อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 447 คิดเป็นจริงเป็นจังน่ากลัวเกินไปแล้ว
- Home
- อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม
- บทที่ 447 คิดเป็นจริงเป็นจังน่ากลัวเกินไปแล้ว
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 447 คิดเป็นจริงเป็นจังน่ากลัวเกินไปแล้ว
ต้องรู้ว่านางเอกหยางฉู่ลั่วไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อเท่านั้น ยังมีความสัมพันธ์กับพระรองเฟิงหลิงด้วย ที่สำคัญที่สุดคือ มีสัมพันธ์กับเฟิงหลิงบนเตียงขอฉู่หยู่เฉิน! นี่เขียนฉู่หยู่เฉินได้แย่มาก ท่านอ๋องของพวกเขาเป็นผู้ใด? ฉู่หยู่เฉินจะเทียบได้อย่างไร?
เย่จิ่งหานคิดว่าถ้อยคำของชิงเฟิงถูกต้องแล้ว แต่ก็รู้สึกทะแม่งตรงไหนอีก
เย่จิ่งหานอ่านต้นฉบับของเรื่องแล้วพึมพำกับตัวเอง “นางให้หยางฉู่ลั่วเป็นตัวเอง จงใจให้ข้าอ่านเรื่องนี้ ให้ข้ารู้ว่านางลำบากเพียงไร ให้ข้าควรถนอมนางให้มากหรือ?”
มุมปากชิงเฟิงกับเจี่ยงเสวียกระตุก
หยางฉู่ลั่วโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง บอบบางอ่อนแอ
พระชายาของเขาเป็นประเภทอ่อนแอใจดี ให้คนรังแกตามชอบ?
แต่ไรมามีแต่พระชายารังแกผู้อื่น ยังไม่เคยพบเห็นผู้ใดทำให้พระชายาเสียเปรียบได้
แม้แต่ท่านอ๋องของพวกเขายังต้องตกอยู่ในมือพระชายาอยู่บ่อยครั้ง จนปัญญากับพระชายาอย่างสมบูรณ์
“พวกเจ้าว่า ในเรื่องของนางเฟิงหลิงคือใคร? จอมมาร? หรือว่าเซียวหยู่เซวียน?”
“เออ…ท่านอ๋อง ไม่ว่าจะเป็นจอมมารหรือเซียวหยู่เซวียนก็ไม่ค่อยเหมือนกระมังพ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งหานฉุกความคิด “หรือว่าข้างตัวนางยังมีผู้ชายที่ข้าไม่รู้อีกหรือ?”
ชิงเฟิง “…”
เจี่ยงเสวีย “…”
พระชายาแค่แต่งเรื่องเท่านั้น ท่านอ๋องจะคิดเป็นจริงเกินไปแล้วกระมัง?
“สืบ! สืบมาให้ข้า! นอกจากเซียวหยู่เซวียนกับจอมมารและอี้เฉินเฟยแล้ว ข้างตัวนางยังมีผู้ชายคนไหนมีสัมพันธ์คลุมเครือกับนางอีก?”
ชิงเฟิงและเจี่ยงเสวียพากันปาดเหงื่อ
พระชายาโปรดอย่างเขียนให้มากกว่านี้อีกเลย!
มากกว่านี้ ยังไม่รู้ว่าระหว่างนั้นจะปรากฏชายงามเท่าใดอีก
หากทุกคนที่ปรากฏ ท่านอ๋องล้วนต้องสงสัยว่าพระชายาจะมีสัมพันธ์คลุมเครือไม่ชัดเจนกับผู้ใด
เช่นนั้นพวกเขามิต้องสืบตายหรือ?
พลิกอีกหน้า ทันใดนั้นเย่จิ่งหานก็เดือดพลุ “นางคนนี้ช่างน่าเกลียดนัก! ถึงกับเขียนว่าหยางฉู่ลั่ว ตั้งครรภ์ หนำซ้ำไม่รู้ว่าเด็กเป็นของฉู่หยู่เฉินหรือว่าเฟิงหลิง”
ชิงเฟิงกับเจี่ยงเสวียหัวใจเต้นตึกตัก
เป็นอย่างที่คิด เย่จิ่งหานทำหน้าขมึงตึง อายความเย็นพุ่งพล่านฉวัดเฉวียนทั่วตัว ห้องเย็นจนพวกเขาสั่นหงึกหงัก
“เหตุใดนางต้องเขียนเช่นนี้? หรือว่าเด็กในท้องนางไม่ใช่ของข้า?!”
