อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 435 คุกเข่าเลียนแบบสุนัขเห่า
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 435 คุกเข่าเลียนแบบสุนัขเห่า
กู้ชูหน่วนกุมมือที่นางวาดมา ยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม “องค์หญิงตังตัง ลงไม้ลงมือกับผู้ใหญ่ จะถูกฟ้าผ่าเอาได้นะเพคะ” “บังอาจ! เจ้ากล้าว่าข้าจะถูกฟ้าผ่าหรือ?!”
“หากองค์หญิงไม่ลงมือกับผู้ใหญ่ จะถูกฟ้าผ่าได้อย่างไร สวรรค์เอ็นดูองค์หญิงจะตายเพคะ”
“ตังตัง” ไทเฮาตวาดเสียงดุ
นางได้เห็นฝีปากของกู้ชูหน่วนนานแล้ว ถึงจะเอาทุกคนที่นี่มารวมกัน ก็ยังประชันกับฝีปากนางไม่ได้
“ทำความเคารพเสด็จอาสะใภ้”
“เสด็จแม่…”
อารมณ์องค์หญิงตังตังมืดมนทันที
หากไม่ใช่เพราะกู้ชูหน่วนใช้แผนการ นางจะทุ่มเงินขนาดนั้นประมูลคัมภีร์ซือจิงที่ไม่มีประโยชน์เล่มหนึ่งในที่จัดประมูลเฟิงเซียงได้อย่างไร? ที่น่าแค้นที่สุดก็คือ นางยังควักเงินออกมาไม่ได้ เป็นถึงองค์หญิง กลับถูกที่จัดประมูลเฟิงเซียงกักตัวไว้ นางขายหน้าไปหมดแล้ว!
ที่อัดอั้นกว่านั้นคือ หลังจากเรื่องนั้นนางจะไปหาเรื่องที่จัดประมูลเฟิงเซียง แต่เสด็จแม่กับเสด็จพี่ฮ่องเต้ต่างให้นางอดกลั้นเอาไว้ บอกว่าอิทธิพลเบื้องหลังที่จัดประมูลเฟิงเซียงใหญ่มาก ไม่จำเป็นต้องล่วงเกิน
“รีบคารวะ!”
สีหน้าองค์หญิงตังตังราวกับเจือสีสัน เปลี่ยนแปลงไม่หยุด สุดท้ายก็กลับไปนั่งตรงตำแหน่งของตัวเองอย่างตะบึงตะบอน
กู้ชูหน่วนยิ้มน้อยๆ “องค์หญิงตังตังยังเด็ก ไม่รู้มารยาทธรรมเนียมก็ปกติ วันนี้เป็นพิธีบรรลุนิติภาวะขององค์หญิงตังตัง เราก็อย่าได้ถือสาองค์หญิงตังตังเลยเพคะ”
นางไม่พูดยังดี ครั้นพูดออกมาองค์หญิงตังตังก็พองขน
อะไรเรียกว่านางไม่ถือสานาง? ทำอย่างกับนางใจกว้างอย่างนั้นแหละ ส่วนนางก็จิตใจคับแคบ
“กู้ชูหน่วน อย่าคิดว่าเจ้าเป็นพระชายาหานแล้วจะทำอะไรก็ได้นะ เสด็จแม่ข้าคือไทเฮาแห่งราชวงศ์นี้ เสด็จพี่คือฮ่องเต้ในตอนนี้ ส่วนข้า ก็เป็นองค์หญิงร่วมสายเลือดกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ว่าด้วยฐานันดร ข้าสูงศักดิ์กว่าเจ้ามาก!”
ไทเฮาแทบอยากเป็นลมตาย
บัดนี้ราชสำนักภายในน่ากังวลภายนอกไม่สงบ ไม่ควรล่วงเกินเทพสงครามจริงๆ มิเช่นนั้น แคว้นเย่ต้องล่มสลายแล้ว
องค์หญิงตังตังก็จริงๆ เชียว เกิดนางไปฟ้องเทพสงคราม เช่นนั้นพวกนางสามแม่ลูกจะทำอย่างไร?
“พระชายาหาน องค์หญิงตังตังยังเด็ก อย่าถือสานางเลย วันหลังข้าจะให้องค์หญิงตังตังไปขอขมาที่จวนด้วยตัวเอง”
“เสด็จแม่…!”
“เจ้าหุบปาก”
“เฮอะ”
ฮ่องเต้เย่นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรสูง เขาก็ไม่ชอบกู้ชูหน่วนเหมือนกัน แต่เขาจำต้องอาศัยกู้ชูหน่วน จึงได้แต่อดทน
กู้ชูหน่วนหาตำแหน่งหนึ่ง นั่งลงตามอัธยาศัย หยิบผลไม้ด้านข้างขึ้นกิน “หม่อมฉันจะถือสาองค์หญิงได้อย่างไรเพคะ ไทเฮาตรัสหนักแล้ว เมื่อครู่พวกท่านกำลังสนทนาอะไรกันอยู่หรือ? สนุกสนานเช่นนั้น”
ไทเฮาหน้าขรึม
ผู้หญิงคนนี้ เห็นนางเป็นอากาศธาตุหรืออย่างไร?
ในสายตายังมีนางที่เป็นไทเฮาคนนี้อยู่หรือไม่? ถึงกับแม้แต่คารวะก็ไม่ทำ กำแหงสิ้นดี!
ขุนนางใหญ่นามหนึ่งเล่นลิ้น พูดจาฉอเลาะ “องค์หญิงตังตังตรัสว่าทรงอยากประลองยิงธนู หากผู้ใดทำได้ดีที่สุด จะประทานรางวัลอย่างงามพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนี้หรือ ข้าเข้าร่วมด้วยได้หรือไม่? ถึงข้าจะไม่เคยยกคันธนูก็เถอะ แต่ข้าก็อยากร่วมสนุกสักหน่อย”
ขณะที่ทุกคนอย่างเงียบอยู่ องค์หญิงตังตังก็เอ่ยปากขึ้นก่อน นางยิ้มเย็นเอ่ย “เจ้าอยากร่วมก็ได้ แต่เจ้าควรพนันอะไรสักหน่อยกระมัง?”
“อ้อ…ฟังจากน้ำเสียงขององค์หญิง ทรงอยากพนันกับหม่อมฉันหรือเพคะ?”
“อย่างไร? เจ้าไม่กล้า?”
“มีอะไรไม่กล้าเพคะ ไม่ได้พนันตั้งนานแล้ว มือหม่อมฉันกำลังคันยุกยิกอยู่พอดีเลย”
“เช่นนั้นก็ได้ หากเจ้าแพ้ เจ้าต้องคุกเข่าตรงหน้าข้า เห่าเลียนแบบสุนัขร้อยหน แล้วคลานรอบอุทยานหลวงหนึ่งรอบ”
“ได้สิเพคะ” กู้ชูหน่วนไม่คิดสักนิด ตอบตกลงทันที
เกิดเสียงอื้ออึงดังระงมขึ้นมาทั่วงาน
นางเป็นถึงพระชายาหาน
หากแพ้ หรือจะต้องคุกเข่าเห่าเลียนแบบสุนัขจริงๆ?