อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 476 ข้าต้องการแค่เจ้า
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 476 ข้าต้องการแค่เจ้า
จอมมารมองดูกลุ่มควันจากไฟสัญญาณเตือนสงคราม มุมปากมีรอยยิ้มเย็นชาแต่โหดเหี้ยมปรากฏขึ้น
เห็นรอยยิ้มเช่นนั้นของเขา เหมือนกู้ชูหน่วนจะเข้าใจบางสิ่งขึ้นมา
“อาโม่ข้ามีบางสิ่ง อยากจะคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัว”
จอมมารโบกมืออย่างเกียจคร้าน ลูกน้องทั้งหมดก็ถอยออกไปอย่างรู้ความ
กู้ชูหน่วนร้องขึ้นว่า “เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเปิดค่ายกล”
ทุกคนต่างก็มองไปทางกู้ชูหน่วน
ไม่เปิดใช้ค่ายกล หรือจะรอให้พวกเขาขึ้นมาฆ่า
แคว้นฉู่มีคนเยอะพลังก็มาก แม้ว่าภูเขาหยุนฉีจะโจมตียาก พวกเขาก็ต้องสูญเสียคนไม่น้อยเช่นกัน
ที่สำคัญคือ คนของพวกเขายังคงต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับคนของแคว้นฉู่อยู่ด้านล่าง
ทุกคนต่างก็มองไปทางจอมมาร รอคำตอบของจอมมาร
จอมมารโบกมืออีกครั้ง แสดงออกด้วยท่าทีอย่างชัดเจน
ทุกคนได้แต่ถอยลงไปก่อน
“พี่สาว เจ้าต้องการคุยอะไรกับอาโม่ เป็นความลับหรือ”
“……”
นี่มันเวลาไหนแล้ว นางยังจะพูดความลับอะไรอีก
“ที่แคว้นฉู่โจมตีเผ่าปีศาจ นั่นเป็นเพราะหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ได้ฆ่าลูกชายเพียงคนเดียวของฮองเฮาแค้วนฉู่ เจ้าส่งตัวหัวหน้ากองธงกล้วยไม้กับหัวหน้ากองธงโบตั๋นไป พวกเขาย่อมถอยทัพไปเอง”
“หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ไม่รู้หายตัวไปไหน ข้าส่งคนไปตามหาตั้งมากมาย แต่ก็หาไม่พบ ส่วนหัวหน้ากองธงโบตั๋น ได้ถูกคนของแคว้นฉู่ฆ่าตายแล้ว”
“ถูกฆ่าแล้ว”
วรยุทธของหัวหน้ากองธงโบตั๋นสูงส่งขนาดนั้น คาดไม่ถึงว่าแคว้นฉู่จะฆ่าเขาได้
“อืม หน่วยย่อยทั้งหมดของโบตั๋นถูกทำลายจนสิ้น ไม่เหลือแม้แต่ที่เดียว บัญชีนี้ ข้ายังไม่ได้สะสางกับพวกเขา พวกเขากลับยกตนข่มท่าน ทำลายฐานที่มั่นของเผ่าปีศาจตั้งหลายครั้งหลายหน ฆ่าคนของเผ่าปีศาจไปไม่น้อย”
หัวใจของกู้ชูหน่วนหนักอึ้งลงเล็กน้อย
แม้ว่าซือโม่เฟยจะไม่พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่จิตสังหารนั้นแรงกล้ามาก
เขานั้นได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว อยากจะให้กองทัพแสนกว่าคนล้วนตายอยู่ที่นี่ทั้งหมด
กู้ชูหน่วนสันนิษฐานอย่างกล้าหาญ
ที่ซือโม่เฟยพานางกลับมาที่เผ่าปีศาจ กลับไม่ใช่ไปที่หน่วยหลักของเผ่าปีศาจ แต่มาที่ภูเขาหยุนฉี เขา……น่าจะเดาได้ว่าแคว้นฉู่จะจู่โจม อยากจะทำลายเขาที่เป็นหัวหน้าเผ่าปีศาจ ฉะนั้นจึงได้จงใจมาที่ภูเขาหยุนฉี อยากจะใช้ประโยชน์จากภูมิศาสตร์และค่ายกลของภูเขาหยุนฉี ทำลายกองทัพของแคว้นฉู่ทั้งหมด
ทุกคนล้วนไม่ใช่คนโง่
ซือโม่เฟยยิ่งไม่ใช่คนโง่
