อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 441 พลาดเห็นไข่มุกเป็นตาปลา
ห้องเก็บสมบัติไม่ใหญ่ ของข้างในยิ่งน้อยจนน่าสงสาร นางเดินรอบหนึ่ง หาจี้รูปหัวใจไม่พบ อดขมวดคิ้วเป็นไม่ได้
เห็นนางขมวดคิ้ว องค์หญิงตังตังรู้สึกเพียงอับอาย ในใจกระอักกระอ่วนยิ่งนัก
ทว่าไทเฮากลับแสร้งเป็นไม่เห็น ยังคงยิ้มเอ่ย “พระชายาหาน ไม่รู้ว่ามีเครื่องประดับที่ชอบแล้วหรือยัง? หากมี ก็เอาไปเถอะ”
ฮ่องเต้เย่ก็รู้สึกขายหน้าอยู่มากเช่นกัน เขาเปิดปากเอ่ย “หากเจ้าไม่ชอบ ก็ไปดูที่ห้องเก็บของของข้า เลือกสักสองสามชิ้นเถอะ”
“หม่อมฉันจะตั้งใจดูอีกรอบเพคะ”
กู้ชูหน่วนดูอย่างละเอียดมาก ตั้งใจตรวจดูกล่องที่วางเครื่องประดับแต่ละกล่อง แม้เป็นกล่องหรือลิ้นชักที่ไม่ได้บรรจุเครื่องประดับอัญมณี นางก็ตั้งใจเสาะหาด้วยความตั้งใจ
ทุกคนต่างมึนงง นางจะทำอะไรกันแน่ กล่องกับลิ้นชักเหล่านั้นไม่มีสิ่งใด
มีเพียงไทเฮาที่ใจเต้นตุบตับ
เป็นอย่างที่คิด ดื่มสุราโดยไม่ได้มุ่งเสพรสชาติของสุรา
กู้ชูหน่วนค้นหาทุกซอกทุกมุมสามรอบเต็ม แต่ก็หาเครื่องประดับที่เกี่ยวกับจี้รูปหัวใจไม่ได้สักนิด อดหดหู่เป็นไม่ได้
ห้องเก็บสมบัติแทบถูกย้ายไปหมดแล้ว ของสำคัญเช่นนั้น จะเหลือไว้ได้อย่างไร?
ทันใดนั้นเอง เท้าของนางก็เหมือนสัมผัสถูกของสิ่งหนึ่ง กู้ชูหน่วนก้มหน้ามอง กลับเป็นหีบไม้อยู่ในซอกหนึ่ง ยังมีกล่องเล็กๆ อีกหลายใบ
กล่องเหล่านั้นบ้างวัสดุคุณภาพแย่ บ้างขาดการแกะสลัก บ้างไม่รู้ว่าวางไว้กี่ปีแล้ว ล้วนถูกกาลเวลาชะรุนแรง
องค์หญิงตังตังกล่าวอธิบาย “ในหีบไม้นั้นหากไม่ใช่ของไม่มีราคาก็เป็นของอัปมงคล เดิมคิดจะทิ้ง ตอนหลังลืมไปเสีย จึงทิ้งอยู่ในมุมซอกนั้นมาตลอด หากเจ้าต้องการ ก็ยกให้เจ้าทั้งหมดเลยแล้วกัน”
กู้ชูหน่วนเปิดกล่องหนึ่งออก ข้างในเป็นปิ่นระย้าหักอันหนึ่ง
เปิดอีกกล่องหนึ่ง ข้างในเป็นเศษไข่มุก ไม่มีค่ามีราคาอะไร
ถัดจากนั้นมากมายล้วนเป็นของตกระดับ
กระทั่งเปิดกล่องใบสุดท้าย ที่ปรากฏอยู่ด้านในคือสร้อยคอจี้รูปหัวใจ สร้อยคอเส้นนั้นเป็นสีแดงเลือดทั้งหมด แดงจนคล้ายเจือเลือดสด ขนาดเท่ากับที่นางต้องการ
ในใจกู้ชูหน่วนดีใจกระตู้วู้
จี้รูปหัวใจ
หรือว่าก็คือชิ้นส่วนของเข็มทิศเปิดฟ้า
ครั้นไทเฮาเห็นสร้อยเส้นนี้ สมองก็ตึง แทบเป็นลมจับ
สร้อยเส้นนี้ล้ำค่าเช่นนี้ เหตุใดจึงวางอยู่ในซอกหลืบได้? แล้วยังถูกเห็นเป็นของตกระดับอีก
ตอนนั้นนางมิได้พร่ำบอกพร่ำกำชับ ว่าต้องเก็บรักษาสร้อยเส้นนี้ให้ดีๆ หรือ?
องค์หญิงตังตังเห็นสร้อยเส้นนี้ เอ่ยอย่างไม่แยแส “หากเจ้าชอบสร้อยเส้นนี้ ก็ให้เจ้าแล้วกัน แต่อย่าหาว่าข้าไม่เตือนนะ สร้อยเส้นนี้ไม่ใช่ของดีอะไร เสด็จพ่อข้าได้มันมาไม่นานก็เสด็จสวรรคต ข้าสวมมันแล้ว ก็เกิดเรื่องร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า สร้อยเส้นนี้เป็นของอัปมงคล หากเจ้าใส่ เกิดเรื่องอะไรก็อย่ามาโทษข้า”
กู้ชูหน่วนพยายามปรับอารมณ์สุดประมาณ ไม่ให้ผู้อื่นสังเกตเห็นความผิดแผก ปั้นหน้าเหมือนไม่มีอะไร
ในใจไทเฮาร้อนรน กลับไม่กล้าแสดงออก เกรงว่ากู้ชูหน่วนสังเกตเห็นจะเอาสร้อยเส้นนี้ทันที ได้แต่เอ่ย “ในตำหนักข้ายังมีเครื่องประดับสวยงามมีค่าอีกมาก มิเช่นนั้นเจ้าก็ไปเลือกในตำหนักข้าเถอะ เครื่องประดับในจวนองค์หญิงมิค่อยงามจริงๆ”
“เสด็จแม่…”
องค์หญิงตังตังเรียกอย่างขุ่นเคืองเสียงหนึ่ง
คนอื่นลบหลู่นางก็แล้วไป เหตุใดแม้แต่เสด็จแม่ก็ว่านางด้วย?
กู้ชูหน่วนวางจี้รูปหัวใจไว้ในกล่องเครื่องประดับ ถอนหายใจ “เฮ้อ ช่างเถอะเพคะ การแข่งขันก็แข่งมาค่อนวัน เหนื่อยจะแย่ หม่อมฉันขี้เกียจเดินแล้วเพคะ ในจวนองค์หญิงไม่มีของที่หม่อมฉันอยากได้เป็นพิเศษจริง หม่อมฉันก็ฝืนเอาสร้อยเส้นนี้แล้วกันเพคะ”
ตึง…
ไทเฮาแทบยืนไม่ติด