อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 472 อนุสรณ์สถานต้องห้าม
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 472 อนุสรณ์สถานต้องห้าม
แม้จะไปตามท่านหมอหญิงมาแล้วอย่างไร
จะสามารถพานางไปถึงเขาสูบวิญญาณได้ทันทีหรือ
“ข้าน้อยคำนับแม่นางกู้ ขอให้แม่นางสุขภาพแข็งแรง ไม่ทราบว่าแม่นางปวดบาดแผลอีกแล้วใช่หรือไม่ ”
ท่านหมอหญิงคำนับอย่างนอบน้อม เอ่ยปลอบใจว่า “บาดแผลของแม่นางกู้ใหญ่มาก และบาดเจ็บลึกมาก ข้าน้อยแนะนำว่า ทางที่ดีที่สุดควรนอนพักรักษาตัวเป็นเวลาหนึ่งเดือน ข้าน้อยจะรีบเอายาระงับปวดมาให้แม่นางดื่มเดี๋ยวนี้”
ท่านหมอหญิงรู้สึกทึ่งในตัวนางมาก อย่าว่าหญิงสาวคนอื่นเลย แม้แต่ผู้ชาย ถ้าบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ คงจะปวดจนต้องร้องโอดครวญอย่างน่าอนาถ แต่ตอนที่นางทำการรักษาให้แม่นางกู้ แม่นางกู้ได้แต่กัดฟันไว้แน่น แม้แต่เสียงร้องที่เจ็บปวดก็ไม่มีเล็ดลอดออกมาเลย
ความบากบั่นเช่นนี้ ไม่ใช่คนทั่วไปจะสามารถทำได้
กู้ชูหน่วนยิ้มเย็น
นางก็อยากจะนอนพักอยู่บนเตียงเป็นเวลาหนึ่งเดือน เสียดาย นางไม่มีเวลามากขนาดนั้น
“ข้าไม่เจ็บ เจ้านั่งลง พูดคุยเป็นเพื่อนข้าหน่อย”
“คือ……ขอบคุณแม่นางกู้”
ท่านหมอหญิงนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยหัวใจที่กระสับกระส่าย ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนจะคุยอะไรกับนาง
หรืออยากจะให้นางช่วยพาหนีออกไปจากเผ่าปีศาจ
เรื่องร้ายแรงขนาดนี้ นางไม่กล้าทำ
“เจ้าชื่ออะไร”
“ข้าน้อยชื่อเจินเอ๋อ”
“เจินเอ๋อ เจ้าเป็นคนของเผ่าปีศาจหรือ เข้ามาอยู่ในเผ่าปีศาจตั้งแต่เมื่อไหร่ ”
“ข้าน้อยเป็นแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่ง เรียนวิชาแพทย์กับอาจารย์ตั้งแต่เล็ก หลายปีก่อน อาจารย์ของข้าน้อยตายด้วยอุบัติเหตุ ข้าได้เจอกับหัวหน้าคนหนึ่งของเผ่าปีศาจได้รับบาดเจ็บ มาขอความช่วยเหลือที่โรงหมอ ข้าน้อยรักษาเขาคนหาย หลังจากนั้นเขาก็พาข้าน้อยมาที่เผ่าปีศาจ ให้ข้าน้อยมีที่ปักหลักใช้ชีวิต”
“อ๋อ……แล้วเจ้ารู้เรื่องของเผ่าปีศาจมากแค่ไหน”
“คือว่า……รู้ไม่มาก ……แม่นางกู้อยากจะถามเรื่องอะไรกับข้าน้อยหรือ”ท่านหมอหญิงถามอย่างหยั่งเชิง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเผ่าปีศาจมีสถานที่พิเศษอะไรอยู่บ้าง หรือไม่ก็ภูเขาหยุนฉีมีสถานที่พิเศษหรือไม่”
“สถานที่พิเศษหรือ”
“ถูกต้อง ”
“เรื่องนี้……ข้าน้อยก็ไม่รู้ แต่ข้าน้อยเคยได้ยินมาว่า หลายปีก่อนหน้านี้ ภูเขาหยุนฉีเป็นหน่วยหลักของเผ่าปีศาจ หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หน่วนหลักถูกย้ายไปยังเขาสูบวิญญาณ”
กู้ชูหน่วนที่เดิมทีรู้สึกผิดหวังก็กระตือรือร้นขึ้นมาหลายส่วน
“เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรนะ หลายปีก่อน ภูเขาหยุนฉีเป็นหน่วยหลักของเผ่าปีศาจอย่างนั้นหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ”
“แล้วที่เหล่านี้มีสถานที่ต้องห้ามหรือไม่ หรือสถานที่ที่ค่อนข้างผิดปกติ”
“มีสถานที่ต้องห้ามที่หนึ่ง พวกหัวหน้าไม่ให้ใครเข้าไปทั้งสิ้น บอกว่ามีแค่จอมมารเท่านั้นที่เข้าไปได้ ส่วนคนอื่นๆ ถ้าเข้าไปแล้ว ต้องตายเท่านั้น ”
ดวงตาของกู้ชูหน่วนมีประกายสนใจวาบขึ้นมา
“ขอบใจเจ้ามากเจินเอ๋อ ใช่แล้ว ท่านจอมมารเล่า ทำไมยังไม่เห็นเขาเลย”
คงไม่ใช่เพราะนางด่า จนทำให้เขาหนีเตลิดไปหรอกกระมัง
“พี่สาว เจ้าคิดถึงข้าหรือ”
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
ด้านนอกมีเสียงที่น่าฟังและเป็นธรรมชาติดังขึ้น จากนั้น ชายหนุ่มชุดแดงที่มีดวงตาคนละสีก็ผลักประตูเข้ามา
ชายหนุ่มรูปร่างผอมเพรียวสมส่วน ดวงตาที่ดูเย้ายวนแฝงความมีเสน่ห์
ผิวพรรณของเขาขาวละเอียด ใบหน้าหล่อเหล่า มุมปากมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน ในแววตาสะท้อนใบหน้าขาวซีดของกู้ชูหน่วน
ท่านหมอหญิงคุกเข่าลงไป “ข้าน้อยคำนับท่านจอมมาร”
“ออกไปเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
จอมมารค่อยๆเดินไปตรงหน้ากู้ชูหน่วน เดาไม่ถูกว่ากู้ชูหน่วนกำลังโกรธอยู่หรือไม่ “พี่สาว เจ้าไม่โกรธข้าแล้วใช่หรือไม่”
ทำให้บาดแผลของนางบาดเจ็บรุนแรงขนาดนั้น ทำให้นางต้องเสียเวลาที่จะไปตามหามุกมังกร นางไม่โกรธก็แปลกแล้ว
สามารถมีชีวิตรอดจากมือเขาได้ นั่นเพราะนางดวงแข็ง
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าในสถานที่ต้องห้ามอาจมีกุญแจรูปดาวอยู่ กู้ชูหน่วนก็อดทนเอาไว้
นางยิ้ม ทำหน้าตาน่ารัก
“ข้ารู้ว่าเจ้าเองก็อยากจะช่วยข้ารักษาบาดแผล เพียงแต่ไม่ระวังยิ่งทำยิ่งเสียเรื่อง ข้าจะโกรธเจ้าได้อย่างไรเล่า”
ได้ยินคำพูดประโยคนี้ หัวใจของจอมมารก็ผ่อนคลายลงทันที
พลางพูดยิ้มๆว่า “พี่สาวเข้าใจเจตนาของข้าก็ดีแล้ว ท่านวางใจได้ วันหน้าข้าจะต้องเรียนรู้การควบคุมพลังของตนเองให้ดี จะไม่ทำให้พี่สาวต้องเจ็บตัวอีก
รอยยิ้มของกู้ชูหน่วนแข็งค้าง
แค่ครั้งเดียวนางแทบจะเอาชีวิตไม่รอด
ถ้ายังมีอีกครั้ง นางคงไม่ต้องมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว
“อาโม่ เจ้าเป็นจ้าวแห่งเผ่าปีศาจ เรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ จะให้เจ้าทำได้อย่างไร มอบให้เป็นหน้าที่ท่านหมอหญิงก็ดีแล้ว เช่นนั้นเรื่องการฝึกการควบคุมพลังก็ไม่ต้องทำแล้ว ไม่คุ้มค่า”
“คุ้มซิ สามารถช่วยเปลี่ยนยาให้พี่สาว อาโม่ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ท่านหมอหญิงบอกว่ามิใช่หรือ พรุ่งนี้ยังต้องเปลี่ยนยาอีกครั้ง พรุ่งนี้ให้ข้าทำเถอะ พี่สาววางใจได้ ข้าจะทำอย่างอ่อนโยนที่สุด”