กู้ชูหน่วนพูดขึ้นว่า “อาโม่ เห็นแก่หน้าข้าสักครั้งได้หรือไม่ ปล่อยทหารแสนกว่านายของแคว้นฉู่ไป”
“หืม?”จอมมารเลิกคิ้ว คิดไม่ถึงว่านางจะออกหน้าแทนพวกเขา
และคนที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้ขึ้น ก็คือหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ได้ใช้เขาเป็นทาสบำเรอ ไม่ให้ผู้อื่นแตะต้อง แต่กระทำการข่มเหงตามอำเภอใจ สุดท้ายก็บีบให้เขาตายทั้งเป็น ยังเกือบจะทำร้ายฮองเฮาของแค้วนฉู่จนเกือบตาย ฮ่องเต้ของแคว้นฉู่อยากจะทวงคืนความยุติธรรม ให้กับภรรยาของตนเอง ก็สามารถเข้าใจได้
“ความเป็นความตายของลูกชายเขา เกี่ยวอะไรกับข้า แต่คนที่ฆ่าคนของเผ่าปีศาจ ต้องตายทุกคน แม้แคว้นฉู่จะมีอำนาจมาก แต่เผ่าปีศาจมีอะไรต้องกลัวด้วย ”
“สมมติถ้าหากข้าถูกคนอื่นบีบคั้นจนตาย สมมติถ้าหากลูกของเจ้าถูกบีบคั้นจนตาย เจ้าจะแก้แค้นแทนพวกเขาหรือไม่”
“แน่นอน”
“นั่นก็เพียงพอแล้ว เจ้าจะแก้แค้นแทนพวกเขา ฮ่องเต้ของแคว้นฉู่จะไม่ทำหรืออย่างไร อีกทั้งหัวหน้ากองธงกล้วยไม้กับหัวหน้ากองธงโบตั๋นก็ไม่ใช่คนดีอะไร ชุบเลี้ยงพวกทหารกล้าตาย ไม่มีความจงรักภักดีต่อเจ้าตั้งนานแล้ว เขาจิตใจเหี้ยมโหด อำมหิตอย่างไร้ขอบเขต สมควรตายไปตั้งนานแล้ว”
“แม้ว่าหัวหน้ากองธงกล้วไม้กับหัวหน้ากองธงโบตั๋นจะสมควรตาย ก็มีแต่ข้าเท่านั้นที่ลงโทษพวกเขาได้ แคว้นฉู่ จุ้นจ้านมากเกินไปแล้ว”จอมมารยิ้มอย่างเย้ยหยัน
กู้ชูหน่วนเข้าใจเขา
หัวหน้ากองธงกล้วยไม้กับหัวหน้ากองโบตั๋นเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา เขาสามารถฆ่าพวกเขาได้ด้วยมือตนเอง แต่ถ้าหากคนอื่นเป็นคนฆ่า นั่นเท่ากับท้าทายอำนาจของเขา
กู้ชูหน่วนเบือนหน้าไปอีกทาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรนัก “เพราะฉะนั้น เจ้าจึงต้องทำให้ทหารจำนวนแสนกว่านายตายอยู่ที่นี่ทั้งหมดอย่างนั้นหรือ”
“นอกจากกองทัพจำนวนแสนกว่านายแล้ว ฮ่องเต้ของแคว้นฉู่ของอยู่ด้านล่างของภูเขา พวกเขาตายกันหมด แคว้นฉู่ก็ไร้ผู้ปกครอง”ส่วนเขา ก็สามารถฉวยโอกาสยึดครองแคว้นฉู่
“เช่นนั้นวันนี้ข้าก็จะบอกกับเจ้าว่า ฮองเฮาแคว้นฉู่กับข้ามีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา ถ้าหากวันนี้เจ้าจะเปิดค่ายกลเพื่อทำลายกองทัพกว่าแสนนายของแคว้นฉู่ เช่นนั้นก็ทำลายข้าไปด้วยเลย”
“พี่สาว……”
กู้ชูหน่วนเบือนหน้าหนี
นางไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด
เพราะว่านางกับซือโม่เฟยก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง
แต่ข้างล่างนั้นเป็นทหารของแคว้นฉู่แสนกว่านาย ขอเพียงเขาโบกมือ ก็สามารถทำลายพวกเขาจนสิ้นซาก กระทั่งยังสามารถยึดครองแคว้นฉู่ได้ด้วย
แผ่นดินกับสาวงาม ไม่ว่าใครก็ต้องเลือกแผ่นดิน
กู้ชูหน่วนใช้สมองครุ่นคิด คิดหาวิธีว่าจะช่วยคนทั้งหมดของแคว้นฉู่ได้อย่างไร