“ท่าน…ท่านอ๋อง นี่เป็นเพียงเรื่องเล่าเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” เจี่ยงเสวียเตือนอย่างระมัดระวัง
“งานสะท้อนจิตใจ หากเรื่องพวกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นจริง นางจะเขียนออกมาได้อย่างไร? พวกเจ้าบอกว่านางกำลังเขียนอย่างขะมักเขม้นไม่อยู่ตลอดมิใช่หรือ? มิเคยหยุด? เห็นชัดว่าในนี้มีลับลมคมในอยู่มาก”
“…”
คำพูดเดียว ทำให้ชิงเฟิงกับเจี่ยงเสวียไม่รู้ควรตอบอย่างไรดี
ก็จริง ถึงก่อนที่นักเล่าเรื่องจะเล่าความ ก็ต้องคิดสักหน่อยว่าจะเล่าอย่างไร
แต่พระชายาไม่คิดสักนิด ก้มหน้าก้มตาเขียนไม่หยุด เป็นไปได้อย่างไร…ที่นางจะคิดโครงเรื่องในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้?
ชิงเฟิงกลืนน้ำลายลงอึก “พระชายาคงไม่มิกล้าขนาดนั้นกระมังพ่ะย่ะค่ะ”
ไม่กล้าขนาดนั้น?
พูดออกไปใครเชื่อ?
ความกล้าของพระชายาพวกเขาแทบจะครอบคลุมฟ้าได้แล้ว
“เคลื่อนกำลังสำนักรู้ฟ้า ให้คนของสำนักรู้ฟ้าสืบให้ชัดเจน เด็กในครรภ์ของพระชายาเป็นของผู้ใดกันแน่!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
“ชิงเฟิง เจ้าไปบอกพระชายา เปลี่ยนท่อนนี้เสีย ห้ามหยางฉู่ลั่วมีสัมพันธ์กับเฟิงหลิง เด็กที่นางอุ้มท้องอยู่ต้องเป็นของข้าเท่านั้น ห้ามเป็นของผู้อื่น!”
“ท่านอ๋อง ทรงรู้นิสัยของพระชายาดีนี่พ่ะย่ะค่ะ หากพระชายาดื้อรั้นจะเขียนเช่นนี้ ข้าน้อย…ข้าน้อย…อีกอย่างพระชายาเขียนเสร็จก็ส่งต้นฉบับออกไปทันที ตอนนี้ก็ห้ามไม่ทันแล้ว”
“หากพระชายาเขียนตามแบบฉบับนี้ และมันถูกเผยแพร่ออกไป ต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องกลับจวนอ๋องหานอีก!”
“พ่ะย่ะค่ะ…”
ชิงเฟิงรับคำสั่งด้วยหน้าตาเศร้าสร้อย
ตั้งแต่พระชายามาจวนอ๋อง เขาก็ไม่มีชีวิตสงบสุขสักวัน!
เจี่ยงเสวียรีบเอ่ย “ท่านอ๋อง ข้าน้อยจะไปแจ้งให้สำนักรู้ฟ้าสืบก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
ไม่รอให้เย่จิ่งหานอนุญาต เจี่ยงเสวียก็ถอนเท้าเผ่นแนบ
ชิงเฟิงตาค้าง
เหตุใดเขาจึงลืมไม้นี้ไปได้?
ต่อไปหากมีเรื่องเกี่ยวกับพระชายาอีก เขาก็รีบเผ่นเสีย ทิ้งเรื่องยุ่งให้เจี่ยงเสวีย
ณ เรือนพักร้อนหลังหนึ่งทางใต้ของเมือง
มือเรียวยาวประหนึ่งหยกของจอมมาร ปลายนิ้วลูบผ่านต้นฉบับทีละหน้าเบาๆ
ใบหน้าเย้ายวนปีศาจ บางครั้งขมวดคิ้ว บางครั้งยิ้มบาง บางครั้งเสียใจ อารมณ์ผันผวนตามการเปลี่ยนแปลงของเรื่อง
ในที่สุด ต้นฉบับก็พลิกจนจบ
เขาขมวดคิ้วด้วยความขุ่นเคือง
“ยังมีอีกเล่า?”