เจ้าลูกหมาน้อย ไม่ทำให้นางตาย เขาคงไม่ยอมรามือซินะ
“เรื่องของพรุ่งนี้ไว้ค่อยว่ากันพรุ่งนี้เถอะ”
“ได้ พี่สาว ข้าต้มรังนกมาให้ เจ้าชิมดู ยังอุ่นอยู่เลย”
“เจ้าต้มเองหรือ”
กู้ชูหน่วนไม่อยากจะเชื่อ
เขาเป็นท่านจอมมารของเผ่าปีศาจไม่ใช่หรือ ทำไมถึงลงครัวได้เหมือนกับเย่จิ่งหานเลยเล่า
“ย่อมเป็นข้าที่ลงมือทำเอง ต้มนานมากเลยล่ะ”ไฟในเตาเล็กมาก เขาจึงใช้พลังภายในเป่าให้มันร้อนขึ้น จึงไม่ทำให้พี่สาวต้องรอนานเกินไป
กู้ชูหน่วนรับรังนกต้มไป มองดูจากภายนอก หน้าตาไม่เลวเท่าไหร่
แต่ว่าทำไมถึงได้กลิ่นไหม้
“เจ้ารีบชิมดู”
กู้ชูหน่วนนั้นรู้สึกรังเกียจ
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องสถานที่ต้องห้าม นางก็ได้แต่กัดฟัน
บางทีอาจจะไหม้เพียงนิดเดียว รสชาติคงยังพอใช้ได้
หลังจากดื่มเข้าไปคำใหญ่ กู้ชูหน่วนแทบจะคายออกมาทันที
เค็ม
เค็มแทบตาย
เขาคงเทเกลือทั้งไหลงไปกระมัง
ใบหน้าของกู้ชูหน่วนยับย่น
นางรู้สึกเค็มจนบาดแผลเริ่มเจ็บอีกแล้ว
จอมมารมองนางอย่างตื่นเต้น “เป็นอย่างไรบ้าง อร่อยหรือไม่”
กู้ชูหน่วนอยากจะคายออกมา แต่พอเห็นสีหน้าตื่นเต้นตื้นตันของเขา นางก็ได้แต่กลืนลงไป
“อา……อร่อยดี”
“อร่อยจริงหรือ ข้าก็คิดว่าน่าจะอร่อย เสวียซาบอกว่าข้าใส่เกลือมากเกินไป เจ้านั่นมันไม่รู้เรื่องเลยว่าอะไรคือความหอมหวานอร่อย”
กู้ชูหน่วนสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ไม่ตอบ
หวานหอมอร่อย
นี่คือสิ่งหวานหอมหรือ
เห็นได้ชัดว่ามันทั้งเค็มทั้งไหม้ต่างหาก
“พี่สาว เจ้าดื่มที่เหลือให้หมดเถอะ”
“ร้อนนิดหน่อย ข้ารอให้มันเย็นสักหน่อยค่อยดื่ม ”
“ก็ได้ เช่นนั้นวันหลังข้าจะต้มให้เจ้าดื่มทุกวันเลย”
“ฟู่……”
กู้ชูหน่วนเกือบจะอาเจียนออกมาแล้ว
ต้มให้นางดื่มทุกวัน
นางยังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายปีนะ
“ทำไมหรือ เจ้ากลัวว่าข้าจะลำบากเกินไปใช่หรือไม่ วางใจได้ ต้มรังนกให้เจ้ากิน ข้าไม่รู้สึกลำบากเลยสักนิด”
กู้ชูหน่วนไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดในเรื่องนี้อีก นางรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่า ข้าเป็นผู้หญิงของเจ้าอย่างนั้นหรือ”
“ใช่แล้ว”
“ถ้าหากข้าเป็นผู้หญิงของเจ้า เช่นนั้นข้าก็สามารถออกไปเดินเล่นได้ทุกที่ในเผ่าปีศาจใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว”
“ได้ยินว่าเมื่อก่อนภูเขาหยุนฉี เคยเป็นหน่วนหลักของเผ่าปีศาจ ที่นั่นต้องมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์มากแน่ๆ ข้าชอบประวัติศาสตร์ เจ้าสามารถพาข้าไปดูอนุสรณ์สถานแห่งนั้นได้หรือไม่”
“อนุสรณ์สถานหรือ”
จอมมารพึมพำ
แม้ว่าเมื่อก่อนภูเขาหยุนฉีจะเป็นหน่วนหลักของเผ่าปีศาจ แต่หลังจากสงครามครั้งใหญ่ ที่นั่นไม่มีอะไรแล้ว
ไหนเลยจะมีอนุสรณ์สถานเหลืออยู่