังก์ของข้าก็รักษาไม่ได้แล้ว เจ้าก็ไม่ดูความทะเยอทะยานของเทพสงครามสักหน่อยเล่า?!”