“ท่านจอมมาร เด็กๆ ยังไม่ได้ส่งมาขอรับ น่าจะอีกสักเดี๋ยว”
“ช้าเกินไปแล้ว ในมือเท้าช้าเช่นนี้ มีสองขาเอาไว้ทำอะไร ตัดทิ้งเสีย แล้วส่งคนที่เท้าไวหน่อยไป”
“ขอรับ”
เสวียซาปาดเหงื่อ
จอมมารตัดขาไปหลายคนแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คนวิ่งข่าวก็จะถูกเขาตัดจนเกลี้ยงแล้ว
ใช่ว่าพวกเขาช้า แต่เพราะกู้ชูหน่วนยังเขียนไม่เสร็จ แถมจอมมารก็อ่านไวเช่นนั้น พวกเขาทำอย่างไรได้?
“เสวียซา เจ้าว่าข้าเป็นคนไหนในตัวละครในเรื่องของพี่สาว”
“เออ…ข้าน้อยเบาปัญญา ดูไม่ออกขอรับ”
“ข้านั่งดูนอนดูก็ดูไม่ออกว่าเฟิงหลิงหรือฉู่หยู่เฉินเป็นข้ากันแน่ แบบนี้แล้วกัน เจ้าไปถามพี่สาวสักหน่อย ตัวละครคนไหนถึงเป็นข้ากันแน่?”
“ขอรับ”
“ช้าก่อน ช่างเถอะ หากพี่สาวรู้ว่าแม้แต่เรื่องนี้ข้าก็เดาไม่ออก ก็แสดงว่าข้าเข้าใจนางไม่เพียงพอ นางจะโกรธเอาได้”
เสวียซาอยากพูด
บางทีแม่นางกู้อาจแค่แต่งเรื่องเฉยๆ ก็ได้
มิได้เอาผู้ใดเป็นใครในเรื่อง
แต่จอมมารกลับคิดมาก ปักหลักแน่วแน่ เขาไม่อาจพูดอะไร ได้แต่รออยู่ข้างกายเขา
“ข้ารู้สึกว่า ฉู่หยู่เฉินน่าจะเป็นข้า ข้าจะเป็นเฟิงหลิงได้อย่างไร ต้องรู้นะเฟิงหลิงเพิ่งเริ่มต้นก็ยอมเลือกใต้หล้า แต่ไม่เลือกหยางฉู่ลั่ว เขาเห็นหยางฉู่ลั่วเป็นแค่หมากหลอกใช้ตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ข้าตั้งแต่ต้นจนวันนี้ก็ไม่เคยหลอกใช้พี่สาว อีกอย่าง ถ้าให้ข้าเลือกระหว่างพี่สาวกับใต้หล้า ข้าไม่โง่เลือกใต้หล้าหรอก”
“ขอรับ ท่านจอมมารกล่าวได้ถูกต้องแล้ว”
“เฟิงหลิงเขลานัก ถึงจะได้บัลลังก์ ถึงจะได้ใต้หล้าแล้วอย่างไร? เกิดมาตัวเปล่า ตายไปตัวเปล่า อีกทั้งยังจับต้องไม่ได้ มิสู้ท่องภูเขาเที่ยวลำน้ำกับพี่สาว ดื่มด่ำความสุขแห่งชีวิต”
“ขอรับ…”
“อีกอย่าง สุดท้ายพี่สาวเขียนว่าหลังจากหยางฉู่ลั่วแต่งงานกับฉู่หยู่เฉินแล้ว ยังมีสัมพันธ์กับเฟิงหลิง ไม่รู้ว่าเด็กในท้องเป็นของผู้ใด หรือนางจะบอกเป็นนัย ว่านางไม่อยากมีลูกกับอ๋องหาน แต่อยากมีกับข้า?”
เสวียซาปาดเหงื่ออีกครั้ง
ปัญหานี้ ถามจนเขาไร้คำพูดเอื้อนเอ่ย
“มิเช่นนั้น ข้าน้อยจะให้คนไปถามแม่นางกู้?”
“เจ้าสมองสุกรหรือ? หากพี่สาวรู้ว่าแม้แต่เรื่องนี้ข้าก็เดาไม่ออก นางเข้มแข็งเช่นไร จะแต่งกับข้าหรือ?”
“ขอรับ…”
“ส่งคนไปเร่งอีก รีบส่งเรื่องตอนหลังมา”
“ท่านจอมมาร ส่งคนไปแล้วสิบแปดคน กำลังเร่งส่งมาแล้วขอรับ”
“ส่งไปอีกสิบแปดคน เร็วหน่อย อย่ามัวแต่ชักช้าร่ำไร”
…