อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 459 เรียกท่านปู่
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 459 เรียกท่านปู่
ความคิดจะด่าแม่กู้ชูหน่วนก็มีแล้ว
เย่จิ่งหานจัดวางค่ายกลสังหารชั้นยอดที่บ้าคลั่งขนาดนี้ไว้ในเรือนพักร้อน คิดจะฆ่าใครกัน?
นางคิดว่าตัวเองเชี่ยวชาญด้านค่ายกล แต่การทำลายค่ายกลสังหารนี่ ยากกว่าการปีนขึ้นสวรรค์ซะอีก เพราะความสามารถในตอนนี้ของนางยังห่างอีกไกล
คิดจะมีชีวิตรอดในค่ายกล ก็ทำได้เพียงทนให้ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว
ผู้เฒ่าฮัวตะโกนเสียงดัง “อึ้งอะไรกันอยู่ รีบไปรายงานนายท่านสิ”
“ขอรับขอรับขอรับ”
“เหล่าน้องชายทั้งเจ็ดในที่ลับ พระชายาพลาดเข้าไปในค่ายกลโหลฉาง หากว่าไม่มีความช่วยเหลือของพวกเรา กลัวเพียงแค่วันนี้พระชายาจะต้องเป็นหนึ่งศพกับอีกสองชีวิตแล้ว ท่านอ๋องดูแลพวกเราไม่น้อย ถึงแม้วันนี้จะตายอยู่ในค่ายกล พวกเราก็จำเป็นต้องช่วยรักษาสายเลือดของท่านอ๋องไว้”
“เพื่อท่านอ๋อง พวกข้าไม่กลัวที่จะต้องเสียสละ”
เสียงดังกังวานทะลุผ่านสถานที่ต้องห้าม ทะลุผ่านเรือนพักร้อน จนถึงหูของเย่จิ่งหานและคนอื่นๆ
ม่านตาของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนห้ามเสียงสูง “อย่าเข้ามา ค่ายกลนี่รุนแรงมาก”
ทว่าผู้เฒ่าฮัวและเจ็ดยอดฝีมือนั้นไม่ได้ฟังคำเตือนโดยสิ้นเชิง เข้าไปในค่ายกลพร้อมกัน ช่วยบรรเทาแรงกดดันให้กู้ชูหน่วน
มีความช่วยเหลือของพวกเขา กู้ชูหน่วนก็แอบโล่งใจไปเล็กน้อย แต่แรงกดดันในใจของนางยิ่งมีมากขึ้น
หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกผู้เฒ่าเหล่านี้ เช่นนั้นก็ไม่ใช่ว่านางจะต้องติดหนี้ชีวิตคนอื่นแล้วหรือไง
พวกเขาทั้งเก้าร่วมแรงร่วมใจกัน ในที่สุดก็หาร่องรอยทางออกพบ และขณะที่พวกเขากำลังคิดจะทะลุประตูทางออกนั่นจากไป ค่ายกลโหลฉางก็เปลี่ยนไปอย่างมากในพริบตา แรงสังหารนั้นเพิ่มสูงขึ้นทุกรอบ เหล็กดัดอ่อนและเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อครู่ถึงสิบเท่า
ยิ่งพวกเขาต่อต้าน ค่ายกลสังหารก็ยิ่งรุนแรง เหล็กดัดอ่อนก็ยิ่งหนาแน่นขึ้น
กู้ชูหน่วนเข้าใจอะไรบางอย่างได้ในพริบตา
เหล็กดัดอ่อนนี่เมื่อเผชิญกับความอ่อนก็จะอ่อน เผชิญกับความแข็งก็จะแข็ง แข็งชนแข็งกับพวกมันไม่ได้ผล ทำได้เพียงแสดงความอ่อนออกมา
“ฟู้ว…..”
ผู้เฒ่าคนหนึ่งหลบไม่ทัน ถูกเหล็กดัดอ่อนหั่นเป็นสองชิ้น ทั้งยังถูกหั่นซ้ำจนเละเทะ เลือดสดไหลริน ทั้งร่างมองไม่เห็นเลือดเนื้อจุดที่สมบูรณ์
“น้องเจ็ด……”
ทุกคนตะโกนด้วยความเศร้าโศก ความแรงในมือยิ่งเพิ่มขึ้น ร่วมแรงร่วมใจคุ้มกันอยู่ข้างกายของกู้ชูหน่วน ใช้ร่างกายของตัวเองบังเหล็กดัดอ่อนแทนนาง
กู้ชูหน่วนข้ามพวกเขาไป ออกไปยืน ละทิ้งการต่อต้านโดยตรง มองดูเหล็กดัดอ่อนประจันหน้าเข้ามาอย่างเย็นชา
ผู้เฒ่าฮัวและคนอื่นๆตกใจมาก “พระชายา ท่านทำอะไร รีบหลบไปสิพ่ะย่ะค่ะ”
พวกผู้เฒ่ารีบพุ่งไปทางกู้ชูหน่วนพร้อมกัน กลัวว่ากู้ชูหน่วนจะถูกเหล็กดัดอ่อนทำให้ได้รับบาดเจ็บ
ความเร็วของเหล็กดัดอ่อนรวดเร็วยิ่งกว่าความเร็วของพวกเขา
พวกเขาคิดว่ากู้ชูหน่วนจะถูกหั่นเป็นศพ แต่คิดไม่ถึงว่าเหล็กดัดอ่อนจะหยุดอยู่เบื้องหน้าของนางแล้ว ไม่มีท่าทีจะทำร้ายนางแม้สักนิด
ตอนนี้ผู้เฒ่าฮัวและคนอื่นๆตกใจจนหลังเปียกโชก
“นังหนู เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่ตัวเองเกือบจะตายแล้ว” ภายใต้ความโกรธของผู้เฒ่าฮัวแม้แต่พระชายาก็ไม่เรียกแล้ว
จิตใจที่ตึงเครียดของกู้ชูหน่วนค่อยๆผ่อนคลายลง มีเพียงตัวนางที่รู้ ฝ่ามือของนางมีเหงื่อซึมออกมาแล้ว
นางกำลังเดิมพัน ยังดีที่นางเดิมพันถูก
“ท่านปู่วางใจได้ เหล็กดัดอ่อนพวกนี้จะทำร้ายผู้คนตามแรงสังหารและความกลัวบนร่างกาย หรือจะบอกว่า ท่านยิ่งต่อต้านพวกมันก็จะยิ่งโหดร้ายยิ่งดุเดือดขึ้น ท่านยิ่งอ่อนโยน พวกมันก็จะเมตตา จะไม่ทำร้ายพวกเราแม้แต่น้อย”
ทุกคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
มีอาวุธลับที่มหัศจรรย์ขนาดนี้จริงหรือ?
ผู้เฒ่าฮัวจะฟังคำพูดของกู้ชูหน่วนอีกที่ไหน เขามองไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความตื่นเต้น ชี้ตัวเองด้วยความสั่นเทา เอ่ยถาม “เจ้า…..เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไร?”
“ท่านปู่ไงล่ะ ท่านอาวุโสกว่าข้า หรือจะให้ข้าเรียกท่านว่าหลานชายหรือ”
“ตั้งแต่ที่หลานสาวข้าเสียชีวิตไป ก็ไม่มีผู้ใดเรียกข้าว่าท่านปู่อีกเลย เจ้าเป็นคนแรก อีกทั้งท่าทางขณะที่ท่านเรียกท่านปู่ ก็ช่างเหมือนกับหลานสาวของข้ายิ่งนัก”
กู้ชูหน่วนเอ่อเสียงหนึ่ง
เรียกท่านปู่ไม่ใช่เป็นการเรียกตามมารยาทเท่านั้นหรือ?
ไม่ได้ทำเหมือนเขาเป็นท่านปู่แท้ๆจริงๆสักหน่อย