แต่คิดไม่ถึงว่า ซือโม่เฟยจะพูดขึ้นอย่างลำบากใจว่า “แม้ข้าจะปล่อยพวกเขาไป พวกเขาก็ยังคงไล่ฆ่าคนของเผ่าปีศาจไปทั่ว ข้าเป็นถึงจอมมาร ก็ไม่สามารถจะเพิกเฉยตลอดไปได้ อีกทั้งพวกเขาก็เหิมเกริมมาก ถึงกับป่าวประกาศไปทั่วว่าจะทำลายเผ่าปีศาจของข้า”
เอ๋……
คำพูดนี้……
เผลอหลุดปากหรืออย่างไร
หัวใจของกู้ชูหน่วนผ่อนคลายลงเล็กน้อย นางหมุนตัวกลับไป เอ่ยอย่างมั่นใจว่า “ถ้าหากเจ้าเชื่อใจข้า ข้าจะคุยกับพวกเขาให้รู้เรื่อง รับรองว่าพวกเขาจะไม่หาเรื่องเผ่าปีศาจอีก ดีหรือไม่”
“เกรงว่าเจ้ายังไม่ทันได้เข้าใกล้ พวกเขาก็ฆ่าเจ้าก่อนแล้ว”
“วางใจเถอะ ข้าย่อมมีวิธีของข้าเอง อาโม่ หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็เคยคิดจะทำร้ายข้าตั้งหลายครั้ง ถ้าหากท่านหาตัวหัวหน้ากองธงกล้วยไม้พบ สามารถ……”
“หัวหน้ากองธงกล้วยไม้กล้าปองร้ายพี่สาว ถ้าหากข้าหาตัวเขาพบ เขาจะต้องอยู่ไม่สู้ตายเท่านั้น”
“ฉะนั้น ถ้าหากหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ตกอยู่ในมือเจ้า ข้าขอศีรษะของเขา เจ้าก็จะให้ใช่หรือไม่”
“ตัดศีรษะของเขาลงมา เป็นการดูถูกเขาเกินไป แต่ถ้าหากพี่สาวอยากได้ ข้าก็จะปล่อยเขาไป ตัดแค่ศีรษะเขาก็พอ”
“ดี เจ้ารับปากข้าแล้วนะ ให้เวลาข้าครึ่งวัน หลังครึ่งวัน ข้ารับประกันว่าทหารของแคว้นฉู่ต้องถอยไปแน่ และตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะไม่มีการหาเรื่องคนของเผ่าปีศาจอีก”
กู้ชูหน่วนเดินไปทางเชิงเขาด้วยท่าทีกะเผลก
ทันใดนั้น เสียงกังวานสดใสของซือโม่เฟยก็ดังขึ้น
“พี่สาว ที่ข้าปล่อยทหารแสนกว่านายกับฮ่องเต้และฮองเฮาของแค้วนฉู่ ก็เพราะเจ้า”
กู้ชูหน่วนชะงักฝีเท้า หัวใจรู้สึกซับซ้อนอยู่บ้าง
ผ่านไปสักพัก นางจึงหันกลับมาพูดว่า “รู้แล้ว คิดเสียว่าข้าติดหนี้บุญคุณเจ้าหนึ่งครั้ง”
พูดจบ นางก็เดินกะเผลกไปข้างหน้าต่อ
ระหว่างนางกับแผ่นดิน ซือโม่เฟยตัดสินใจเลือกนาง โดยไม่ลังเลเลยสักนิด นางไม่รู้ว่าควรอะไรดี
และไม่รู้ว่าควรหลอกใช้เขาต่อไปอีกหรือไม่
แต่บางครั้งความจริงก็โหดร้าย
นางไม่หลอกใช้ก็ไม่ได้ เพราะผู้คนอีกมากมายกำลังรอนางรวบรวมมุกมังกร
ทันใดนั้นร่างกายก็ถูกช้อนอุ้มขึ้น จากนั้นก็พุ่งลงไปทางด้านล่างภูเขาทันที รวดเร็วจนหัวใจนางเต้นรัวตามไปด้วย
ข้างหูมีเสียงอ่อนโยนเอาใจของซือโม่เฟยดังขึ้น
“พี่สาวเดินเช่นนี้ ครึ่งวันก็เดินไม่ถึงเชิงเขา อาโม่จะพาพี่สาวไปเอง ”
“ซี้ด……เจ้าช้าหน่อย”
ใช้วิชาตัวเบาพุ่งตรงลงมาจากบนยอดเขา ความเร็วเมื่อเทียบกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แล้วมีแต่เร็วกว่า เสียงลมพันหวีดหวิวอยู่ข้างหู
กู้ชูหน่วนถูกลมพัดจนลืมตาไม่ขึ้น ได้แต่ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกของเขา รอให้เขาอุ้มนางลงไปจากเขา
ริมฝีปากของซือโม่เฟยหยักขึ้น ยิ้มอย่างมีความสุขและพอใจ
เขาชอบที่พี่สาวทำท่าทีพึ่งพิงเขาเช่นนี้