อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 436 พนันสิบชนะเก้า
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 436 พนันสิบชนะเก้า
กู้ชูหน่วนเอ่ย “เช่นนั้นหากหม่อมฉันชนะล่ะ องค์หญิงจะเช่นไรเพคะ?”
“แล้วเจ้าจะเอาอย่างไร?”
“องค์หญิงตรัสเช่นนี้ อย่างน้อยหม่อมฉันก็เป็นเสด็จอาสะใภ้ขององค์หญิง หรือว่าหม่อมฉันชนะ ก็ต้องให้องค์หญิงคุกเข่าเห่าเลียนแบบสุนัขด้วยหรือเพคะ?”
ถ้อยคำนี้ กำลังเสียดแทงทัศนะแคบขององค์หญิงตังตัง จิตใจแคบยิ่งกว่า
บางทีองค์หญิงตังตังอาจฟังความหมายในถ้อยคำของนางไม่ออก แต่ไทเฮากลับเข้าใจ มือที่กระดูกข้อแบ่งชัด กำแน่นดังกรอบอย่างไม่รู้ตัว
“เช่นนี้แล้วกันเพคะ หากองค์หญิงแพ้ หม่อมฉันจะเอาของชิ้นหนึ่งจากจวนองค์หญิง ถือเป็นรางวัล”
“เจ้าอยากได้อะไรจากข้า?”
“องค์หญิงตื่นเต้นทำไมเพคะ หรือคิดว่าหม่อมฉันต้องการชีวิตขององค์หญิง หม่อมฉันไม่น่าเบื่อขนาดนั้นหรอกเพคะ สิ่งที่หม่อมฉันต้องการง่ายมาก ทรงให้ได้แน่นอน”
องค์หญิงตังตังฟังอย่างตั้งใจ
นางเสียทีกับกู้ชูหน่วนหลายครั้งเหลือเกิน ไม่พูดของรางวัลให้ชัดเจน นางจะไม่ส่งเดชเด็ดขาด
กลับเห็นกู้ชูหน่วนมองลำคอและข้อมือว่างเปล่าของตนเองอย่างลอยๆ เอ่ยอย่างหงอยๆ “พวกท่านแต่ละคนสวมทองใส่เงิน ตัวหม่อมฉันว่างเปล่า ไม่เทียบยังพอทำเนา พอเทียบแล้วช่างข้นแค้นนัก เช่นนี้แล้วกัน หากหม่อมฉันชนะ หม่อมฉันจะเอาเครื่องประดับจากจวนองค์หญิงชิ้นหนึ่ง อาจเป็นเพชรพลอยอย่างสร้อยคอ สายข้อมืออะไรเทือกนี้”
“แค่นี้?”
ทุกคนต่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย
พวกเขาต่างคิดว่ากู้ชูหน่วนจะฉวยโอกาสเอาคืน
ไทเฮามักรู้สึกแปลกอยู่บ้าง แต่นางเค้นมันสมองอย่างไรก็คิดไม่ออก ว่ากู้ชูหน่วนจะทำอะไรกันแน่
หรือว่าต้องการเพียงแค่เพชรนิลจินดาเงินทองนิดหน่อยจริงๆ?
กู้ชูหน่วนกรอกตาขาวใส่ทุกคน “มองข้าทำไม? หน้าข้ามีอะไรหรือ? ข้าว่าองค์หญิงตังตัง จะพนันหรือไม่กันแน่เพคะ? หากไม่ หม่อมฉันก็จะไปล่ะ”
“พนัน! ตอนนี้เลย! หัวข้อข้าเป็นคนกำหนด ทั้งหมดสามหัวข้อ ขอเพียงเจ้าทำได้หมด ถือว่าเจ้าชนะ”
“ได้สิเพคะ”
“อย่างแรก นี่คือลูกธนูสิบดอก แต่ละดอกเจ้าต้องยิงให้เข้าตรงกลางเป้า ขอเพียงเฉียงไปดอกหนึ่ง ก็ถือว่าเจ้าแพ้ และสามหัวข้อนี้ ขอเพียงเจ้าแพ้หนึ่งหัวข้อ ก็ถือว่าล้มทั้งกระดาน”
“ได้เพคะ”
เหล่าขุนนางใหญ่ต่างวิพากษ์วิจารณ์
ผู้หญิงบอบบางคนหนึ่ง ลูกธนูสิบดอกต้องปักใจกลางเป้า แม้นเป็นแม่ทัพกล้าหาญชำนาญการรบ ก็ไม่แน่ว่าจะยิงเข้าทั้งหมด
ถึงยาก แต่เหล่าขุนนางใหญ่ก็ไม่พูดอะไร
กระทั่งถึงลานฝึก…
ระยะห่างที่องค์หญิงตังตังกำหนดไกลถึงหนึ่งร้อยเมตร
เอาเปรียบ ถึงกับหนึ่งร้อยเมตรเต็มๆ
นางไม่ไปยิงเองเล่า? ห่างหนึ่งร้อยเมตร คนธรรมดาสามัญใครจะยิงถูก นี่จงใจแกล้งกันชัดๆ
เหล่าขุนนางใหญ่กระซิบกระซาบกัน
“ครั้งนี้พระชายาหานต้องแพ้แน่แล้ว”
“ก็นั่นนะสิ ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าพระชายาหานยิงธนูเป็น พิณ หมาก อักษร ภาพยังพอทำเนา ยิงธนู? เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
“ข้าว่านางง้างสายยังง้างไม่ออกเลยกระมัง”
“องค์หญิงตังตังจงใจแก้แค้นชัดๆ เฮ้อ…พระชายาหานเจอองค์หญิงตังตัง โชคร้ายจริงๆ เลย”
กู้ชูหน่วนไม่ยี่หระกับการเสียดสีของทุกคน นางหยิบคันธนูขึ้น ลูบไล้อย่างระมัดระวัง
นางไม่ได้จับคันธนูมานานเท่าใดแล้ว? แทบลืมว่าคันธนูเป็นอย่างไรแล้วกระมัง?
ปรายตา กลับเห็นองค์หญิงตังตังยิ้มได้ใจ ฮ่องเต้เย่สนุกสนานบนความทุกข์ผู้อื่น แววตาไทเฮามืดมน ดูไม่ออกว่าคิดอะไรกันแน่
กู้ชูหน่วนโน้มเอวจับธนู เดินพลางยิง ไม่กระทั่งมองจุดกลางของเป้า ยิงลูกธนูไปโดยตรงฟิ่ว การเคลื่อนไหวเนือยๆ ตามอัธยาศัยอย่างที่พูดไม่ออก
ในลานฝึกเกิดเสียงสูดลมเย็น
“สวรรค์ ดอกแรกเข้าเป้าแล้ว!”
“ดอกที่สองก็เข้าแล้ว!”
“ดอกที่สามก็เข้าแล้ว! สวรรค์! พระชายาไม่ได้มองใจกลางเป้า แถมแต่ละครั้งก็ยิงไปอย่างนั้น ทำไมยังตรงจุดได้ทุกครั้งอีก?!”
“ไม่อยากจะเชื่อ ยิงไปอย่างนั้นยังเข้าเป้าทุกดอก นี่เป็นเทพธนูกลับชาติมาเกิดโดยแท้!”