อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 453 ล้อมกั้น
หลังจากกลับมาถึงจวนอ๋องหานแล้ว กู้ชูหน่วนมองดูจวนที่เต็มไปด้วยความเรี่ยราดไม่เป็นระเบียบ สงสัยเล็กน้อยว่าตัวเองเดินทางผิดไปแล้วหรือไม่
ที่นี่เป็นที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขาม เพราะที่อยู่ที่นี่คือเทพสงครามที่ทุกคนหวาดกลัว มีอำนาจสูงสุดในแคว้นเย่
แต่วันนี้ กำแพงลานของจวนได้พังทลายลงหลายจุด เผยให้เห็นรูขนาดใหญ่ทีละรู ต้นไม้ใหญ่อายุนับร้อยปีก็ถูกถอนรากถอนโคน แม้แต่ตำหนัก ก็เอียงไปหลายมุม ราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน ที่นี่ได้เผชิญกับสงครามใหญ่แห่งยุค
คนรับใช้ในจวนเก็บกวาดซากที่เหลือด้วยความหวาดกลัว ความตกใจบนใบหน้ายังไม่จางหายไป
กู้ชูหน่วนเอ่ยถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? แคว้นฮั่วมาโจมตีหรือ?”
“คุณหนู ในที่สุดท่านก็กลับมา ชิวเอ๋อร์ร้อนใจจะตายอยู่แล้ว ชิวเอ๋อร์ยังกลัวว่าท่านจะเผชิญกับปีศาจร้ายด้านนอกอยู่เลยเพคะ” ชิวเอ๋อร์พุ่งเข้ามาด้วยใบหน้าซีดขาว
“ปีศาจร้าย?”
“ใช่แล้วเพคะ แคว้นฮั่วไม่มีความสามารถเข้ามาโจมตีจวนอ๋องหานได้หรอกเพคะ เป็นปีศาจร้ายของเผ่าปีศาจคนนั้น เขาฉวยโอกาสตอนที่พิษบาดแผลของอ๋องหานกำเริบโจมตีอ๋องหาน โจมตีจนอ๋องหานได้รับบาดเจ็บสาหัส”
“จอมมารซือโม่เฟย?”
กู้ชูหน่วนแบะปาก
เจ้าลูกหมาตัวนั้นปกติดูเซ่อซ่าโง่เง่า คิดไม่ถึงว่าความคิดจะลึกล้ำมากทีเดียว ทั้งยังฉวยโอกาสลอบโจมตีเย่จิ่งหานขณะที่พิษเย็นของเขากำเริบอีก
“เดี๋ยวก่อน เจ้าบอกว่าพิษบาดแผลของเย่จิ่งหานกำเริบ? ไม่ใช่ว่ายับยั้งพิษเย็นของเขาได้ชั่วคราวแล้วหรือ? ทำไมถึงได้กำเริบอย่างฉับพลันอีกล่ะ?”
“อันนี้…..ชิวเอ๋อร์ก็ไม่ค่อยเข้าใจเพคะ ได้ยินคนรับให้พูดกันว่า เหมือนจะถูกใครทำให้โกรธ แต่ถูกใครทำให้โกรธกันแน่ ชิวเอ๋อร์ก็ไม่รู้แล้วเพคะ?”
“แล้วตอนนี้ตัวเขาอยู่ไหนล่ะ?”
“ไปเรือนพักร้อนชิวเฟิงแล้วเพคะ ท่านอ๋องบอกว่า หลังจากที่ท่านกลับมาแล้ว ก็ให้เดินทางไปที่เรือนพักร้อนชิวเฟิงทันที”
กู้ชูหน่วนหยิบขวดยาขวดหนึ่งออกมาจากแหวนมิติโยนให้ชิวเอ๋อร์ จากนั้นก็กลับห้องตัวเอง “ข้าไม่ได้นอนมาสามวันสองคืนแล้ว ไม่มีแรงไปเรือนพักร้อนชิวเฟิง บอกท่านอ๋อง ยาขวดนี้สามารถยับยั้งพิษเย็นของเขาได้ ได้ผลมากกว่าให้ข้าไปด้วยตัวเอง ให้เขาหยุดคิดเอาชนะข้าได้แล้ว”
กู้ชูหน่วนเปิดประตู ไม่รอให้ชิวเอ๋อร์เข้ามา ก็ล็อกประตูขึ้นมาทันที
“ข้าเหนื่อยมาก แจ้งไปว่า ผู้ใดก็ห้ามรบกวนข้า”
“เพคะ……”
กู้ชูหน่วนหยิบปิ่นผีเสื้อหยกขาวออกมา นางดูด้านบนดูด้านล่าง ดูซ้ายดูขวา ปิ่นอันนี้นอกจากฝีมือประณีต คุณภาพหยกใสแจ๋วนุ่มนวลแล้ว ก็ไม่ได้มีจุดพิเศษอะไร และก็ไม่ได้มีกลไกลับอะไร
แล้วมองดูภาพสัญลักษณ์ ปิ่นปักผมบนเข็มทิศเปิดฟ้า แม้แต่ลวดลายบนหยกขาวก็ล้วนเหมือนกันทุกประการ มั่นใจว่าเป็นปิ่นระย้าหยกขาวอันนี้ไม่ผิดแล้ว
กู้ชูหน่วนเท้าคาง ในดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
แม้ว่าปิ่นอันนี้จะมีอายุบ้างแล้ว แต่อย่างมากก็แค่ร้อยกว่าปี
แต่เข็มทิศเปิดฟ้าอันนี้ กลับถูกทิ้งไว้เมื่อหลายพันปีก่อน
เป็นเพราะปิ่นระย้าหยกขาวมีการเก็บรักษาไว้อย่างดี หรือว่าการเก็บรักษาเข็มทิศแย่เกินไปกันแน่?
ปิ่นอันนี้ มีความหมายแทนที่อะไรได้อีกล่ะ บนเข็มทิศก็ไม่มีรูเว้าที่จะสามารถใส่ปิ่นลงไปได้
ดูเหมือนว่า นางยังต้องทำความเข้าใจประวัติเบื้องหลังของปิ่นอันนี้อีก
กู้ชูหน่วนศึกษาอยู่นาน ก็ศึกษาออกมาไม่ได้ว่าปิ่นนี้ใช้งานอะไรได้กันแน่ ในใจก็คิดถึงเผ่าหยกและคำสาปโลหิตของอี้เฉินเฟย
แม้จะทั้งง่วงทั้งเหนื่อย นางก็ยากที่จะหลับลง
ไม่ได้พักผ่อนมาสามวันสองคืนแล้ว หากไม่นอนอีกนางกลัวว่าร่างกายจะทนไม่ไหว จึงฝืนบังคับตัวเองให้งีบหลับไปครู่หนึ่งก่อน
เพิ่งจะหลับไป กู้ชูหน่วนก็ถูกเสียงจ้อกแจ้กจอแจภายนอกรบกวนให้ตื่น
“รบกวนพวกท่านแจ้งแก่พระชายาหานสักหน่อย พวกเราไม่ได้ขอให้นางเขียนด้วยตัวเอง และไม่ขอให้นางบรรยายด้วยคำพูด ขอแค่ให้นางบอกพวกเราว่าตอนจบของนิยายเรื่องฮองเฮาอำมหิตจองใจทรราชนั้นเป็นอย่างไรเท่านั้นก็ได้แล้ว”
“พระชายากำลังพักผ่อน พวกเจ้ารีบออกไป จวนอ๋องหานไม่ใช่สถานที่ที่พวกเจ้าจะมาระรานได้”