อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 458 ค่ายกลโหลฉาง
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 458 ค่ายกลโหลฉาง
ผู้เฒ่าอายุหกสิบกว่าไม่รู้ว่านางปวดท้องจริงๆ หรือว่าแกล้งปวดท้อง
แต่เขาเดิมพันไม่ได้ เพราะว่านางคือพระชายาหลวงของเทพสงคราม ในท้องก็มีเลือดเนื้อของเทพสงครามอยู่ด้วย
“ให้คนมา รีบไปเชิญหมอหลวง ประคองพระชายากลับไปพักผ่อนที่ห้อง”
“ขอรับ”
ไม่ไกลนัก คนรับใช้ผู้หนึ่งรีบไปเชิญหมอหลวงด้วยความรวดเร็ว และยังมีอีกสองคนเข้ามาช่วยประคองนาง
กู้ชูหน่วนกวาดตามองพวกเขา
ไม่มีผู้ใดสักคนเป็นหนึ่งในเจ็ดยอดฝีมือนั่น
ดูท่าแล้วในนี้นอกจากยอดฝีมือทั้งเจ็ดคนนั่นแล้ว ยังมีคนอีกไม่น้อยทีเดียว
“พระชายา ข้าน้อยช่วยประคองท่านเพคะ”
“ปวดๆๆ……พวกเจ้าทำข้าเจ็บแล้ว ท้องของข้า……โอ๊ย…….ข้าจะแท้งหรือไม่ พวกเจ้าทั้งสองมือไม้เงอะงะ”
“อะไร……แท้ง?”
ทั้งสองคนตกใจทันที
พวกเขาเพียงแค่ประคองพระชายาเบาๆเท่านั้น และไม่ได้ทำอะไรพระชายาเลยนี่นา?
จะแท้งได้อย่างไรล่ะ?
ผู้เฒ่าอายุหกสิบกว่าก็ตกใจทันที
หากลูกในท้องของพระชายาเกิดอุบัติเหตุอะไร นายท่านจะไม่คลุ้มคลั่งรึ
“เคลื่อนไหวช้าหน่อย รีบประคองพระชายากลับไป”
“เดี๋ยวก่อน บนขาของข้าเหมือนจะรู้สึกเปียกๆ นี่คืออะไร……ใช่เลือดหรือไม่……”
ทุกคนมองไปตามทางที่นางชี้ ตรงนั้นมีเลือดสีแดงสดกองหนึ่ง
เห็นเลือดบนขาของนาง เรือนพักร้อนชิวเฟิงไม่ว่าจะอยู่ในที่สว่างหรือที่ลับก็ล้วนไม่มีทางจะรักษาอารมณ์ให้สงบได้แล้ว
จิตใต้สำนึก พวกเขาคล้ายกับจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
ไม่รอให้พวกเขาดึงสติมาได้ กู้ชูหน่วนก็คร่ำครวญด้วยความโศกเศร้า “ลูกของข้า เกิดอะไรขึ้นกับลูกของข้า พวกเจ้ารีบช่วยลูกของข้าทีสิ นี่เป็นลูกคนเดียวของข้ากับท่านอ๋องเชียวนะ”
ผู้เฒ่าอายุหกสิบกว่าเกิดโทสะ ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป ออกจากการคุ้มกันตําแหน่งคุนไปประคองกู้ชูหน่วนด้วยตัวเอง “หมอหลวงล่ะ ทำไมยังไม่มา ไปเชิญหมอหลวงทั้งหมดในเรือนพักร้อนมา”
มุมปากของกู้ชูหน่วนยกขึ้นเล็กน้อย ฉวยโอกาสขณะที่ผู้เฒ่าอายุหกสิบกว่าปีไม่ทันได้ระวัง สะกดจุดเขาด้วยความรวดเร็ว ร่างกายว่องไวราวกับควันเช่นนั้น ทำลายค่ายกล วิ่งมุ่งเข้าไปทางสถานที่ต้องห้ามแล้ว
การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วแม่นยำดุดัน จนกระทั่งทุกคนดึงสติกลับมาได้ นางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
“เลือดปลอม……แย่แล้ว หลงกลแล้ว พระชายาหลอกพวกเรา รีบตาม จะให้พระชายาเข้าไปสถานที่ต้องห้ามไม่ได้เด็ดขาด”
กู้ชูหน่วนวิ่งอย่างบ้าคลั่งมาตลอดทาง ในที่สุดก็ถึงหน้าประตูสถานที่ต้องห้าม
เมื่อมองไปที่คำว่าสถานที่ต้องห้ามสองคำบนแผ่นป้ายหิน นางก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ขณะที่นางกำลังบุกเข้าไป ค่ายกลก็เคลื่อนไหวขึ้นโดยคาดคิด
เปิดขึ้นมาเป็นทางค่ายกลสังหารชั้นยอดทางหนึ่ง
ทั้งสองด้านเต็มไปด้วยเหล็กดัดอ่อนที่มีพิษอันรุนแรง
เหล็กดัดอ่อนเกี่ยวพันไขว้ทับกันไปมา โปร่งใสยากจะแยกแยะได้ แทบจะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
แต่ด้วยเส้นบางๆเช่นนี้ กลับแหลมคมกว่าดาบที่มีชื่อเสียงใดๆในโลกหลายร้อยเท่า
แม้ว่าจะเป็นหินขนาดมหึมาก้อนหนึ่ง สัมผัสถูกเหล็กดัดอ่อนก็จะถูกผ่าเป็นสองท่อนไปตรงนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นเหล็กดัดอ่อนมีพิษอันรุนแรง ทันทีที่สัมผัส ก็จะต้องตายโดยไร้ข้อสงสัย
กู้ชูหน่วนใจเต้นรัวขึ้นมาทันที ร่างกายแฉลบซ้ายลอยไปทางขาว หลบเลี่ยงออกจากเหล็กดัดอ่อนอย่างต่อเนื่อง
ทว่าการเปลี่ยนแปลงของเหล็กดัดอ่อนนั้นรวดเร็วเกินไป โจมตีอย่างไร้ทิศทาง แม้ว่าวิทยายุทธของนางจะสูงเพียงใด ก็เอาชนะไม่ได้ ถูกเหล็กดัดอ่อนทำร้ายได้รับอันตรายหลายครั้ง
องครักษ์ลับที่รับตามมาแต่ไกลตกใจเป็นอย่างมาก น้ำเสียงวิตกกังวลเป็นที่สุด
“ค่ายกลโหลฉาง พระเจ้า พระชายาเปิดการทำงานของค่ายกลโหลฉางแล้ว นี่เป็นถึงค่ายกลสังหารชั้นยอดที่เหลือไว้ตั้งแต่โบราณเชียวนะ เร็ว รีบปิดค่ายกล อย่าให้ทำร้ายโดนพระชายาเชียว”
“ผู้เฒ่าฮัวปิดค่ายกลไม่ได้แล้ว ทันทีที่ค่ายกลโหลฉางเริ่มทำงาน ก็ไม่มีทางปิดได้ เว้นแต่จะปิดด้วยตัวเองหลังจากผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนขอรับ”
อะไร……
หนึ่งวันและหนึ่งคืน?
ความเร็วของค่ายกลนี้รวดเร็วเช่นนี้ ทั้งยังน่ากลัวเพียงนี้
พระชายาจะทนผ่านหนึ่งวันหนึ่งคืนไปได้อย่างไร?
ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน แค่หนึ่งชั่วยามก็ทนไม่ไหวแล้วล่ะ
กู้ชูหน่วนเหงื่อร้อนท่วมตัว นางวิตกในใจ แต่กลับไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหว